ขอบคุณภาพจาก RT
20/5/2024
แม้จะเผชิญแรงกดดันขั้นสุดจากสหรัฐ แต่สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน ภายใต้การนำของประธานาธิบดี เอบราฮิม ไรซี ก็ยังคงยืนหยัดและเติบโตอย่างน่าทึ่ง
ประธานาธิบดี เอบราฮิม ไรซี พร้อมด้วย ฮุซัยน์ อะมีร อับดุลลอฮิยอน รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน และเจ้าหน้าที่อีกจำนวนหนึ่ง เสียชีวิตจากเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกในจังหวัดอาเซอร์ไบจานตะวันออกของอิหร่าน ตามแถลงการณ์อย่างเป็นทางการของสื่อรัฐบาลอิหร่าน
ประธานาธิบดี เอบราฮิม ไรซี เกิดเมื่อปี 1960 ใน Mashhad เขาถูกเลี้ยงดูมาในตระกูลนักการศาสนาและได้รับการศึกษาทางด้านศาสนาตั้งแต่เยาว์วัย เขามักถูกอ้างถึงว่า อาจจะเป็นทายาททางการเมืองสืบต่อจาก เซย์เยด คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดอิหร่าน
ในช่วงวัยหนุ่ม เชื่อว่า เขาได้เข้าร่วมกับหลายเหตุการณ์ที่นำไปสู่การลี้ภัยของพระเจ้าชาห์แห่งอิหร่าน ซึ่งตะวันตกหนุนหลังอยู่ และอิหร่านก็จัดตั้งเป็นสาธารณรัฐอิสลามมานับจากนั้น ภายใต้การนำของ เซย์เยด คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดอิหร่าน
จากนั้น ไรซี ได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัย ชาฮิด โมตาฮารี ในกรุงเตะหราน และได้รับปริญญาเอกทางด้านกฎหมายและหลักนิติศาสตร์อิสลาม
เขาได้เริ่มต้นอาชีพทางกฎหมายในสำนักอัยการ และเมื่อสั่งสมประสบการณ์ได้ที่ ก่อนปี 1985 ไรซีก็ได้ก้าวขึ้นมาเป็นรองอัยการแห่งเตหะราน ทั้งยังเคยดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าองค์กรตรวจสอบแห่งสาธารณรัฐอิสลาม และรองอธิบดีผู้พิพากษายาวนานถึงสิบปี จนถึงปี 2014 และได้เป็นอัยการสูงสุดจนถึงปี 2016
ในปี 2017 ไรซีลงชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีเป็นครั้งแรก ก้าวขึ้นมาเป็นคู่แข่งคนสำคัญของอดีตประธานาธิบดี ฮัสซัน รูฮานี แม้จะแพ้รูฮานี แต่ไรซีก็กวาดเสียงโหวตมาเกือบ 16 ล้านเสียง และในปี 2021 เขาลงชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีอีกหน และครั้งนี้กวาดชัยชนะไปด้วยคะแนนเสียงถล่มทลาย
ภายใต้การนำของไรซี รัฐบาลของเขายังคงเจรจาต่อรองทางอ้อมกับมหาอำนาจโลก เพื่อรื้อฟื้นข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2015 หวังให้ตะวันตกยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน หลังจากสหรัฐถอนตัวออกจากข้อตกลงนี้ไปในสมัยของอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรขั้นสูงสุดต่ออิหร่าน โดยอ้างว่า อิหร่านละเมิดข้อตกลงด้านนิวเคลียร์
ในช่วงที่ไรซีเป็นประธานาธิบดีอิหร่าน อิหร่านและซาอุดิอาระเบียตกลงจะฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตและเปิดภารกิจร่วมกันอีกครั้ง โดยมีจีนเข้ามาเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ย หลังความสัมพันธ์ตึงเครียดอยู่นาน 7 ปี
ประธานาธิบดี เอบราฮิม ไรซี ยังเป็นผู้ที่กล้าท้าชนตะวันตกอย่างไม่หวาดหวั่น เมื่อไม่นานมานี้ เขาชื่นชมปฏิบัติการของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามอิหร่านที่ได้ยิงโดรนและขีปนาวุธเข้าไปโจมตีเป้าหมายของอิสราเอล เพื่อตอบโต้ที่อิสราเอลโจมตีสถานกงสุลอิหร่านในกรุงดามัสกัส ของซีเรีย
และแม้รัฐบาลของเขา จะเผชิญแรงกดดันขั้นสุดจากรัฐบาลสหรัฐทั้งในสมัยโดนัลด์ ทรัมป์ และลามต่อมายังยุคนี้ คือประธานาธิบดี โจ ไบเด้น แต่ไรซีก็ยังกุมบังเหียน นำพาอิหร่านให้เติบโต มีการพัฒนาอย่างมากมาย ทั้ง การค้า ความมั่นคง และการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม
รัฐบาลของเขาขยายความเป็นหุ้นส่วนทางการค้ากับนานาชาติ โดยเฉพาะประเทศในแถบเอเชีย แอฟริกา และละตินอเมริกา ข้อตกลงการค้าและความร่วมมือทางเศรษฐกิจผุดขึ้นมาอย่างหลากหลายในอิหร่านยุคนี้
อิหร่านยังกลายเป็นสมาชิกถาวรขององค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ เริ่มบทบาทใหม่ของความร่วมมือกับสมาชิกองค์การยูเรเซีย และในปี 2023 กลุ่ม BRICS ซี่งหลอมรวมกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาและท้าทายอำนาจตะวันตก ก็ได้เปิดรับอิหร่านเข้าเป็นสมาชิก
ในด้านการทหาร อิหร่านมีความคืบหน้าไปอย่างมากในสมัยของประธานาธิบดี ไรซี เมื่อไม่กี่ปีมานี้ อิหร่านพัฒนาเทคโนโลยีโดรน จนพึ่งพาตัวเองในด้านนี้ได้ 100% ทั้งยังส่งออกโดรนไปยังหลายประเทศ อิหร่านยังประสบความสำเร็จในโครงการขีปนาวุธ และความสามารถทางกองทัพเรือ เพิ่มความร่วมมือทางทหารอย่างลึกซึ้งกับรัสเซียและจีน
By IMCTNews