2/8/67
Yahoo Finace รายงานว่า บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่อย่าง Meta และ Alphabet ได้เข้าร่วมกับ Apple, Microsoft และ Nvidia ในการจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้น สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จทางธุรกิจและความท้าทายในการใช้เงินสดจำนวนมหาศาล ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่าเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนในการเข้าถึงหุ้นกลุ่มนี้
Meta บริษัทแม่ของ Facebook ประกาศจ่ายเงินปันผล 50 เซนต์ต่อหุ้นในเดือนกุมภาพันธ์ ส่งผลให้ราคาหุ้นพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ ตามมาด้วย Alphabet บริษัทแม่ของ Google ที่ประกาศจ่ายปันผล 20 เซนต์ต่อหุ้นในเดือนพฤษภาคม ทำให้ราคาหุ้นเพิ่มขึ้น 10% ทันที
การตัดสินใจจ่ายเงินปันผลของบริษัทเหล่านี้ทำให้พวกเขาเข้าร่วมกลุ่มกับ Microsoft ซึ่งเริ่มจ่ายปันผลตั้งแต่ปี 2546 และ Apple ที่กลับมาจ่ายปันผลในปี 2555 หลังจากหยุดไป 17 ปี โดยในไตรมาสแรกของปี 2567 Microsoft และ Apple ติดอันดับ 3 และ 8 ของบริษัทที่จ่ายเงินปันผลมากที่สุดในโลกตามดัชนี Janus Henderson Global Dividend
Ted Mortonson นักวิเคราะห์จาก Baird กล่าวว่า "ผมไม่มองว่าการจ่ายปันผลเป็นปัญหา แต่มองว่าพวกเขาประสบความสำเร็จแล้ว ทั้งในด้านเทคโนโลยี โมเดลธุรกิจ และจะชนะในยุค AI รุ่นใหม่ด้วย"
กลุ่มบริษัทที่เรียกว่า "Magnificent Seven" ประกอบด้วย Alphabet, Amazon, Apple, Meta, Microsoft, Nvidia และ Tesla สร้างผลกำไรคิดเป็นครึ่งหนึ่งของดัชนี S&P 500 ในปีที่ผ่านมา โดยมีเพียง Amazon และ Tesla ที่ยังไม่จ่ายเงินปันผล
แม้ว่า Nvidia จะเพิ่มเงินปันผลขึ้น 150% เมื่อเร็วๆ นี้ แต่ก็เป็นเพียงการเตรียมการสำหรับการแตกหุ้น 10 ต่อ 1 ทำให้เงินปันผลต่อหุ้นลดลงเหลือเพียง 1 เซนต์ ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลของบริษัทเทคโนโลยียังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดที่ 2.3% โดย Microsoft อยู่ที่ 0.73%, Apple 0.55%, Alphabet 0.47% และ Meta 0.42%
Angelo Zino นักวิเคราะห์จาก CFRA Research ระบุว่า การจ่ายเงินปันผลของบริษัทเหล่านี้เป็นเพียงส่วนเล็กน้อยของกระแสเงินสดอิสระ ซึ่งรวมกันเกิน 200,000 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสที่ผ่านมา โดยมียอดเงินสดรวมกว่า 400,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่ง Apple ถือครองมากถึง 162,000 ล้านดอลลาร์
นอกจากการจ่ายปันผล บริษัทเหล่านี้ยังซื้อหุ้นคืนจำนวนมหาศาล โดย Meta และ Alphabet ประกาศแผนซื้อคืนมูลค่า 50,000 ล้านและ 70,000 ล้านดอลลาร์ตามลำดับ ขณะที่ Apple สร้างสถิติการซื้อหุ้นคืนสูงสุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ที่ 110,000 ล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม การควบรวมกิจการขนาดใหญ่ดูเหมือนจะเป็นไปได้ยากขึ้น เนื่องจากการตรวจสอบด้านการต่อต้านการผูกขาดที่เข้มงวดขึ้น เช่น กรณีการเจรจาซื้อ Wiz บริษัทสตาร์ทอัพด้านความปลอดภัยไซเบอร์มูลค่า 23,000 ล้านดอลลาร์ของ Google ที่อาจต้องล้มเลิกไปเนื่องจากความกังวลด้านกฎระเบียบ
ทั้ง Mortonson และ Zino มองว่าการจ่ายเงินปันผลของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่เหล่านี้จะเปิดโอกาสให้หุ้นของพวกเขาถูกรวมเข้าไปในกองทุนรายได้และเงินปันผล ซึ่งจะช่วยขยายฐานนักลงทุนอย่างมาก นอกจากนี้ การเทขายหุ้นเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นล่าสุดอาจทำให้บริษัทเหล่านี้ดึงดูดนักลงทุนที่เน้นมูลค่าได้มากขึ้น
Zino คาดการณ์ว่า "เรามองเห็นศักยภาพที่บริษัทเหล่านี้จะเพิ่มเงินปันผลอย่างมีนัยสำคัญในช่วง 3 ปีข้างหน้า" ซึ่งอาจเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนที่ต้องการทั้งการเติบโตที่น่าตื่นเต้นและผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ
การตัดสินใจจ่ายเงินปันผลของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่เหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จทางธุรกิจและความท้าทายในการบริหารจัดการเงินสดจำนวนมหาศาล ในขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสใหม่ๆ สำหรับนักลงทุนในการเข้าถึงหุ้นกลุ่มนี้ ซึ่งยังคงเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนนวัตกรรมและการเติบโตทางเศรษฐกิจในยุคดิจิทัล
IMCT NEWS
ที่มา Yahoo Finance https://www.yahoo.com/finance/news/why-apple-other-tech-giants-103000891.html