ขอบคุณภาพจาก Sputnik
01.09.2024
กระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นได้ของบประมาณสำหรับปีหน้าสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 8.5 ล้านล้านเยนหรือประมาณ 1.9 ล้านล้านบาท เพื่อยับยั้งภัยคุกคามจากจีนที่เพิ่มขึ้นในหมู่เกาะทางตะวันตกเฉียงใต้ เจ้าหน้าที่กลาโหมญี่ปุ่นยังมุ่งเน้นไปที่อาวุธไร้คนขับและปัญญาประดิษฐ์เพื่อชดเชยจำนวนทหารที่ลดลงเนื่องจากประชากรของประเทศที่น้อยลงอีกด้วย
นับเป็นปีที่สามที่ญี่ปุ่นมีแผนการเสริมสร้างกองทัพอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาห้าปี โดยตั้งเป้าที่จะใช้จ่ายถึง 43 ล้านล้านเยน (ประมาณ 10 ล้านล้านบาท) จนถึงปี 2527 เพื่อเพิ่มการใช้จ่ายทางทหารประจำปีเป็นเท่าตัวคือ 10 ล้านล้านเยน ทำให้ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ใช้จ่ายทางทหารมากเป็นอันดับ 3 ของโลกรองจากสหรัฐฯและจีน
คำขอของบประมาณได้รับการอนุมัติในการประชุมกระทรวงกลาโหมเมื่อวันศุกร์ก่อนส่งไปยังกระทรวงการคลังเพื่อพิจารณาต่อรองกันจนถึงเดือนธันวาคม
ญี่ปุ่นได้เสริมสร้างการป้องกันทางตะวันตกเฉียงใต้อย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาท่ามกลางภัยคุกคามทางทหารที่เพิ่มขึ้นของจีนและความตึงเครียดในทะเลภูมิภาค โดยจีนได้เพิ่มการปะทะกับยามชายฝั่งฟิลิปปินส์ในน่านน้ำที่มีข้อพิพาทในทะเลจีนใต้และมักส่งกองเรือยามชายฝั่งละเมิดน่านน้ำรอบหมู่เกาะของญี่ปุ่นที่มีข้อพิพาทกันในทะเลจีนตะวันออกซึ่งจีนอ้างสิทธิ์เช่นกัน
งบประมาณจำนวนมากถึง 9.7 แสนล้านเยน (2.2 แสนล้านบาท) สำหรับปี 2025 ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการเสริมสร้างความสามารถในการตอบโต้ด้วยการพัฒนาและซื้อขีปนาวุธพิสัยไกลและอุปกรณ์สำหรับการปล่อยขีปนาวุธรวมถึง การปล่อยจากเรือพิฆาต Aegis ประมาณหนึ่งในสามของงบประมาณดังกล่าวยังใช้สำหรับดาวเทียมที่มีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการตรวจจับภารกิจที่เกี่ยวข้องกับขีปนาวุธอีกด้วย เนื่องจากเกาหลีเหนือ จีน และรัสเซีย ได้พัฒนาขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกที่ตรวจจับและติดตามได้ยากขึ้น
ในขณะที่ผลักดันการเสริมสร้างกองทัพ ญี่ปุ่นก็ต้องรับมือกับจำนวนทหารที่ลดลง จึงมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาและซื้อโดรนเพิ่มเติมสำหรับการเฝ้าระวังและการสู้รบ โดยของบประมาณ 1 แสนล้านเยน นอกจากนี้ยังต้องการงบถึง 3.1 แสนล้านเยน (7.2 หมื่นล้านบาท) เพื่อสร้างเรือพิฆาตอเนกประสงค์ขนาดเล็กรุ่นใหม่ 3 ลำ ซึ่งต้องใช้ลูกเรือ 90 คน น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของขนาดลูกเรือที่จำเป็นในปัจจุบัน
เจ้าหน้าที่กลาโหมญี่ปุ่นกล่าวว่าโดรนจู่โจมเป็น “ตัวเปลี่ยนเกม” ที่สามารถปฏิบัติภารกิจได้นานหลายชั่วโมงและลดการสูญเสียชีวิตของมนุษย์ในการสู้รบได้ และพวกเขาถือว่าเป็นเสาหลักของการเสริมสร้างกองทัพที่กำลังดำเนินอยู่ของญี่ปุ่น อาวุธไร้คนขับยังสามารถช่วยประเทศที่มีประชากรสูงอายุเพิ่มขึ้น แต่จำนวนประชากรโดยรวมลดลงด้วย
ญี่ปุ่นกำลังดิ้นรนเพื่อเติมเต็มกองกำลังป้องกันตนเองหรือ SDF ให้อยู่ที่ 247,000 คน โดย SDF ประสบปัญหาในการดึงดูดคนหนุ่มสาวในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาและบรรลุเป้าหมายการรับสมัครเพียงครึ่งหนึ่ง คือ 19,598 คนเมื่อปีที่แล้ว ทำให้ญี่ปุ่นมีจำนวนทหารต่ำที่สุดเป็นประวัติศาสตร์ในรอบ 70 ปี เมื่อปีที่แล้ว (2023) โดยมีทหารระดับกลาง 6,258 คน ลาออกจากงาน ซึ่งเป็นจำนวนสูงสุดใน 30 ปี
กระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นได้กล่าวในรายงานระหว่างการประชุมทรัพยากรบุคคลซึ่งเผยแพร่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า“เนื่องจากการให้กำเนิดและประชากรในวัยทำงานลดลง ญี่ปุ่นจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเผชิญกับสังคมที่ขาดแคลนแรงงานอย่างรุนแรง” พร้อมเสริมว่า “เราจำเป็นต้องสร้างองค์กรที่สามารถสู้รบด้วยวิธีการใหม่ๆ พร้อมเสริมสร้างกำลังป้องกันประเทศด้วย”
รายงานของกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นยังระบุอีกว่า คนหนุ่มสาวลดลงและบริษัทเอกชนที่เสนอเงินเดือนและสวัสดิการที่ดีกว่าทำให้การรับสมัครทหารในปัจจุบัน อยู่ในสถานะที่ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง”
กระทรวงฯญี่ปุ่นได้ขอเงิน 1.8 หมื่นล้านเยน (ประมาณ 4,100 ล้านบาท) เพื่อนำระบบเฝ้าระวัง AI มาใช้ในฐานที่มั่น SDF 40 แห่งทั่วญี่ปุ่น โดยมีเป้าหมายที่จะปลดประจำการทหาร 1,000 นาย นอกจากนี้ยังของบ 4,300 ล้านเยน (1 พันล้านบาท) สำหรับการจัดเก็บเสบียงอัตโนมัติที่จะเปิดตัวในปี 2027 ที่เมืองโอกินาวะ
กระทรวงกลาโหมญี่ปุ่น ยังเรียกร้องให้ปฏิรูปเพื่อปรับปรุงเงินเดือน สภาพแวดล้อมการทำงาน โอกาสในการฝึกอบรมและการเรียนรู้มากขึ้น รวมถึงการสนับสนุนทหารที่เป็นคุณแม่ เพื่อดึงดูดผู้หญิงมาสมัครมากขึ้นด้วย
By IMCT NEWS
อ้างอิงจาก: https://news.yahoo.com/news/japans-defense-ministry-seeks-record-102137666.html