สะเทือนการเมืองสหรัฐฯ! 'ไบเดนผิดคำสัญญา' ใช้อำนาจอภัยโทษลูกชายก่อนพ้นตำแหน่ง เผชิญกระแสต้านรุนแรงทั้งใน-นอกพรรค
3-12-2024
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศอภัยโทษแบบสมบูรณ์และไม่มีเงื่อนไขให้ฮันเตอร์ ไบเดน ลูกชาย สำหรับคดีอาวุธปืนและหลีกเลี่ยงภาษีที่มีกำหนดรับโทษในเดือนนี้ แม้ก่อนหน้าจะให้คำมั่นต่อสาธารณะว่าจะไม่แทรกแซงกระบวนการยุติธรรมของกระทรวงยุติธรรม
Newsweek รายงานว่า ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ประธานาธิบดีโจ ไบเดนตัดสินใจออกคำสั่งอภัยโทษแบบ "สมบูรณ์และไม่มีเงื่อนไข" ให้กับฮันเตอร์ ไบเดน ลูกชาย สำหรับความผิดทั้งหมดที่เกิดขึ้นหรืออาจเกิดขึ้นในช่วงวันที่ 1 มกราคม 2557 ถึง 1 ธันวาคม 2567 ครอบคลุมทั้งคดีอาวุธปืนและคดีหลบเลี่ยงภาษีที่ถูกดำเนินการโดยที่ปรึกษากฎหมายพิเศษเดวิด ซี. ไวส์ ในศาลแขวงสหรัฐเขตเดลาแวร์และเขตกลางแคลิฟอร์เนีย ซึ่งมีกำหนดตัดสินโทษในเดือนนี้
การตัดสินใจดังกล่าวขัดกับคำมั่นสัญญาก่อนหน้าที่ว่าจะไม่แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม โดยไบเดนชี้แจงว่าเขารักษาคำพูดมาตลอด แม้ต้องเห็นลูกชายถูกเลือกปฏิบัติและถูกดำเนินคดีอย่างไม่เป็นธรรม พร้อมระบุว่าคดีเหล่านี้เกิดขึ้นจากการยุยงของฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองในสภาคองเกรสเพื่อโจมตีตนและขัดขวางการเลือกตั้ง
ผู้ว่าการรัฐโคโลราโด จาเร็ด โพลิส ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ผ่านโซเชียลมีเดีย X (อดีตทวิตเตอร์) ว่าแม้จะเข้าใจความปรารถนาของพ่อที่ต้องการช่วยลูก แต่ผิดหวังที่ไบเดนเลือกเอาครอบครัวมาก่อนประเทศ และอาจเป็นบรรทัดฐานที่ไม่ดีที่ประธานาธิบดีคนต่อไปอาจนำไปใช้ในทางมิชอบ
ด้านเกร็ก สแตนตัน ส.ส.พรรคเดโมแครต แสดงจุดยืนคัดค้านโดยระบุว่า "ผมเคารพประธานาธิบดีไบเดน แต่ผมคิดว่าเขาตัดสินใจผิดในครั้งนี้ นี่ไม่ใช่การดำเนินคดีที่มีแรงจูงใจทางการเมือง ฮันเตอร์ก่ออาชญากรรมร้ายแรงและถูกตัดสินโดยคณะลูกขุน"
โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ โต้กลับผ่าน Truth Social ด้วยการตั้งคำถามว่า "การอภัยโทษที่โจให้ฮันเตอร์นั้นรวมถึงตัวประกัน J-6 ที่ถูกคุมขังมาหลายปีด้วยหรือไม่? นี่คือการละเมิดและความไม่ยุติธรรมในกระบวนการยุติธรรม!"
สตีเวน เชียง ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารของทรัมป์ แถลงว่า "การล่าแม่มดที่ล้มเหลวต่อประธานาธิบดีทรัมป์พิสูจน์แล้วว่ากระทรวงยุติธรรมที่พรรคเดโมแครตควบคุมและอัยการหัวรุนแรงมีความผิดฐานใช้ระบบยุติธรรมเป็นอาวุธ ระบบนี้ต้องได้รับการแก้ไขและฟื้นฟูกระบวนการยุติธรรมสำหรับชาวอเมริกันทุกคน ซึ่งนี่คือสิ่งที่ประธานาธิบดีทรัมป์จะทำเมื่อกลับสู่ทำเนียบขาวพร้อมคำสั่งอันล้นหลามจากประชาชน"
ในแถลงการณ์ยาว ไบเดนอธิบายเหตุผลการอภัยโทษว่า ปกติคดีกรอกแบบฟอร์มซื้อปืนแทบไม่มีการฟ้องร้องเป็นคดีอาญา หากไม่มีปัจจัยรุนแรง เช่น การใช้ในอาชญากรรม การซื้อหลายครั้ง หรือการซื้อแทนผู้อื่น เช่นเดียวกับคดีภาษีที่เกิดจากการติดยา หากชำระเงินคืนพร้อมดอกเบี้ยและค่าปรับแล้วมักได้รับการยุติคดีแบบไม่เป็นคดีอาญา นอกจากนี้ ข้อตกลงรับสารภาพที่เจรจากับกระทรวงยุติธรรมก็ล้มเหลวในศาลเพราะแรงกดดันทางการเมือง
ฮันเตอร์ ไบเดน ออกแถลงการณ์ยอมรับและรับผิดชอบต่อความผิดพลาดในช่วงติดยา ที่ถูกนำมาใช้ประจานตนและครอบครัวเพื่อผลทางการเมือง แต่ยืนยันว่าได้เลิกเหล้ามา 5 ปีครึ่งแล้วด้วยศรัทธาและการสนับสนุนจากครอบครัว เขาระบุว่าแม้จะสูญเสียโอกาสและข้อได้เปรียบมากมายในช่วงติดยา แต่การฟื้นตัวเปิดโอกาสให้แก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดและสร้างชีวิตใหม่ โดยสัญญาว่าจะไม่ลืมความเมตตาที่ได้รับในวันนี้ และจะอุทิศชีวิตใหม่เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ยังทุกข์ทรมาน
จิลล์ ไวน์-แบงก์ส อดีตอัยการคดีวอเตอร์เกต แสดงความยินดีกับการอภัยโทษ ระบุว่ารู้สึก "โล่งใจและตื่นเต้น" พร้อมชี้ว่าคดีอาวุธปืนไม่ควรถูกฟ้องร้องตั้งแต่แรกหากไม่ใช่เพราะนามสกุลของเขา นอกจากนี้ยังแนะนำให้ไบเดนพิจารณาอภัยโทษล่วงหน้าให้บุคคลอื่น รวมถึงตัวเองและแจ็ค สมิธ อัยการพิเศษ เพื่อป้องกันการใช้กระทรวงยุติธรรมโจมตีคู่ปรณีทางการเมืองเมื่อทรัมป์กลับเข้าทำเนียบขาว
การอภัยโทษครั้งนี้มีขอบเขตกว้างที่สุดนับตั้งแต่ประธานาธิบดีฟอร์ดอภัยโทษให้นิกสันในปี 2517 และเป็นกรณีล่าสุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ที่ประธานาธิบดีใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญอภัยโทษให้ญาติ ต่อจากอับราฮัม ลินคอล์นและโดนัลด์ ทรัมป์
ขณะที่ไบเดนมีกำหนดเดินทางเยือนแอฟริกาเป็นครั้งแรกในฐานะประธานาธิบดี โดยแวะที่เกาะกาบูเวร์ดีเพื่อพบนายกรัฐมนตรีอูลิสเซส คอร์เรีย เอ ซิลวา ระหว่างทางไปแองโกลา เพื่อหารือโครงการรถไฟที่สหรัฐฯ สนับสนุนใน 3 ประเทศ ได้แก่ แซมเบีย คองโก และแองโกลา ซึ่งเป็นความพยายามถ่วงดุลอิทธิพลของจีนในภูมิภาค
---
ที่มา https://www.newsweek.com/joe-biden-donald-trump-hunter-pardon-live-updates-12-02-24-1994027
---------------------------
ไบเดนอภัยโทษบุตรชาย 'ฮันเตอร์' สองคดีอาญา
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ที่กำลังจะพ้นจากตำแหน่งในอีกไม่ถึงสองเดือน ประกาศอภัยโทษบุตรชาย ฮันเตอร์ ไบเดน ที่กำลังเผชิญการพิจารณาคดีที่เขาถูกฟ้องร้องสองคดี
ก่อนหน้านี้ ปธน.ไบเดน เคยรับปากว่าจะไม่อภัยโทษให้กับบุตรชายของตน แต่ในคำแถลงเมื่อวันอาทิตย์ ไบเดนกล่าวว่าการตัดสินใจให้อภัยโทษครั้งนี้คือการตอบโต้ต่อการดำเนินคดีที่ไม่เป็นธรรมและเลือกปฏิบัติ
"การตั้งข้อหาในคดีนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองในรัฐสภาหลายคนพยายามปลุกปั่นเพื่อโจมตีและขัดขวางการลงเลือกตั้งของผม" ปธน.ไบเดนกล่าว
เมื่อเดือนมิถุนายน ฮันเตอร์ ไบเดน ถูกศาลตัดสินว่ามีความผิดทางอาญา 3 กระทง ในคดีที่เกี่ยวข้องกับการซื้ออาวุธปืนเมื่อปี 2018 ซึ่งเขาไม่ตอบความจริงในแบบฟอร์มขอซื้อปืนดังกล่าว
คณะลูกขุนตัดสินว่า ฮันเตอร์ ไบเดน มีความผิดฐานให้การเท็จในแบบฟอร์มของรัฐบาลกลางสำหรับผู้ที่จะซื้ออาวุธปืนในสหรัฐฯ จากการที่ตอบว่าตนไม่เสพสารเสพติด และเขาครอบครองปืนกระบอกนั้นไว้เป็นเวลา 11 วัน โดยอาจต้องโทษจำคุกสูงสุด 25 ปี
นอกจากคดีที่เกี่ยวกับการครอบครองปืนอย่างผิดกฎหมายแล้ว บุตรชายคนเล็กวัย 53 ปีของไบเดนซึ่งเคยมีปัญหาเกี่ยวกับยาเสพติดและตกเป็นเป้าของการสืบสวนคดีธุรกิจข้ามชาติ ยังเผชิญคดีจ่ายภาษีไม่ทันตามกำหนดมูลค่า 1.4 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเขายอมรับสารภาพไปแล้ว
ในแถลงการณ์อภัยโทษเมื่อวันอาทิตย์ ปธน.ไบเดน ระบุว่า ฮันเตอร์ ไบเดน จะถูกละเว้นจากการถูกลงโทษในสองคดีดังกล่าว รวมทั้ง "ความผิดใด ๆ ก็ตามที่เขาได้กระทำไว้ หรืออาจกระทำ หรือมีส่วนร่วม" ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2014 ถึง 1 มกราคม 2024
ปธน.ไบเดน ระบุในแถลงการณ์ว่า ตนหวังว่าประชาชนอเมริกันจะเข้าใจว่าทำไมตนจึงตัดสินใจเช่นนี้ในฐานะบิดาและประธานาธิบดี และว่าตลอดอาชีพ ตนปฏิบัติตามหลักการง่าย ๆ ว่าจงบอกความจริงแก่ประชาชน และความจริงก็คือ แม้ตนจะเชื่อในระบบยุติธรรม แต่ก็เชื่อด้วยว่าการเมืองได้แทรกแซงกระบวนการพิจารณาคดีนี้ด้วย
ด้านฮันเตอร์ มีคำแถลงว่า "ผมขอยอมรับและขอแสดงความรับผิดขอบต่อความผิดพลาดในช่วงเวลาอันมืดมิดที่สุดของการเสพติด เป็นความผิดพลาดที่ถูกนำมาใช้แสวงหาประโยชน์เพื่อสร้างความละอายใจและความเสื่อมเสียให้กับตัวกระผมและครอบครัวเพื่อการแข่งขันทางการเมือง"
ขณะเดียวกัน ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้วิจารณ์การอภัยโทษครั้งนี้ว่า "เป็นการละเมิดและทำให้เสื่อมเสียความยุติธรรม"
อย่างไรก็ตาม ในช่วงปลายของการดำรงตำแหน่งสมัยแรก ทรัมป์ได้อภัยโทษให้กับชาลส์ คุชเนอร์ บิดาของบุตรเขยของตนเอง จาเร็ด คุชเนอร์ รวมทั้งอดีตที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ ไมเคิล ฟลินน์, อดีตผู้จัดการคณะหาเสียงของเขา พอล แมนาฟอร์ต, อดีตหัวหน้าทีมวางแผนยุทธศาสตร์ สตีฟ แบนนอน และอดีตที่ปรึกษาการหาเสียง จอร์จ ปาปาโดปูลอส มาแล้วเช่นกัน
ข้อมูลบางส่วนจากเอพีและรอยเตอร์