สหรัฐ vs จีน: ใครพึ่งพาใคร? (5)
10/3/2024
จีนอยู่ภายใต้ระบบสังคมนิยมที่ค่อนข้างจะเข้มงวดภายใต้เหมา เจ๋อตุงและบอบช้ำมามากจากวิกฤติทั้งภายในและภายนอกที่ดำเนินต่อเนื่องมาตั้งแต่สงครามฝิ่นที่รบพุ่งกับอังกฤษ ทำให้เกิดความยากจนแร้นแค้น เงินเฟ้อรุนแรง เกิดความอดอยากไปทั่วประเทศ
แม้เหมาจะมีอำนาจเด็ดขาดแต่ยังมีการต่อสู้เพื่อแย่งอำนาจกันภายในอันนำไปสู่การปฎิวัติวัฒนธรรมในแง่หนึ่งเพื่ออำพรางการกำจัดฝ่ายตรงข้าม แต่ก็มีการทำลายวัฒนธรรมจารีตประเพณีเดิม รวมท้ังศาสนาทำให้จีนเข้าสู่ความตกต่ำที่สุด ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้นับตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 ถอยหลังไปจีนเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก
จีดีพีของจีนและอินเดียรวมกันมีขนาดเทียบเท่า 60% ของโลก
ทั้งรัสเซียและจีนเป็นเป้าใหญ่ของการถูกทำลายจากขบวนการปฎิวัติโลก (World Revolution) ที่อยู่เบื้องหลังการสร้างคาร์ล มาร์กซ (คศ 1818-1883) ชาวยิวเยอรมันเพื่อให้เขียนลัทธิคอมมิวนิสต์ขึ้นมาเพื่อที่จะเป็นปฏิปักษ์กับลัทธิเสรีนิยม (Liberalism/Democracy) โดยที่ผู้ที่กำหนดเกมอยู่เบื้องหลังทั้งลัทธิสังคมนิยมคอมมิวนิสต์และลัทธิเสรีนิยมประชาธิปไตย
มาร์กซ์อยู่ในสายของวัตถุนิยม (materialism) ของอังกฤษที่อยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับจิตนิยม (rationalism) ของทวีปยุโรป พวกวัตุนิยมไม่เชื่อในเรื่องจิตวิญญาน ชีวิตนี้มีชีวิตเดียวตายแล้วตายเลย จิตไม่มีจริง ถ้าจิตมีจริงจิต มันเป็นเพียงการแสดงออกของร่างกาย มีเพียงแต่วัตถุเท่านั้นที่จับต้องได้ที่เป็นจริง ส่วนพวกจิตนิยมทางฝั่งยุโรปเชื่อว่าจิตมีจริง และมีมาก่อนร่างกาย มิเช่นนั้นเราจะไม่มีเหตุผล มีความคิดความอ่านหรือมีความรู้ดั้งเดิมได้
จากพื้นฐานวัตถุนิยมนี้ มาร์กซแปลงความคิดของ Georg Wilhelm Friedrich Hegel (คศ 1770-1831) ซึ่งเป็นนักปรัชญาเยอรมันนีสายจิตนิยม ผู้พัฒนาแนวความคิดวิภาษวิธีของพวกรีกเพื่อประยุกต์กับประวัติศาสตร์ โดยเฮเกลมองว่าประวัติศาสตร์มีพัฒนาการในรูปแบบของ Thesis- Antithesis – Synthesis โดยสังคมดั้งเดิม(thesis)จะถูกแนวความคิดใหม่หรือวิทยาการใหม่ (anti-thesis) เข้าไปเปลี่ยนแปลงหรือทำลาย อันนำไปสู่สังคมใหม่ (synthesis)
สังคมใหม่จะกลายเป็นสังคมเก่าเมื่อถูกความคิด วิทยาการหรือปัจจัยใหม่ เข้ามาทำลายเพื่อให้เกิดสังคมใหม่วนเวียนอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ขบวนการวิภาษวิธีทางประวัติศาสตร์นี้ ซึ่งมีจิต (Spirit) ที่เปรียบเหมือนพลังที่มองไม่เห็นนำพาท้ายที่สุดจะนำไปสู่สังคมที่พัฒนาก้าวหน้าสูงขึ้นไปเรื่อยๆจนท้ายที่สุดแล้วมนุษย์สามารถเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของพระเจ้าได้ในสังคมอุดมคติ
มาร์กซเอาแนวคิดของเฮเกลเพื่อเขียนลัทธิคอมมิวนิสต์สายวัตถุนิยมเพื่อต่อต้านระบบนายทุนและสร้างชนชั้นแรงงานให้เป็นฮีโร่แทนระบบนายทุน ระบบขุนนาง และระบบกษัตริย์ ประชาชนเท่านั้นที่จะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน ปัจจัยในการผลิตต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเงิน เครื่องจักรอุปกรณ์ ที่ดินทำกินแทนที่จะอยู่ในมือนายทุนหรือขุนนางที่แสวงหาผลกำไรเพื่อตัวเองควรจะอยู่ในมือของรัฐของชนชั้นกรรมาชีพ
แต่ชนชั้นกรรมาชีพจะไม่มีทางมีชีวิตที่ดีขึ้นถ้าไม่ลุกฮือขึ้นมาปฏิวัติเพื่อทำลายโครงสร้างเก่า อันจะนำไปสู่สังคมสังคมนิยม หรือสังคมคอมมิวนิสต์ หรือสังคมอุดมคติที่ไร้ชนชั้น ทุกคนกินดีอยู่ดี เพราะว่าระบบการผลิตมีประสิทธิภาพขึ้นไปเรื่อยๆจนสามารถผลิตได้เกินพอกับความต้องการของทุกคนในสังคม
ความคิดของมาร์กซ์ถูกนำไปเผยแพร่ในประเทศต่างๆทั่วโลก เพื่อจุดกระแสการปฏิวัติเพื่อทำลายโครงสร้างเก่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบกษัตริย์ที่เข้มแข็งมาแต่โบราณ เมื่อโครงสร้างเก่าถูกทำลาย ก็จะเป็นการง่ายสำหรับผู้ที่อยู่เบื้องหลังการปฏิวัติโลกจะเข้าไปครอบงำทีหลัง ด้วยการควบคุมกลไกการเงิน และการเมือง
รัสเซียตกเป็นเป้าหลักของการถูกทำลายจากลัทธิบอลเชวิคของมาร์กซ-เลนินอันนำไปสู่การโค่นล้มพระเจ้าซาร์ และลัทธิคอมมิวนิสต์ก็ถูกเผยแพร่เข้าไปในจีน อันนำไปสู่การตั้งพรรคคอมมิวนิสต์ในปี 1921 พรรคคอมมิวนิสต์จีนที่ครองอำนาจในจีนปัจจุบันเพิ่งฉลองครบรอบ 100ปี เมื่อ4ปีที่ผ่านมา
จะเห็นได้ว่า idea หรือความคิดมีพลัง หรือมีฤทธิ์มากกว่าอาวุธ แนวความคิดของมาร์กซ์ทำให้เกิดกระแสการปฏิวัติสังคมนิยมทั่วโลกเพื่อล้มระบบเดิม ปัญหาของการปฏิวัติที่ยากลำบากและต้องสูญเสียชีวิตเลือดเนื้อทรัพย์สินไปมากมายคือหลังจากปฏิวัติแล้วจะบริหารประเทศอย่างไรต่อไป เมื่อรากเหง้าถูกทำลาย หรือโครงสร้างเดิมพังทะลาย จะเริ่มใหม่อย่างไรบนซากที่ปลักหักพัง
ผู้ที่เข้ามามีอำนาจจะทำเพื่อประชาชน หรือว่าทำเพื่อตัวเองและพวกพ้อง ผู้มีอำนาจมีความสามารถในการบริหารจัดการหรือไม่ ประเทศไม่ได้อยู่โดดเดี่ยว จะพัวพันกับประเทศอื่นอย่างไร
ถ้าไม่มีการผลิตที่มีประสิทธิภาพท้ังด้านการเกษตรหรืออุตสาหกรรม หรือค้าขายที่รุ่งเรือง ไม่มีทางที่ประชาชนจะกินดีอยู่ดี ในขณะที่อิทธิพลมืดของต่างชาติคอยยุแยงตะแคงรั่วตลอดเพื่อฉกฉวยโอกาสในช่วงที่ฝุ่นตลบเพื่อเข้าไปครอบงำระบบการเงิน ระบบการเมือง และทรัพยากรธรรมชาติผ่านบุคคลากรที่ถูกวางเอาไว้
จีนอยู่ในสภาพที่ทุรนทุรายหลังการปฏิวัติของเหมา เพราะว่าโครงสร้างเดิมถูกทำลาย และประเทศบอบช้ำจากสงครามภายนอกและภายในมาตลอด จีนจึงกลายเป็นสิ่งที่ฝรั่งเรียกว่าคนป่วยของเอเชีย sick man of Asia ระบบการผลิตที่รัฐบาลควบคุมไม่มีประสิทธิภาพ การพัวพันกับต่างประเทศมีน้อย อย่างไรก็ดี ยุคของเหมาเริ่มมีการส่งนักเรียนจีนไปเรียนรู้วิทยาการเอาดีกรีมาจากเมืองนอกเพื่อพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี เริ่มมีการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ปฏิรูปการเกษตรเพื่อลดความอดอยาก มีการเปิดโอกาสให้คนจีนเรียนหนังสือสูงขึ้น การเสริมความเข้มแข็งให้รัฐบาลท้องถิ่น อายุเฉลี่ยของคนจีนยาวนานขึ้นจาก 40 ปีเป็น 60 ปี
หลังจากเหมาเสียชีวิตลงในปี 1976 ความเกรงใจทุกอย่างสิ้นสุดลง เติ้ง เสียวผิงขึ้นมามีอำนาจและกวาดล้างพวกซ้ายจัดหรือแก็งออฟโฟร์ มีการเปลี่ยนนโยบายการบริหารประเทศโดยมีการผสมผสานลัทธิทุนนิยมกับลัทธิสังคมนิยม และเปิดประเทศ คนจีนเป็นคนที่เน้นผลลัพธ์ทางปฏิบัติ (pragmatic) ทฤษฎีก็ว่ากันไป แต่อะไรที่ไม่เวิร์คก็พร้อมที่จะยกเลิก
ในยุคเหมา เศรษฐกิจจีนแทบที่จะไม่พัวพันกับต่างประเทศ และดำเนินตามแนวทางสังคมนิยมที่เข้มงวด บริษัทหรือธุรกิจเอกชนที่เป็นทางการไม่มีการเปิดประเทศของจีนเกิดขึ้นได้จากความริเริ่มของเฮนรี่ คิสซิงเจอร์ในปี 1972ที่สหรัฐมาเคาะประตูกำแพงเมืองจีนเพื่อเปิดสัมพันธไมตรีกับเหมา หลังจากสหรัฐยกเลิกระบบมาตรฐานทองคำของBretton Woodsในปี1971 หรือ หนึ่งปีก่อนหน้านั้น อันนำไปสู่การเปิดสัมพันธไมตรีทางการทูตอย่างเต็มรูปแบบระหว่างสหรัฐกับจีนในปี
1979 ในสมัยประธานาธิบดีจิมมี่ คาร์เตอร์ ความสัมพันธไมตรีนี้เปิดทางให้บริษัทอเมริกันเข้าไปลงทุนในจีนในสมัยของเติ้ง เสียวผิง และสร้างจีนให้กลายเป็นเศรษฐกิจอุตสาหกรรม
เติ้งถึงกับบอกว่า แมวจะสีอะไรก็ตามขอให้จับหนูได้ก็แล้วกัน หมายความว่าจีนพร้อมที่จะใช้นโยบายอะไรก็ได้ที่สัมฤทธิ์ผลในพัฒนาเศรษฐกิจ หรือจะไม่ยึดติดกับทฤษฎีสังคมนิยม หรือตำรามากเกินไปจนทำอะไรไม่ได้
การเปิดทางให้บริษัทอเมริกันเอาเงินทุน เทคโนโลยีการผลิตและวิธีการบริหารจัดการสมัยใหม่ของโลกทุนนิยมจะเป็นการช่วยให้จีนพัฒนาต่อไปในขณะที่คิสซิงเจอร์ต้องการสร้างจีนให้เป็นประเทศอุตสาหกรรมการผลิตเพื่อรองรับการย้ายฐานผลิตของบริษัทอเมริกัน เพื่อว่า
1. บริษัทอเมริกันจะได้กำไรงาม เพราะแรงงานจีนถูก ผลิตของออกมาได้แล้วส่งกลับตลาดสหรัฐ ยุโรปหรือทั่วโลก
2. จีนได้ดอลล่าร์มาแล้ว จะรีไซเกิ้ลดอลล่าร์กลับไปยังพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ
ทำให้สหรัฐสามารถสร้างดีมานด์เทียมเพื่อใช้จ่ายเกินตัวต่อไป
3.เป็นการเสี้ยมให้รัสเซียกับจีนไม่ให้จับมือกันจนอาจจะเป็นภัยต่อสหรัฐในวันข้างหน้า
4. จีนเป็นผู้ผลิตแต่สหรัฐควบคุมระบบการเงิน จะใช้สงครามการเงินทำลายจีนเมื่อไหร่ก็ได้ หรือเมื่อถึงจุดหนึ่งที่จีนพัฒนาแล้ว จะส่งออกลัทธิประชาธิปไตยที่หอมหวานให้คนจีนรุ่นใหม่ได้เสพ จีนจะได้เข้าสู่การปฏิวัติประชาธิปไตย อันจะนำไปสู่ความวุ่นว่าย ง่ายต่อการแทรกแซง การดันจีดีพีจีนให้โตมากจะสร้างฟองสบู่การเงินและเศรษฐกิจ เมื่อจีนสะดุดหรือถูกทำลาย รัฐบาลจีนจะเอาคนจีนเป็นพันล้านคนไม่อยู่ อันจะนำไปสู่การล่มสลายของจีนอีกรอบ มณฑลต่างๆจะแตกแยกออกเป็นรัฐอิสระ เพื่อเป็นการง่ายต่อการครอบงำจีนต่อไป
แผนการนี้สหรัฐทำสำเร็จกับสหภาพโซเวียตที่ล่มสลายในปี 1991 และคาดว่าจะทำสำเร็จกับจีนในเวลาต่อไป
คำถามคือจีนรู้จุดประสงค์เบื้องลึกของสหรัฐหรือไม่ ที่เอาเงินทุนมาลง เอาเทคโนโลยีมาให้ เอาวิธีการบริหารจัดการสมัยใหม่มาสอน แล้วท้ายที่สุดจะหาทางทำลายจีนที่เป็นประเทศใหญ่ มีโครงสร้างที่สลับซับซ้อน มีการแตกแยกภายในอยู่แล้ว และมีประชากรมาก โดยสหรัฐสามารถทำลายจีนผ่านระบบการเงิน ส่งออกลัทธิประชาธิปไตย หรือก่อสงครามก็ได้เพราะว่าแสนยานุภาพทางทหารของสหรัฐในตอนนั้นเหนือกว่าจีนอย่างเทียบไม่ได้
คำตอบคือจีนรู้ แต่ต้องยอมเล่นตามเกมไปก่อน ยอมขายแรงงานถูกเพื่อแลกกับเงินตราต่างประเทศและเทคโนโลยีการผลิต เมื่อตั้งตัวได้ แล้วค่อยว่ากันอีกที ปัญหาเฉพาะหน้าคือทำอย่างไรให้คนจีนกินดีอยู่ดีไม่ใช่มัวลอกตำราจนทำอะไรไม่ได้
เติ้งไม่เดินตามข้อผิดพลาดของสหภาพโซเวียตที่ไม่มีการพัวพันทางเศรษฐกิจกับเศรษฐกิจของโลก โซเวียตและค่ายสังคมนิยมยุโรปตะวันออกที่อยู่ใต้อานัติล่มสลายเพราะว่าใช้ระบบปิด เมื่อเศรษฐกิจเดินหน้าไม่ได้ หรือประชาชนไม่ได้กินดีอยู่ดี ระบอบอะไรก็อยู่ไม่ได้
นั้นคือจุดหัวเลี้ยวหัวต่อที่ทำให้จีนผงาดมาถึงทุกวันนี้จนกลายเป็นมหาอำนาจโลกเบอร์ 2 ด้านเศรษฐกิจ และกำลังจะแซงหน้าสหรัฐเป็นเบอร์หนึ่งของโลกภายในปี 2030
By Thanong Khanthong, Editor
IMCT News