Thailand
ขอบคุณภาพจาก RT
24/9/2024
โดนัลด์ ทรัมป์ พยายามจะเป็นเพื่อนกับบรรดาสาวกคริปโต ทั้งที่เมื่อปี 2019 เขาเคยเรียกบิทคอยน์ว่า เป็นการหลอกลวงทางออนไลน์ และบอกว่า คริปโตจะก่อให้เกิดอาชญากรรม
แต่พอมาถึงการเลือกตั้งในครั้งนี้ ทรัมป์กลับลำ โดยเรียกตัวเขาเองว่า เป็นประธานาธิบดีแห่งคริปโต เหตุใดจึงเปลี่ยนใจเร็วเช่นนี้ คำตอบง่ายมาก เพราะทรัมป์ต้องการเสียงโหวตและเงิน การหาเสียงของทรัมป์ดึงเงินคริปโตเข้ามาได้คิดเป็นมูลค่า 25 ล้านดอลลาร์แล้ว หรือประมาณ 825 ล้านบาท
แต่คำถามที่ตามมาก็คือ หากทรัมป์ได้กลับมาเป็นประธานาธิบดีอีกสมัย เขาจะหนุนคริปโตจริงหรือไม่ ? ซึ่งก็มีแนวโน้มว่าอาจจะไม่
ในที่ประชุมบิทคอยน์ที่เมืองแนชวิลล์ ทรัมป์ให้คำมั่นจะทำให้สหรัฐเป็นเมืองหลวงแห่งคริปโตบนโลกใบนี้ เขาพูดเรื่องการสร้างยุทธศาสตร์คลังบิทคอยน์แห่งชาติ ซึ่งจะใช้เป็นที่เก็บบิทคอยน์ทั้งหมดที่รัฐบาลสหรัฐมี ซึ่งมีมูลค่าอยู่ที่ 12,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 400,000 ล้านบาท
ทรัมป์ยังจะจัดตั้งสภาที่ปรึกษาคริปโต เต็มไปด้วยผู้คนที่เชี่ยวชาญอุตสาหกรรมด้านนี้ เพื่อจัดวางกฎระเบียบร่วมกัน ทรัมป์ยังไม่เห็นด้วยกับสกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยรัฐบาลกลาง หรือ CBDC เพราะมองว่า เป็นภัยคุกคามต่อเสรีภาพประชาชน
ทรัมป์จะใช้อำนาจทั้งหมดที่มีอยู่ หยุดยั้งธนาคารกลางสหรัฐ ในการรังสรรค์ CBDC เพื่อดึงสาวกคริปโตให้หันมาเข้าข้างเขา และสู้กับ “ สงครามครูเสดต่อต้านคริปโตของไบเดน “ ไปด้วยกัน
แนวคิดของทรัมป์อาจฟังดูดีบนแผ่นกระดาษ แต่มันยังไม่เกิดขึ้นจริง โดยเฉพาะแนวคิดการวางยุทธศาสตร์คลังบิทคอยน์แห่งชาติ ซึ่งฟังดูอาจเพ้อเจ้อ เนื่องจากบิทคอยน์มีความผันผวน การใช้บิทคอยน์เป็นส่วนหนึ่งในนโยบายการเงินของสหรัฐ จึงเหมือนการเล่นกับไฟ
แผนการสร้างสภาที่ปรึกษาคริปโตฟังดูดี แต่ก็ไม่ชัดเจนว่า จะทำงานอย่างไร? แล้วใครจะอยู่ในสภาบ้าง? สภาแห่งนี้มีอำนาจมากน้อยแค่ไหน? ถ้าใครที่ได้รู้จักทรัมป์ ก็จะรู้ว่า เขามีแนวโน้มจะเลือกคนที่สนับสนุนธุรกิจของเขา เข้าไปอยู่ในสภา
ทรัมป์มีธุรกิจใหม่แล้วตอนนี้ คือ World Liberty Financial หลายคนมองว่าเป็นแพลทฟอร์มซื้อขายและให้กู้ยืมเงินคริปโต ครอบครัวทรัมป์เป็นเจ้าของ 70% และนี่คือผลประโยชน์ทับซ้อนแบบมหาศาล
เพราะทรัมป์คงจะแยกงานประธานาธิบดี ออกจากอาชีพนักธุรกิจของเขาไม่ได้แน่นอน นักวิชาการจากองค์กรความรับผิดชอบพลเรือนและจริยธรรม ในสหรัฐ บอกว่า นี่คือสูตรสำเร็จของความหายนะ
แพลทฟอร์มนี้ อ้างว่า จะปล่อยให้ธนาคารยักษ์ใหญ่ที่ล้าสมัย ถูกทิ้งไว้อยู่ข้างหลังอย่างช้าๆ แต่รายละเอียดแพลทฟอร์มยังไม่ได้รับการเปิดเผย Charles Hoskinson ผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum และ Cardano ก็ไม่ค่อยยินดีกับเรื่องนี้นัก เขาบอกว่า ทรัมป์กำลังเปิดตัวระบบการเงินแบบกระจายอำนาจ และสิ่งนี้คือความน่ากลัว
เพราะสิ่งใดก็ตามที่ทรัมป์เข้าไปแตะต้อง มันจะกลายเป็นวงจรทางการเมืองไปเสียหมด Charles วิตกว่า เดโมแครตจะถือโอกาสนี้ ให้อำนาจสถาบันในสหรัฐ เพื่อชะลอแผนคริปโตของทรัมป์ให้ช้าลง อาจสั่งการให้กระทรวงยุติธรรมเข้าตรวจสอบ หรือ ให้คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฟ้องร้อง ซึ่งทรัมป์ก็ไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ถ้าสถานการณ์นี้เกิดขึ้น มันจะทำให้เกิดความวุ่นวายกับอุตสาหกรรมคริปโตโดยรวม
ถ้านโยบายคริปโตของทรัมป์ได้เปิดฉาก จะกระทบกับเศรษฐกิจด้วยเช่นกัน ทรัมป์บอกว่า จะดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ ลดดอกเบี้ยลงอีก ซึ่งอาจส่งผลดีต่อการลงทุนคริปโต แต่อาจทำให้เกิดเงินเฟ้อ ยิ่งประชาชนมีเงินจับจ่ายมากเท่าไหร่ ราคาสินค้าก็จะยิ่งสูงมากขึ้น ตามหลักเศรษฐศาสตร์ทั่วไป
ทรัมป์สนับสนุนการเงินแบบกระจายอำนาจ ทรัมป์คิดว่า จะยุติระบบธนาคารแบบดั้งเดิมที่รวมอำนาจไว้ที่ตัวเอง แต่ทรัมป์ลืมนึกไปว่า ระบบการเงินแบบกระจายอำนาจ ก็ยังอยู่ในภาวะตั้งไข่เช่นกัน คือยังไม่มั่นคง และปัจจุบัน ก็เกิดการหลอกลวง และแฮกในโลกออนไลน์ทุกวัน แล้วทรัมป์จะจัดการเรื่องนี้อย่างไร
ทรัมป์ยังต้องการให้อุดหนุนการขุดบิทคอยน์ เขาคิดว่า จะส่งเสริมการผลิตพลังงานเพื่อใช้ในสิ่งนี้ มันฟังดูดี แต่ไม่ง่าย เพราะการขุดบิทคอยน์ใช้ไฟเยอะมาก อาจทำให้เกิดปัญหาไฟตก และราคาพลังงานพุ่งขึ้น ยังไม่ต้องพูดถึงผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่ตามมา การทำเหมืองคริปโตไม่ใช่กิจกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
CBDC เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ร้อนแรง พวกมันคือการรวมศูนย์ไว้ที่รัฐบาล ซึ่งก็อาจทำให้ระบบการเงินไม่มีเสถียรภาพเช่นกัน เพราะถ้าประชาชนเริ่มถอนเงินจากธนาคาร เปลี่ยนมาเป็น CBDC ธนาคารก็จะขาดสภาพคล่อง กลายเป็นโดมิโน่ ทำให้เกิดวิกฤติการเงิน ทั้งยังเกิดปัญหาเรื่องความเป็นส่วนตัว เพราะ CBDC มีแนวโน้มทำให้เกิดการติดตามเส้นทางการเงิน และระบุตัวตนคนใช้ได้ง่าย นำไปสู่การตรวจจับของรัฐบาล
ประชาชนไม่ได้ต้องการให้รัฐรู้เห็นการจับจ่ายของพวกเขาตลอดเวลา ความมั่นคงในโลกไซเบอร์ยังเป็นเรื่องน่าวิตก เพราะแฮกเกอร์ก็น่าจะเล็งเป้าได้ง่ายขึ้น
ประเด็นที่ทรัมป์หนุนคริปโตเพื่อต้องการคะแนนเสียงนั้น พบว่า สาวกคริปโตส่วนใหญ่เป็นชายหนุ่ม พวกเขาไม่เห็นด้วยกับการที่ภาครัฐเข้ามาแทรกแซงทางการเงิน
Charles Hoskinson ผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum และ Cardano ไม่คิดว่า ทรัมป์จะหนุนคริปโตได้อย่างที่พูดไว้ เพราะความเสี่ยงมีมากเกินไป แต่เขาก็ไม่คิดว่า กมลา แฮร์ริส จะดีกว่า เพราะนางจะสานต่อนโยบายความหายนะของไบเดน สถานการณ์ตอนนี้ สำหรับอุตสาหกรรมคริปโตในสหรัฐ คือ ไม่น่าเลือกใครทั้งสิ้น
เขามองว่า รัฐบาลแค่ให้การสนับสนุนคริปโตแบบทั่วไปก็พอ ไม่ต้องถึงขั้นพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินอย่างที่ทรัมป์นำเสนอ เพียงแค่นี้ อุตสาหกรรมคริปโตในสหรัฐก็จะขยายตัวได้มากแล้วในช่วงทศวรรษหน้า ทรัมป์ไม่ควรใช้วิธีดึงสาวกคริปโตมาเป็นพวก ทั้งที่คริปโตมันไปกันได้กับทั้งเดโมแครตและรีพับลิกัน ถ้าทรัมป์ทำเช่นนี้ อุตสาหกรรมคริปโตจะถอยหลังไปอีกหลายปี เพราะถ้าทรัมป์ไปไม่ถึงฝัน อุตสาหกรรมคริปโตก็จะพลอยร่วงไปกับทรัมป์ด้วย
By IMCT News
อ้างอิงจาก https://www.cryptopolitan.com/impossible-for-trump-to-remain-pro-crypto/
© Copyright 2020, All Rights Reserved