Thailand
5/11/2024
AtlasIntel ผู้สำรวจความคิดเห็นที่แม่นยำที่สุดประจำปี 2020 เผยแพร่การสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานะแกว่งอย่างเป็นทางการ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า Donald Trump เป็นผู้นำในทุกรัฐสมรภูมิ
ผลสำรวจชี้ว่าทรัมป์เป็นผู้นำในรัฐแอริโซนาและเนวาดาด้วยอัตราการนำที่ห่างไกล
นอร์ทแคโรไลนา: ทรัมป์ +3.4
จอร์เจีย: ทรัมป์ +2.5
แอริโซนา: ทรัมป์ +6.5
เนวาดา: ทรัมป์ +5.5
วิสคอนซิน: ทรัมป์ +1.0
มิชิแกน: ทรัมป์ +1.5
เพนซิลเวเนีย: ทรัมป์ +1.8
@atlas_intel
มีทรัมป์เป็นผู้นำระดับประเทศด้วย ~2 %
ทรัมป์-แฮร์ริสทุ่มสุดเเรงลุยรัฐสมรภูมิ ก่อนปิดฉากการหาเสียง
เหลืออีกเพียงหนึ่งวันก็จะถึงวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อังคารที่ 5 พฤศจิกายน ขณะที่ โพลล์ต่างชี้ว่า ตัวเเทนพรรครีพับลิกัน โดนัลด์ ทรัมป์ และคู่แข่งจากเดโมแครต คามาลา แฮร์ริส มีคะเเนนความนิยมเท่า ๆ กัน
ผลโพลล์ของ New York Times / Siena College ชี้ให้เห็นว่าทรัมป์และแฮร์ริสที่คะเเนนนิยมเท่ากันที่ 48% แต่Real Clear Politics ให้ทรัมป์ชนะเลือกตั้งเพราะว่าได้คะแนนผู้แทนเลือกตั้ง287 เมื่อเทียบกับแฮร์ริสที่ได้251
ช่วงโค้งสุดท้าย รองประธานาธิบดีแฮร์ริสเพิ่งเดินทางไปรัฐมิชิแกน อีกหนึ่งรัฐที่เเข่งขันดุเดือดกับอดีตประธานาธิบดีทรัมป์
เธอพบกับผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่ร้านไก่ทอดวอฟเฟิลที่เมืองดีทรอยต์ และที่โบสถ์ท้องถิ่นของเมืองนี้ Greater Emmanuel Institutional Church of God in Christ แฮร์ริส กล่าวว่า "ดิฉันเห็นประเทศที่ตั้งมั่นที่จะเดินทางสู่บทใหม่ ออกจากความเกลียดชังและแบ่งแยก เพื่อมุ่งหน้าบนเส้นทางใหม่"
แฮร์ริสบอกด้วยว่า การเดินทางหาเสียงของเธอที่ผ่านมาช่วยเปิดโอกาสให้เห็นถึงชาวอเมริกันทั้งจากพรรครีพับลิกันและเดโมเเครตที่ "พร้อมที่จะโน้มเข้าหาเส้นโค้งของประวัติศาสตร์สู่ความยุติธรรม"
อีกด้านหนึ่งทรัมป์ลงพื้นที่รัฐนอร์ธแคโรไลนา เเละเขาบอกกับผู้สนับสนุนว่า ตนมั่นใจว่าจะชนะในวันเลือกตั้ง
"เรานำอยู่มากอย่างสวยงาม สิ่งที่เราต้องทำ...ก็คือการออกไปโหวต โหวต โหวต ในวันอังคาร" เขากล่าว
ทรัมป์ยังพูดด้วยว่าฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองของเขากำลังพยายามที่จะขโมยการเลือกตั้งไป
"พวกเขาโกงเลือกตั้ง และคุณทักท้วง และพวกเขาต้องการให้คุณติดคุก ลองคิดดู มันเป็นเรื่องเหลือเชื่อที่สุด.... เราจะเข้าไปแก้ไขสิ่งนี้ เราจะต้องชนะเลือกตั้งครั้งนี้" ทรัมป์กล่าว
ที่การปราศรัยครั้งนี้ ทรัมป์พูดชี้ไปถึงความรุนเเรงต่อฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง โดยพุ่งเป้าไปที่สื่อด้วย
แฮร์ริสกล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นมากกว่าการเมืองที่แบ่งขั้ว และมากกว่าการเมืองที่เกี่ยวกับคนที่ต้องการสร้างความเเตกแยกในประเทศ
"ดิฉันขอร้องให้ฟังเสียงประชาชน ที่ไม่เห็นด้วยกับดิฉัน เพราะ คุณคะ ฉันไม่เชื่อว่าคนที่ไม่เห็นด้วยกับฉันเป็นศัตรู อันที่จริง ฉันจะให้พื้นที่คนเหล่านี้ได้เป็นส่วนหนึ่งด้วยกัน เพราะนั่นคือสิ่งที่ผู้นำที่เข้มเเข็งทำ" แฮร์ริสกล่าว
ในเวลานี้ชาวอเมริกันจำนวนกว่า 75 ล้านคน ออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้า คิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของผู้ไปทำหน้าที่โหวตเตอร์เมื่อ 4 ปีก่อน
ขณะเดียวกันผลโพลล์ของ New York Times / Siena College ชี้ให้เห็นว่าทรัมป์และแฮร์ริสที่คะเเนนนิยมเท่ากันที่ 48%
‘ทรัมป์-แฮร์ริส’ เตรียมต่อสู้ทางกฎหมาย หากไร้ผู้ชนะในคืนเลือกตั้ง
ชาวอเมริกันเตรียมออกไปใช้สิทธิ์เลือกผู้นำสหรัฐฯ ในวันอังคารที่ 5 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งเป็นการขับเคี่ยวกันดุเดือดชนิดหายใจรดต้นคอระหว่างรองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส และอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จนทีมงานของทั้งคู่ต่างเตรียมการสำหรับการต่อสู้ทางกฎหมายที่อาจกำหนดผลการเลือกตั้งในครั้งนี้
ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนชิงเก้าอี้ทำเนียบขาวจากพรรครีพับลิกัน ได้กล่าวกับสื่อหลายสำนักว่า หากผลเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ “สุจริต ยุติธรรม และเป็นอิสระ” เขาจะยอมรับผลการเลือกตั้ง
เจ้าหน้าที่การเลือกตั้งได้ให้ความเชื่อมั่นว่ากระบวนการลงคะแนนเสียงจะเป็นไปอย่างโปร่งใสและยุติธรรม แต่อดีตปธน.ทรัมป์ ได้แสดงความกังวลมากขึ้นเรื่อย ๆ ว่าคู่แข่งของตนอาจกำลังโกงการเลือกตั้ง
ทรัมป์ กล่าวว่า “หากเราสามารถควบคุมการทุจริตการเลือกตั้งลงได้เพราะมีการโกงเกิดขึ้นมากมาย หากเราสามารถควบคุมการโกงเลือกตั้งได้ เราจะได้รับชัยชนะยิ่งใหญ่”
ระหว่างการให้สัมภาษณ์ที่ออกอากาศเมื่อเดือนที่แล้ว ทางรายการ NBC Nightly news with Lester Holt ที่สถานีโทรทัศน์เอ็นบีซี รองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส กล่าวกับผู้ดำเนินรายการฮัลลี แจ็คสัน ว่าทีมงานของเธอได้เตรียมความพร้อมไว้แล้ว หากทรัมป์ปราชัยและพยายามที่จะล้มล้างการเลือกตั้ง
แฮร์ริส กล่าวว่า “เราจะรับมือกับค่ำคืนการเลือกตั้งและอีกหลายวันหลังจากนั้น เรามีทรัพยากรและผู้เชี่ยวชาญ และเราได้ให้ความสนใจกับเรื่องนั้นเช่นกัน”
ด้านคณะกรรมการแห่งชาติรีพับลิกัน (Republican National Committee) ได้เตรียมสิ่งที่เรียกว่า “Election Integrity Program” ในรัฐสมรภูมิต่าง ๆ ทีมนักกฎหมายได้ยื่นฟ้องมากกว่าร้อยคดีเกี่ยวกับการละเมิดกฎการเลือกตั้ง แต่หลายคดีถูกปัดตกไปในชั้นศาล
ฝั่งพรรคเดโมแครตได้เดินเรื่องต่อสู้ทางกฎหมายด้วยเช่นกัน รวมถึงการฟ้องร้องเพื่อป้องกันความล่าช้าในการยืนยันผลการเลือกตั้งในรัฐจอร์เจีย
ศึกเลือกตั้งที่มีการขับเคี่ยวสูสีในปีนี้ การต่อสู้ทางกฎหมายเป็นเรื่องคาดหมายว่าจะเกิดขึ้นได้ และส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในสวิง สเตท ในทัศนะของนักวิเคราะห์
ไมเคิล ธอร์นนิง นักวิเคราะห์จาก Bipartisan Policy Center กล่าวกับวีโอเอผ่านสไกป์ว่า “ที่คูหาเลือกตั้ง เรามักเห็นการร้องเรียนเรื่องบัตรลงคะแนนไม่ได้รับการจัดการอย่างเหมาะสม .. ในการเลือกตั้งในอดีต .. มีการถกเถียงกันว่าผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งแต่ละคนมีสิทธิ์จริงหรือไม่ รวมทั้งควรให้มีการโหวตและนับคะแนนบัตรลงคะแนนชั่วคราว (provisional ballot) หรือไม่”
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ระบุว่า ผู้ที่อ้างว่ามีการโกงเลือกตั้งเกิดขึ้น จะต้องมีหลักฐานชี้แจงที่ชัดเจน
โรเบิร์ต เกรซี อดีตผู้พิพากษารัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งเป็นสมาชิกของ Keep Our Republic องค์กรการศึกษาด้านภัยคุกคามการเลือกตั้ง กล่าวกับวีโอเอผ่านสไกป์ว่า “บรรดาทนายทั้งหลายโปรดระวังสิ่งที่คุณกำลังกล่าวหา! แน่ใจด้วยว่ามีหลักฐานยืนยันได้ ไม่เช่นนั้นอาจเจอบทลงโทษทางวินัยเหมือนที่เราเคยเห็นในการเลือกตั้งเมื่อปี 2020”
ตัวอย่างเช่น อดีตทนายความของทรัมป์ รูดี้ จูลิอานี ถูกเพิกถอนใบอนุญาตว่าความ ฐานเผยแพร่คำกล่าวอ้างว่ามีการโกงการเลือกตั้งเกิดขึ้นเมื่อปี 2020
การต่อสู้ทางกฎหมายเหล่านี้อาจทำให้ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ล่าช้าออกไป แต่หากค่ำคืนวันอังคารที่ 5 พฤศจิกายนมีผลที่ชี้ชัดว่าผู้สมัครคนใดคนหนึ่งได้คะแนนเหนือคู่แข่งอีกคนอย่างมาก นักวิเคราะห์ต่างมองว่าสิ่งนี้จะทำให้ยากที่พรรคคู่แข่งจะพยายามคัดค้านผลการเลือกตั้งได้
จำนวนการลงคะแนนล่วงหน้า 'น่ากลัว' สำหรับแฮร์ริส - อดีตผู้ช่วยโอบามา
อดีตผู้จัดการทีมหาเสียงของประธานาธิบดีบารัค โอบามา เมื่อปี 2555 กล่าวว่า จำนวนผู้ลงคะแนนเสียงล่วงหน้าของการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ดู “น่ากลัว” สำหรับผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต กมลา แฮร์ริส
จิม เมสซินา เตือนเมื่อวันอาทิตย์ ระหว่างการให้สัมภาษณ์กับพิธีกร MSNBC และเจน ปาซากิ อดีตโฆษกทำเนียบขาวว่า “จำนวนผู้ลงคะแนนล่วงหน้าค่อนข้างน่ากลัวเล็กน้อย” เขายอมรับ
จากข้อมูลของเมสซีนา ผู้สนับสนุนผู้สมัครพรรครีพับลิกัน โดนัลด์ ทรัมป์ มีความกระตือรือร้นมากกว่ามากเมื่อเทียบกับการเลือกตั้งครั้งก่อน
“พรรครีพับลิกันไม่ได้ทำสิ่งที่พวกเขาทำครั้งที่แล้ว ครั้งที่แล้ว ทรัมป์กล่าวว่า "อย่าลงคะแนนเสียงล่วงหน้า" และพวกเขาก็ทำเช่นนั้นไม่ได้ พรรครีพับลิกันมีข้อได้เปรียบในจำนวนการลงคะแนนเสียงในช่วงต้น เมื่อมีการลงคะแนนเสียงล่วงหน้า มันจะดูแตกต่างไปจากปี 2020 เล็กน้อย” เขากล่าว
ตัวเลขการลงคะแนนเสียงในช่วงแรกๆ “ทำให้เพื่อนๆ ของคุณและเพื่อนๆ ของผมโทรหาฉันด้วยความตื่นตระหนก” เมสซีนาบอกกับ Psaki
อย่างไรก็ตาม เขาเน้นย้ำว่าการรณรงค์ของแฮร์ริสยังมีเหตุให้ “มีความสุขมาก” การลงคะแนนเสียงสองช่วงซึ่งเชื่อว่ามีความสำคัญต่อผู้สมัครจากพรรคเดโมแครตกำลัง “กำลังมาแรง” อดีตผู้จัดการรณรงค์หาเสียงอธิบาย
ผู้หญิงคิดเป็นมากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิเลือกตั้งกลุ่มแรก และ “ในช่วงสิบวันที่ผ่านมา ผู้มีสิทธิเลือกตั้งรุ่นเยาว์ในรัฐสมรภูมิเหล่านี้กำลังออกมาในสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็น... ตัวเลขประวัติศาสตร์” เมสซีนาอธิบาย
ตามตัวเลขของ NBC มีการลงคะแนนเสียงทางไปรษณีย์และด้วยตนเองล่วงหน้า 76.2 ล้านทั่วสหรัฐอเมริกา
ในบรรดาผู้ที่ลงคะแนนล่วงหน้า 41% เป็นพรรคเดโมแครตและ 39% เป็นพรรครีพับลิกัน ส่วนที่เหลืออีก 20%ไม่ทราบชัดสำหรับการสังกัดพรรค
อย่างไรก็ตาม มีผู้ลงคะแนนจากพรรครีพับลิกันลงคะแนนเสียงมากขึ้นใน 4 รัฐจากทั้งหมด 7 รัฐในสมรภูมิ โดยมีอัตรามากกว่า 42% ต่อ 33%
ตัวเลขของ NBC ชี้ให้เห็นว่าในบรรดาผู้ลงคะแนนเสียงในช่วงแรก 53% เป็นผู้หญิงและ 20% เป็นผู้ที่มีอายุระหว่าง 18 ถึง 39 ปี วันเลือกตั้งในสหรัฐอเมริกาคือวันอังคารของสัปดาห์นี้
มีความเป็นไปได้ที่จะโกงการเลือกตั้งเพื่อสกัดชัยชนะของทรัมป์ - นักการเมืองชาวฝรั่งเศส
มีความเป็นไปได้ที่จะมีการโกงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่กำลังจะมีขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับชัยชนะ ฟลอเรียน ฟิลิปพอต นักการเมืองชาวฝรั่งเศสและผู้นำพรรคแพทริออตส์ กล่าวกับ RIA Novosti
“เราเห็นแนวโน้มความนิยมของทรัมป์ในสหรัฐอเมริกา มีตัวชี้วัดมากมาย ทั้งการสำรวจความคิดเห็น ความตั้งใจในการลงคะแนน แต่ผมกลัวการโกงการเลือกตั้ง ในปี 2020 เราเผชิญกับกลอุบายนี้ และตอนนี้มันสามารถเกิดขึ้นได้จากระดับรัฐลึกและฝ่ายของกมลาแฮร์ริส” ฟิลิปโปต กล่าว
ตามที่นักการเมืองชาวฝรั่งเศสระบุ สหภาพยุโรปและฝรั่งเศสสนับสนุนอย่างเปิดเผยต่อผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีแฮร์ริสเพื่อต่อต้านทรัมป์ ซึ่งสนับสนุนการยุติความขัดแย้งในยูเครนและตะวันออกกลาง
“แน่นอนว่าสหภาพยุโรปต้องการให้แฮร์ริสชนะ: [ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป] เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ ไลเยน, [ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอลฝรั่งเศส] มาครง ระบบทั้งหมดที่สนับสนุน NATO และสหภาพยุโรป โลกาภิวัตน์ อยู่ข้างกมลา แฮร์ริส ระบบที่ส่งเสริมสงครามอยู่ข้างกมลา แฮร์ริส ซึ่งชัดเจน ในขณะที่การสนับสนุนความรักชาติและอธิปไตยของชาติอยู่ข้างของทรัมป์” ฟิลิปพอต กล่าว
IMCT News
ที่มา: วีโอเอ
ที่มา RT
ที่มา Sputnik
© Copyright 2020, All Rights Reserved