เยอรมนี อังกฤษ ฝรั่งเศสเป็นแนวร่วมแห่งความโกลาหล

เยอรมนี อังกฤษ ฝรั่งเศสเป็นแนวร่วมแห่งความโกลาหลแห่งใหม่ของยุโรป
25-2-2025
ชัยชนะในการเลือกตั้งของฟรีดริช เมิร์ซ ปูทางสู่ "แนวร่วมแห่งความโกลาหล" ใหม่ในยุโรป — เยอรมนี ฝรั่งเศส และสหราชอาณาจักร ดูเหมือนว่า ระบอบโลกนิยมทั้งสามประเทศนี้จะทำทุกวิถีทางเพื่อบ่อนทำลายความริเริ่มสันติภาพของทรัมป์และทำให้สงครามในยูเครนดำเนินต่อไป
ฟรีดริช เมิร์ซ ได้เรียกร้องหลายครั้งให้เยอรมนีจัดหาขีปนาวุธพิสัยไกลทอรัส (Taurus) ให้กับยูเครน เพื่อให้สามารถโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนของรัสเซียได้ นี่จะเป็นการยกระดับครั้งใหญ่จากฝั่งเยอรมนี ทำไมขีปนาวุธทอรัสถึงเป็นเรื่องใหญ่? เพราะยูเครนไม่มีความสามารถในการใช้งานขีปนาวุธเหล่านี้ได้โดยปราศจากการสนับสนุนโดยตรง
นั่นหมายความว่า อาวุธที่ถูกควบคุมโดยบุคลากรทหารของเยอรมนี และนำทางโดยข้อมูลข่าวกรอง จะถูกใช้โจมตีดินแดนของรัสเซีย แม้แต่อดีตนายกรัฐมนตรีเยอรมนี โอลาฟ ชอลซ์ ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนยูเครนและไบเดน ยังคัดค้านการส่งขีปนาวุธทอรัสไปยังยูเครน ชอลซ์เกรงว่าการส่งขีปนาวุธทอรัสจะส่งผลย้อนกลับอย่างรุนแรงต่อเยอรมนีได้
ทั้งเยอรมนี อังกฤษและฝรั่งเศสมีจุดอ่อนทั้งทางทหารและเศรษฐกิจ ดังนั้นพวกเขาจะต้องพึ่งพาวิธีการแบบอสมมาตรเพื่อทำให้สถานการณ์ไม่มั่นคง
ในกรณีของเยอรมนี การส่งขีปนาวุธทอรัสไปยังยูเครนคือไพ่ที่แข็งแกร่งที่สุดที่พวกเขามี น่าเสียดายสำหรับฟรีดริช เมิร์ซ ขีปนาวุธทอรัสคือไพ่ที่มีความหมายเพียงใบเดียวที่เยอรมนีเหลืออยู่ อุตสาหกรรมของเยอรมนีกำลังพังทลาย และการเสื่อมถอยนี้จะเร่งตัวขึ้นหากทรัมป์กำหนดภาษีใหม่ เยอรมนีไม่พร้อมสำหรับสงครามตัวแทนเต็มรูปแบบกับรัสเซีย
ส่วนอังกฤษให้การสนับสนุนยูเครนไปแล้ว13,000ล้านปอนด์ตลอดระยะเวลาสงครามสามปีที่ผ่านมา ล่าสุด นายกรัฐมนตรี แคร์ สนาร์มเมอร์ได้เซ็นข้อตกลงกับยูเครน โดยอังกฤษจะให้ความช่วยเหลือยูเครนทำสงครามต่อไป3,000ล้านปอนด์ต่อปีไปจนถึงปี 2030
นอกจากนี้ สตาร์มเมอร์ได้ถกแผนกับเอ็มมานูเอล มาครงของฝรั่งเศสที่จะส่งทหาร30,000นายไปยูเครนเพื่อดูแลความมั่นคงให้ยูเครน
ในขณะเดียวกัน เอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส เยือนสหรัฐฯ และหารือกับโดนัลด์ ทรัมป์ เรื่องสงครามในยูเครน โดยเขาย้ำว่าสันติภาพต้องไม่แลกด้วยการทอดทิ้งยูเครน
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส แถลงข่าวร่วมกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ทำเนียบขาว ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ในวันจันทร์ที่ 24 ก.พ. 2568 หลังจากทั้งสองคนพูดคุยกันเป็นเวลานานเรื่องสงครามในยูเครน ซึ่งตอนนี้ก้าวเข้าสู่ปีที่ 4 แล้ว
นายมาครงระบุว่า เขากับนายทรัมป์หารือกันเรื่องความต้องการของทั้งสองฝ่ายในการยุติความขัดแย้งในยูเครน และเรื่องการทำข้อตกลงหยุดยิงที่มีขอบเขต, ตรวจสอบได้ และทำให้การเจรจาเพื่อสันติภาพอย่างยั่งยืนเกิดขึ้นได้
ผู้นำฝรั่งเศสยังพูดถึงการรับประกันความมั่นคงเพื่อรักษาสันตินี้เป็นเวลานาน พร้อมย้ำคำพูดของนายทรัมป์ที่บอกว่าต้องการเป็น “ผู้ผลักดันสันติภาพ” ในภูมิภาคนี้ โดยมาครงย้ำว่า สันตินั้นต้องไม่ได้หมายถึงการละทิ้งยูเครน หรือหยุดยิงโดยไม่มีการรับประกัน
“เราต้องให้ยูเครนมีอธิปไตยของตัวเอง ให้ยูเครนได้เจรจากับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบจากปัญหานี้”
ด้านนายทรัมป์กล่าวว่า ค่าใช้จ่ายและภาระในการรักษาสันติภาพต้องจ่ายโดยชาติยุโรปด้วย ไม่ใช่แค่สหรัฐฯ เพียงประเทศเดียว ซึ่งนายมาครงยืนยันว่า ยุโรปจะไม่หลีกหนีความรับผิดชอบของตัวเองในการช่วยเหลือยูเครน เพราะยูเครนคือแนวหน้าของความมั่นคงร่วมกันของยุโรปทั้งหมด
เจฟฟรีย์ แซคส์ อาจารย์มหาวิทยาลัยโคลัมเบียสอนมวยสหภาพยุโรปว่า อย่าไปเคียฟ ไปมอสโกแทน พูดคุยกับคู่เจรจาของคุณ คุณล้อเล่นหรือเปล่า?
คุณคือยุโรป คุณมีประชากร 450 ล้านคน คุณมีเศรษฐกิจมูลค่า 20 ล้านล้านดอลลาร์ คุณควรเป็นพันธมิตรทางการค้าหลักของรัสเซีย มันเป็นความเชื่อมโยงตามธรรมชาติ โดยวิธีการ ถ้ามีใครอยากพูดคุยเกี่ยวกับวิธีที่สหรัฐฯ ระเบิด Nord Stream ผมยินดีที่จะพูดถึงเรื่องนั้น
ที่มา Agencies