.

ทรัมป์ส่งสัญญาณลดภาษีจีนเหลือ 50-65% หลังเริ่มกระทบพันธมิตรทั่วโลก
24-4-2025
ท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในเวทีการค้าโลก ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ส่งสัญญาณผ่อนคลายมาตรการภาษีกับจีน หลังจากที่นโยบาย "ภาษีวันปลดปล่อย" ของเขาสร้างความปั่นป่วนให้กับพันธมิตรของสหรัฐฯ ทั่วโลก
วอลล์สตรีทเจอร์นัล รายงานเมื่อวันพุธโดยอ้างแหล่งข่าวระดับสูงว่า ทำเนียบขาวกำลังพิจารณาลดภาษีนำเข้าสินค้าจีนบางรายการลงเหลือระหว่าง 50% ถึง 65% ซึ่งจะเป็นการลดลงอย่างมีนัยสำคัญจากอัตรา 145% ที่ทรัมป์ประกาศเมื่อต้นเดือนนี้
การเปลี่ยนแปลงนี้จะเป็นส่วนหนึ่งของการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การค้าของทำเนียบขาวที่ทำให้ตลาดโลกปั่นป่วนมาหลายสัปดาห์ ข่าวดังกล่าวส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นอย่างมาก โดยดัชนีดาวโจนส์และเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้นมากกว่า 1% ขณะที่แนสแด็กพุ่งขึ้นมากกว่า 2.5%
## ระบบภาษีแบบแบ่งชั้นตามประเภทสินค้า
แม้ว่าจะยังไม่มีการตัดสินใจขั้นสุดท้าย แต่มีการพิจารณาทางเลือกหลายแนวทาง หนึ่งในนั้นคือระบบแบ่งชั้นที่จะแยกแยะระหว่างสินค้ายุทธศาสตร์และสินค้าที่ไม่ใช่ยุทธศาสตร์
ข้อเสนอดังกล่าวสะท้อนกรอบการทำงานที่คณะกรรมการคัดสรรสภาผู้แทนราษฎรด้านจีนเสนอไว้เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งจะกำหนดภาษี 35% สำหรับสินค้านำเข้าที่ไม่ถือว่าเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ ส่วนสินค้ายุทธศาสตร์จะเผชิญกับภาษีอย่างน้อย 100%
โครงสร้างการแบ่งชั้นนี้อาจถูกนำมาใช้ทยอยในช่วงเวลาห้าปี ซึ่งสอดคล้องกับคำให้สัมภาษณ์ของทรัมป์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ที่ระบุว่าภาษีนำเข้าสินค้าจีน "จะไม่สูงถึง 145%" และ "จะลดลงอย่างมาก แต่จะไม่เป็นศูนย์"
## ความไม่ยั่งยืนของสงครามการค้า
การเปลี่ยนแปลงท่าทีนี้เกิดขึ้นหลังจากสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังคนใหม่ของทรัมป์ กล่าวกับกลุ่มนักลงทุนในงานที่จัดโดยเจพีมอร์แกน เชสว่า การเผชิญหน้ากับจีนในเรื่องภาษีศุลกากรนั้น "ไม่ยั่งยืน" และเขาคาดว่าจะมีการ "คลี่คลายความตึงเครียด"
ปัจจุบัน วอชิงตันกำหนดภาษีสูงถึง 245% สำหรับสินค้านำเข้าจากจีนบางรายการ โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าและเข็มฉีดยา ซึ่งรวมภาษีใหม่ของทรัมป์ที่ 145% เข้ากับภาษีที่มีอยู่เดิม
## จีนตอบโต้ด้วยมาตรการหลายด้าน
ในการตอบโต้ จีนได้กำหนดภาษีรวม 125% สำหรับสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ พร้อมกับเพิ่มบริษัทสหรัฐฯ หลายแห่งในรายชื่อองค์กรที่ไม่น่าเชื่อถือและอยู่ภายใต้การควบคุมการส่งออก ห้ามบริษัทเหล่านี้ลงทุนในจีนเพิ่มเติม และจำกัดการส่งออกแร่ธาตุสำคัญบางชนิด
ปักกิ่งยังประกาศข้อจำกัดในการซื้อเครื่องบินโบอิ้งและภาพยนตร์ฮอลลีวูดอีกด้วย ซึ่งเป็นการโจมตีอุตสาหกรรมหลักของสหรัฐฯ โดยตรง
## ความไม่แน่นอนของนโยบายยังคงอยู่
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทรัมป์ผ่อนปรนมาตรการภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน ในเดือนนี้ เขาได้ประกาศว่าภาษีจะไม่ครอบคลุมสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์แล็ปท็อป และเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งเป็นข้อยกเว้นสำคัญสำหรับสินค้าที่พึ่งพาการผลิตจากจีน
อย่างไรก็ตาม โฮเวิร์ด ลุตนิก รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ภายหลังได้กล่าวกลับว่า ภาษีจะถูกเรียกเก็บสำหรับสินค้าเหล่านี้โดยเฉพาะ สะท้อนให้เห็นถึงความไม่แน่นอนและความขัดแย้งในนโยบายการค้าของรัฐบาลทรัมป์
## ความเชื่อมโยงกับวิกฤตพันธมิตร
การเปลี่ยนแปลงนโยบายของทรัมป์เกิดขึ้นในบริบทที่พันธมิตรตะวันตกของสหรัฐฯ กำลังแตกสลาย ตามที่รายงานในข่าวหลักของเรา ผู้นำยุโรปอย่างอูร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเอิน ได้ประกาศว่า "โลกตะวันตกที่เรารู้จักไม่มีอยู่อีกต่อไป" ขณะที่พันธมิตรในเอเชียอย่างญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และออสเตรเลียต่างเผชิญกับความท้าทายในการรักษาสมดุลระหว่างความสัมพันธ์กับจีนและสหรัฐฯ
การปรับลดภาษีที่เสนอนี้อาจเป็นความพยายามของทรัมป์ในการบรรเทาแรงกดดันต่อพันธมิตรและระบบการค้าโลก แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะเพียงพอที่จะฟื้นฟูความเชื่อมั่นที่สั่นคลอนหรือไม่
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ปรับลดประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน สหรัฐฯ และทั่วโลก เนื่องจากความตึงเครียดด้านการค้าที่เพิ่มขึ้น สะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบอันกว้างขวางของนโยบายการค้าของทรัมป์ต่อเศรษฐกิจโลก
ขณะที่ตลาดตอบรับข่าวการปรับลดภาษีในเชิงบวก ยังคงต้องติดตามว่าทรัมป์จะดำเนินการตามแนวทางที่ผ่อนคลายมากขึ้นนี้หรือไม่ และจีนจะตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงนี้อย่างไร ในสถานการณ์ที่ความสัมพันธ์ระหว่างมหาอำนาจทางเศรษฐกิจทั้งสองประเทศยังคงเปราะบางและผันผวน
---
IMCT NEWS