.

ขบวนการเลือกตั้งโป๊ปองค์ใหม่เป็นอย่างไร
22-4-2025
การสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ได้เปิดฉากช่วงเวลาแห่งการไว้ทุกข์ในนครรัฐวาติกัน และเป็นสัญญาณเริ่มต้นของกระบวนการเลือกพระสันตะปาปาองค์ใหม่ ซึ่งมีประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันปี
กระบวนการนี้เต็มไปด้วยขนบธรรมเนียมดั้งเดิม แต่ก็ได้รับการปรับให้สอดคล้องกับโลกสมัยใหม่ในบางแง่มุม
คาร์ดินัลจากทั่วโลกจะต้องเดินทางมาร่วมประชุมลับ หรือที่เรียกว่า “การประชุมคอนเคลฟ” เพื่อคัดเลือกผู้สืบตำแหน่งต่อจากพระสันตะปาปาฟรานซิส โดยกระบวนการนี้มักใช้เวลาระหว่าง 2 ถึง 3 สัปดาห์ แต่อาจนานกว่านั้นหากยังไม่สามารถตกลงกันได้สำหรับผู้ที่เหมาะสม
แม้การลงคะแนนเสียงจะดำเนินอย่างเป็นความลับ แต่ก็เกิดขึ้นท่ามกลาง สายตาของคนทั่วโลกที่จับจ้องมายังนครรัฐวาติกัน และท่ามกลางกระแสการตรวจสอบอย่างเข้มข้นต่อคริสตจักรคาทอลิก ซึ่งชื่อเสียงขององค์กรได้ถูกกระทบอย่างหนักจาก คดีล่วงละเมิดทางเพศเด็ก ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในอดีต อันเป็นเงาที่บดบังมรดกของพระสันตะปาปาหลายพระองค์ที่ผ่านมา
แล้วอะไรจะเกิดขึ้นในช่วงไว้อาลัย?
ช่วงเวลาระหว่างการสิ้นพระชนม์ของพระสันตะปาปาองค์หนึ่งกับการเลือกตั้งองค์ถัดไป เรียกว่า “Papal Interregnum” ซึ่งได้เริ่มต้นขึ้นแล้วหลังจากพระสันตะปาปาฟรานซิสสิ้นพระชนม์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
ขณะนี้เหล่าคาร์ดินัลต้องร่วมกันตัดสินใจว่าพิธีศพจะจัดขึ้นเมื่อใด และหลังจากนั้น การประชุมคอนเคลฟจะเริ่มขึ้นเมื่อใด อย่างไรก็ตาม เส้นเวลาส่วนใหญ่นั้นถูกกำหนดไว้แล้วตามธรรมเนียม โดยการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระสันตะปาปานำไปสู่ ช่วงเวลาแห่งการไว้ทุกข์เป็นเวลา 9 วัน ที่เรียกว่า Novendiales และพระศพจะต้องได้รับการฝังภายในวันที่ 4 ถึง 6 หลังจากวันสิ้นพระชนม์
พระศพของพระสันตะปาปาจะถูกตั้งไว้ ณ มหาวิหารนักบุญเปโตร เพื่อเปิดให้ประชาชนเข้าสักการะ และในแต่ละวันจะมีการทำพิธีมิสซา ผู้คนเคยยืนรอเข้าคิวเป็นระยะทางยาวหลายไมล์เพื่อถวายความเคารพแด่พระศพของสมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 ซึ่งเป็นพระสันตะปาปาที่ดำรงตำแหน่งขณะสิ้นพระชนม์ในปี 2005
คาดว่าในเวลาเดียวกันจะมี พิธีไว้อาลัยแบบไม่เป็นทางการ จัดขึ้นที่ บัวโนสไอเรส บ้านเกิดของพระสันตะปาปาฟรานซิสก่อนที่พระองค์จะทรงรับตำแหน่งเป็นพระสังฆราชแห่งโรม ในอดีต เมื่อพระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 ซึ่งมีถิ่นกำเนิดในโปแลนด์ เสด็จกลับไปยังกรุงวอร์ซอว์ในฐานะพระสันตะปาปาองค์ใหม่ในปี 1979 มีประชาชนกว่า 200,000 คน มารวมตัวกันเพื่อแสดงความยินดี
เมื่อสิ้นสุดช่วงเวลาแห่งการไว้ทุกข์ จะมีการจัดพิธีมิสซางานศพอย่างยิ่งใหญ่ ณ มหาวิหารนักบุญเปโตร โดยถือเป็นเหตุการณ์สำคัญระดับโลก ซึ่งจะมีบรรดาผู้นำจากนานาประเทศเดินทางมาร่วมพิธี สำหรับพิธีศพของสมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 นั้น อดีตประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาทั้งสามคน ได้แก่ จอร์จ ดับเบิลยู. บุช, บิล คลินตัน และจอร์จ เอช. ดับเบิลยู. บุช ล้วนเดินทางไปร่วมแสดงความอาลัย
การเลือกสมเด็จพระสันตะปาปาองค์ใหม่เริ่มต้นเมื่อใด?
เมื่อสมเด็จพระสันตะปาปาสิ้นพระชนม์ คณบดีแห่งวิทยาลัยพระคาร์ดินัล (Sacred College of Cardinals) จะเรียกประชุมพระคาร์ดินัลที่มีสิทธิลงคะแนนเสียง — คือผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 80 ปี โดยพระคาร์ดินัลเหล่านี้จะต้องเดินทางมายังนครรัฐวาติกันเพื่อร่วมกระบวนการเลือกตั้ง ในปัจจุบันมีพระคาร์ดินัลที่มีคุณสมบัติครบถ้วนจำนวน 136 รูป (แม้ว่าในปี 1996 สมเด็จพระสันตะปาปายอห์น ปอล ที่ 2 จะเคยกำหนดจำนวนสูงสุดไว้ที่ 120 รูปก็ตาม)
การประชุมเลือกตั้งพระสันตะปาปา (Conclave) โดยปกติจะไม่เริ่มก่อนวันที่ 15 และไม่เกินวันที่ 20 หลังการสิ้นพระชนม์ของพระสันตะปาปาองค์ก่อนหน้า — แต่อาจเริ่มได้เร็วขึ้นหากพระคาร์ดินัลทุกองค์มาถึงกรุงโรมทันเวลา ภายในโบสถ์ซิสทีน (Sistine Chapel) ซึ่งเป็นสถานที่จัดการประชุมคอนเคลฟตามธรรมเนียม จะมีการแจกบัตรลงคะแนนให้พระคาร์ดินัลแต่ละรูป ซึ่งจะเขียนชื่อผู้ที่ตนเลือกใต้คำว่า "Eligo in Summum Pontificem" (ภาษาละติน แปลว่า "ข้าพเจ้าเลือกเป็นพระสันตะปาปาสูงสุด")
แม้ในทางเทคนิคแล้ว ชายชาวคาทอลิกคนใดก็ตาม สามารถได้รับเลือกให้เป็นพระสันตะปาปาได้ แต่ครั้งสุดท้ายที่ผู้ได้รับเลือกไม่ได้มาจากวิทยาลัยพระคาร์ดินัลคือในปี 1379 (สมเด็จพระสันตะปาปาเออร์บันที่ 6) เมื่อเขียนเสร็จ พระคาร์ดินัลแต่ละองค์จะเดินไปที่แท่นบูชาอย่างเป็นพิธีตามลำดับอาวุโส เพื่อหย่อนบัตรลงคะแนนที่พับไว้ลงในภาชนะที่จัดไว้ (มักเป็นถ้วยศักดิ์สิทธิ์) หลังจากนั้นจะมีการนับคะแนน และประกาศผลต่อพระคาร์ดินัลทั้งหมด หากผู้ใดได้รับคะแนนเสียง สองในสามของทั้งหมด ผู้นั้นจะได้เป็นพระสันตะปาปาองค์ใหม่
รูปแบบการลงคะแนน
ตั้งแต่วันที่สองเป็นต้นไป สามารถลงคะแนนได้สูงสุด วันละ 4 ครั้ง — แบ่งเป็น 2 รอบในช่วงเช้า และอีก 2 รอบในช่วงบ่าย วันที่ห้า จะเว้นไว้สำหรับการอธิษฐานและการปรึกษาหารือ จากนั้นสามารถลงคะแนนเสียงได้เพิ่มอีก เจ็ดรอบ ก่อนจะหยุดพักอีกครั้ง และวนกระบวนการเดิมซ้ำหากยังไม่ได้ผลออกมา
เมื่อเลือกสมเด็จพระสันตะปาปาองค์ใหม่ได้แล้ว จะเกิดอะไรขึ้น?
สายตาของโลกจะจับจ้องไปที่ปล่องควันบนหลังคาอาคารของนครรัฐวาติกัน เพราะ นั่นคือสัญญาณแรกที่จะประกาศว่าเรามีสมเด็จพระสันตะปาปาองค์ใหม่แล้ว บัตรลงคะแนนจะถูกเผาทำลายวันละสองครั้ง — ในช่วงเช้าและช่วงบ่าย หากยังไม่มีผู้ใดได้รับเลือก บัตรจะถูกเผาร่วมกับสารเคมีที่ทำให้ควันออกมาเป็นสีดำ
แต่หากมีผู้ได้รับเลือกเป็นสมเด็จพระสันตะปาปาแล้ว ควันที่พวยพุ่งออกมาจะเป็น สีขาว นั่นหมายความว่า “sede vacante” (ภาษาละติน หมายถึง “ที่นั่งว่าง”) ได้สิ้นสุดลงแล้ว และมีผู้นั่งบัลลังก์นักบุญเปโตรองค์ใหม่
การประกาศพระนาม
โดยปกติแล้ว ประมาณ 30 ถึง 60 นาทีหลังจากควันขาวปรากฏ สมเด็จพระสันตะปาปาองค์ใหม่จะออกมาปรากฏพระองค์บนระเบียงของมหาวิหารนักบุญเปโตร (St. Peter’s Basilica) จะมีการประกาศพระนามใหม่อย่างเป็นทางการ และสมเด็จพระสันตะปาปาจะตรัสถ้อยคำสั้น ๆ พร้อมกับภาวนาเพื่ออวยพรประชาชน ส่วนพิธีราชาภิเษกอย่างเป็นทางการจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันถัดมา — โดยสององค์ก่อนหน้านี้ก็ทรงประกอบพิธีที่จัตุรัสนักบุญเปโตร
ทำไมการเลือกพระสันตะปาปาองค์ใหม่จึงสำคัญ?
การเลือกสมเด็จพระสันตะปาปาใหม่มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับคริสตจักรคาทอลิก ซึ่งมีผู้นับถือกว่า 1.3 พันล้านคนทั่วโลก แนวคิดและทัศนคติของพระองค์ จะสะท้อนถึงทิศทางของคริสตจักรในอนาคต
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสทรงเป็นที่น่าประหลาดใจในเวลานั้น — พระองค์เป็นพระสันตะปาปาองค์แรกจากลาตินอเมริกา และยังเป็นเยสุอิตองค์แรก รวมถึงเป็นพระสันตะปาปาองค์แรกในรอบพันปีที่ไม่ใช่ชาวยุโรป ถึงแม้พระองค์จะไม่ได้เปลี่ยนแปลงหลักคำสอนโดยสิ้นเชิง แต่ ท่าทีที่อ่อนโยนต่อประเด็นอย่าง LGBTQ+ และโทษประหารชีวิต ทำให้พระองค์เป็นที่ยอมรับจากผู้คนทั่วโลกมากขึ้น
ประเด็นเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศ
อีกประเด็นหนึ่งที่สำคัญมากคือ เรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศในศาสนจักร ในปี 2013 องค์กรที่เป็นตัวแทนของผู้รอดชีวิตจากการล่วงละเมิดโดยนักบวช ได้เผยรายชื่อ "Dirty Dozen" ซึ่งเป็นพระคาร์ดินัล 12 รูปที่พวกเขาเห็นว่าไม่เหมาะสมที่สุดสำหรับตำแหน่งนี้
ปัจจุบัน พระคาร์ดินัลส่วนใหญ่นั้นเสียชีวิตไปแล้วหรือหมดสิทธิลงคะแนนตามเกณฑ์อายุ แต่การตรวจสอบประวัติของพระคาร์ดินัลที่ได้รับเลือกใหม่ ว่าจะมีวิธีจัดการกับเรื่องการล่วงละเมิดในอดีตอย่างไร จะเป็นประเด็นที่ทั่วโลกจับตามอง
ที่มา ซีเอ็นเอ็น
----------------------------------
รายชื่อผู้มีแนวโน้มจะได้เป็นสมเด็จพระสันตะปาปาองค์ต่อไป (จาก The Guardian):
เปียโตร ปาโรลิน (Pietro Parolin), อายุ 70 ปี, อิตาลี
ถือเป็น “ผู้สืบต่อแนวทาง” แบบสายกลาง ปาโรลินใกล้ชิดกับสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส และดำรงตำแหน่งเลขาธิการนครรัฐวาติกันมาตั้งแต่ปี 2013 เขามีบทบาทสำคัญในด้านการทูต รวมถึงการเจรจาอันซับซ้อนกับจีนและรัฐบาลในตะวันออกกลาง นักการทูตสายฆราวาสมองว่าเขาเป็นตัวแทนของสมเด็จพระสันตะปาปาที่เชื่อถือได้ ในปี 2018 เขาเป็นผู้ผลักดันข้อตกลงที่เป็นข้อถกเถียงกับรัฐบาลจีนเรื่องการแต่งตั้งพระสังฆราช ซึ่งถูกวิจารณ์ว่าเป็นการประนีประนอมกับระบอบคอมมิวนิสต์ นักวิจารณ์มองว่าเขาเป็นนักปฏิบัตินิยมที่ให้ความสำคัญกับอุดมการณ์และการทูตมากกว่าความจริงในความเชื่อทางศาสนา แต่ผู้สนับสนุนยกย่องว่าเขาเป็นอุดมคตินิยมผู้กล้าหาญและเป็นผู้ส่งเสริมสันติภาพอย่างจริงจัง
หลุยส์ อันโตนิโอ ตาเกล (Luis Antonio Tagle), อายุ 67 ปี, ฟิลิปปินส์
อดีตอัครสังฆราชแห่งมะนิลา หากได้รับเลือกจะเป็นพระสันตะปาปาชาวเอเชียองค์แรก ซึ่งเอเชียเป็นภูมิภาคที่คริสตจักรคาทอลิกเติบโตเร็วที่สุด ตาเกลเคยถูกมองว่าเป็นผู้สืบทอดที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสโปรดปราน และเป็นผู้สานต่อแนวทางปฏิรูป แต่ช่วงหลังดูเหมือนจะหมดความนิยมไปบ้าง เขาเคยแสดงความเห็นว่าท่าทีของคริสตจักรต่อชาวรักร่วมเพศและคู่หย่าร้างนั้นเข้มงวดเกินไป แต่ก็ยังคัดค้านสิทธิในการทำแท้งในฟิลิปปินส์
ปีเตอร์ เติร์กสัน (Peter Turkson), อายุ 76 ปี, กานา
หากได้รับเลือก จะเป็นพระสันตะปาปาผิวดำคนแรกในรอบหลายศตวรรษ เขาเป็นนักเคลื่อนไหวในประเด็นวิกฤตสภาพภูมิอากาศ ความยากจน และความยุติธรรมทางเศรษฐกิจ พร้อมยืนยันหลักคำสอนดั้งเดิมของคริสตจักรเกี่ยวกับฐานะสงฆ์ การแต่งงานระหว่างชายหญิง และการรักร่วมเพศ อย่างไรก็ตาม ทัศนะของเขาในเรื่องหลังเริ่มผ่อนคลายลง และเขาได้วิจารณ์ว่ากฎหมายต่อต้านรักร่วมเพศในหลายประเทศในแอฟริกานั้นรุนแรงเกินไป เขาเคยออกมาประณามการทุจริตและละเมิดสิทธิมนุษยชน
ปีเตอร์ แอร์เดอ (Péter Erdő), อายุ 72 ปี, ฮังการี
เป็นผู้สมัครสายอนุรักษ์นิยมคนสำคัญ สนับสนุนหลักคำสอนคาทอลิกแบบดั้งเดิมอย่างแข็งขัน หากได้รับเลือกจะเป็นการเปลี่ยนทิศทางจากแนวทางของฟรานซิสอย่างชัดเจน เขาเป็นนักวิชาการที่ได้รับความเคารพ และเป็นผู้มีวัฒนธรรมลึกซึ้ง เคยเป็นที่โปรดปรานของพระคาร์ดินัลจอร์จ เพลล์ ผู้ล่วงลับ ซึ่งเชื่อว่าเขาจะสามารถฟื้นฟูระเบียบวินัยในวาติกันได้ ในปี 2015 แอร์เดอมีจุดยืนร่วมกับนายกรัฐมนตรีชาตินิยมของฮังการี วิคเตอร์ ออร์บาน โดยคัดค้านคำเรียกร้องของฟรานซิสให้โบสถ์รับผู้ลี้ภัย
มัตเตโอ ซุปปี (Matteo Zuppi), อายุ 69 ปี, อิตาลี
ได้รับแต่งตั้งเป็นพระคาร์ดินัลโดยฟรานซิสในปี 2019 ซุปปีเป็นผู้แทนฝ่ายก้าวหน้าในคริสตจักร และคาดว่าจะสานต่อแนวทางของฟรานซิส โดยเน้นความห่วงใยต่อผู้ยากไร้และผู้ถูกกีดกัน เขาค่อนข้างเปิดกว้างเรื่องความสัมพันธ์ของเพศเดียวกัน เมื่อสองปีก่อน ฟรานซิสแต่งตั้งเขาเป็นทูตสันติภาพของวาติกันในยูเครน ซึ่งเขาได้เดินทางไปมอสโกเพื่อ “ส่งเสริมท่าทีแห่งมนุษยธรรม” โดยพบกับพระสังฆราชคิริลล์ ผู้นำศาสนจักรรัสเซียและพันธมิตรของวลาดิเมียร์ ปูติน เขายังเคยพบกับประธานาธิบดียูเครน โวโลดิมีร์ เซเลนสกี
โฮเซ โตเลนติโน กาลาซา เด เมนโดซา (José Tolentino Calaça de Mendonça), อายุ 59 ปี, โปรตุเกส
เป็นหนึ่งในผู้สมัครที่อายุน้อยที่สุด ซึ่งอาจเป็นข้อเสีย เพราะพระคาร์ดินัลที่มีความทะเยอทะยานอาจไม่อยากรออีก 20-30 ปีกว่าจะมีโอกาสอีกครั้ง เขาถูกวิจารณ์เพราะมีทัศนะเปิดกว้างต่อความสัมพันธ์เพศเดียวกัน และใกล้ชิดกับนักบวชหญิงสายเฟมินิสต์ผู้สนับสนุนสิทธิการทำแท้งและการบวชหญิง เขาใกล้ชิดกับฟรานซิสในหลายประเด็น และเชื่อว่าคริสตจักรต้องปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรมสมัยใหม่
มาริโอ เกร็ก (Mario Grech), อายุ 68 ปี, มอลตา
แต่เดิมถูกมองว่าเป็นสายอนุรักษ์นิยม แต่หลังจากฟรานซิสได้รับเลือกในปี 2013 เขาก็เริ่มเปิดรับแนวคิดที่ก้าวหน้ามากขึ้น ผู้สนับสนุนมองว่านี่คือสัญญาณของการเติบโตและการเปลี่ยนแปลงทางความคิด เขาเคยวิจารณ์ผู้นำยุโรปที่พยายามจำกัดการทำงานของ NGO ทางทะเล และสนับสนุนให้สตรีสามารถเป็นสตรีมุขมนตรีได้
ปีแอร์บัตติสตา พิซซาบัลลา (Pierbattista Pizzaballa), อายุ 60 ปี, อิตาลี
ดำรงตำแหน่งเป็นลาติน แพทริอาร์กแห่งกรุงเยรูซาเล็มตั้งแต่ปี 2020 มีบทบาทสำคัญในการปกป้องคริสตชนในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ หลังเหตุการณ์โจมตีอิสราเอลโดยฮามาสเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 พิซซาบัลลาเสนอที่จะเป็นตัวประกันแทนเด็ก ๆ ที่ถูกจับตัวในกาซา เขาได้เข้าไปเยือนกาซาในเดือนพฤษภาคม 2024 หลังจากการเจรจาหลายเดือน เขาคาดว่าจะสืบทอดบางส่วนของการนำของฟรานซิส แต่ยังไม่ได้แสดงจุดยืนต่อประเด็นขัดแย้งอย่างชัดเจน
โรเบิร์ต ซาราห์ (Robert Sarah), อายุ 79 ปี, กินี
เป็นพระคาร์ดินัลสายอนุรักษ์นิยมและเคร่งครัดทางหลักความเชื่อ เคยพยายามแสดงตนเป็น “อำนาจคู่ขนาน” กับฟรานซิส ตามที่ผู้สังเกตการณ์วาติกันกล่าว ในปี 2020 เขาร่วมเขียนหนังสือกับสมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ผู้เกษียณเพื่อปกป้องหลักความเป็นโสดของนักบวช ซึ่งถูกมองว่าเป็นการท้าทายอำนาจของฟรานซิส เขาเคยประณาม “อุดมการณ์เรื่องเพศ” ว่าเป็นภัยต่อสังคม และวิจารณ์ลัทธิหัวรุนแรงอิสลาม เช่นเดียวกับเติร์กสัน เขาอาจสร้างประวัติศาสตร์เป็นพระสันตะปาปาผิวดำคน
คาร์ดินัลเรย์มอนด์ เบิร์ก แห่งสหรัฐอเมริกา ไม่ได้ถูกมองว่าเป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งสมเด็จพระสันตะปาปาที่มีความเป็นไปได้สูง แม้เขาจะเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในหมู่ชาวคาทอลิกสายอนุรักษ์นิยม และเป็นนักวิจารณ์คนสำคัญต่อการปฏิรูปหลายประการของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส แต่เขากลับถูกมองจากผู้นำคริสตจักรหลายคนว่าเป็นบุคคลที่ก่อให้เกิดความแตกแยก
เบิร์กมีความขัดแย้งกับผู้นำวาติกันมาหลายปี เขาถูกถอดถอนจากตำแหน่งสำคัญในวาติกันระหว่างสมัยของพระสันตะปาปาฟรานซิส และเคยออกมาต่อต้านทิศทางของคริสตจักรภายใต้การนำของพระองค์อย่างเปิดเผย โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการปฏิรูปพิธีกรรมทางศาสนา บทบาทของผู้หย่าร้างในคริสตจักร และการเปิดรับชุมชน LGBTQ+
การที่เขาเข้าร่วมกับกลุ่มอนุรักษ์นิยมอย่างสุดโต่ง และมีท่าทีที่แข็งกร้าวในประเด็นทางการเมืองของสหรัฐอเมริกา ยิ่งทำให้เขาถูกลดบทบาทลงในเวทีของคริสตจักรคาทอลิกระดับโลก
กล่าวโดยสรุป แม้คาร์ดินัลเบิร์กจะยังมีอิทธิพลในบางกลุ่มของสายอนุรักษ์นิยม แต่เขาไม่ได้ถูกพิจารณาอย่างจริงจังว่าเป็นหนึ่งในผู้มีโอกาสได้ขึ้นเป็นสมเด็จพระสันตะปาปาองค์ต่อไป
------------------------------------------
โลกอาลัยพระสันตะปาปาฟรานซิสสิ้นพระชนม์
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ประมุขคริสตจักรคาทอลิกองค์แรกที่มาจากภูมิภาคละตินอเมริกา และเป็นที่ยกย่องในฐานะนักปฏิรูปผู้เป็นแรงบันดาลใจในการอุทิศตนเพื่อศาสนา ตลอดจนถึงการปกป้องความยุติธรรมในสังคมและสิทธิของผู้อพยพ สิ้นพระชนม์แล้วเมื่อวันจันทร์ (21 เม.ย.) สิริพระชนมายุ 88 พรรษา
ตามคำแถลงของสำนักวาติกันโดยพระคาร์ดินัลเควิน ฟาร์เรลล์ ผ่านช่องรายการเทเลแกรมของทางวาติกัน โป๊ปฟรานซิสสิ้นพระชนม์เมื่อเวลา 7.35 น. วันจันทร์ ตามเวลาท้องถิ่น (12.35 น. ตามเวลาไทย) หรือก็คือเพียงวันเดียวหลังจากทรงปรากฏพระองค์บนระเบียงอาสนวิหารเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก โดยมิได้มีกำหนดการมาก่อน เมื่อวันอีสเตอร์ซันเดย์ ท่ามกลางความปิติยินดีของสาธุชนที่ไปร่วมและเฝ้าชมพิธีมิสซาเนื่องในวันอีสเตอร์ ณ จัตุรัสเซนต์ปีเตอร์ ในนครวาติกัน โดยเป็นการปรากฏพระองค์ต่อสาธารณชนครั้งแรกนับจากเสด็จออกจากโรงพยาบาลเจเมลลีในกรุงโรมเมื่อวันที่ 23 มี.ค. เพื่อไปพักฟื้นพระวรกายต่อที่วาติกัน
พระสันตะปาปาฟรานซิสทรงเข้ารับการรักษาอาการประชวรในโรงพยาบาลดังกล่าวจากอาการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจรุนแรงและปอดบวมในปอดทั้งสองข้างนับจากวันที่ 14 กุมภาพันธ์ และทรงประทับอยู่ในโรงพยาบาลนาน 38 วัน
สำนักวาติกันระบุในคำแถลงสั้นๆ ช่วงเย็นวันจันทร์ (21) ว่า น่าจะมีการเคลื่อนพระศพของโป๊ปฟรานซิส มาที่อาสนวิหารเซนต์ปีเตอร์ในตอนเช้าวันพุธ (23) เพื่อให้สาธุชนเข้าแสดงความเคารพไว้อาลัย โดยระบุว่าจะมีการแถลงข้อมูลข่าวสารมากยิ่งขึ้นในวันอังคาร (22)
ต่อมา โฆษกผู้หนึ่งของวาติกันแถลงเพิ่มเติมว่า คณะคาร์ดินัลอาวุโสของวาติกันจะเป็นผู้นำพิธีมิสซาในจัตุรัสเซนต์ปีเตอร์คืนวันจันทร์ เวลา 19.30 น. (ตรงกับ 0.30 น.วันอังคาร เวลาเมืองไทย) เนื่องในการสิ้นพระชนม์ของพระสันตะปาปา
โป๊ปฟรานซิสที่มีพระนามเดิมว่า ฮอร์เฮ มาริโอ เบร์โกกลิโอ เป็นชาวอาร์เจนตินาโดยกำเนิด ทรงเป็นพระสันตะปาปาองค์แรกที่มาจากจากคณะเยซูอิต โดยทรงดำรงตำแหน่งสืบต่อจากสมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ซึ่งเป็นโป๊ปพระองค์แรกนับจากยุคกลางที่ทรงสมัครพระทัยสละตำแหน่ง
บรรดาผู้นำทั่วโลกยกย่องพระสันตะปาปาฟรานซิสที่ทรงปกป้องความยุติธรรมในสังคม สิทธิของผู้อพยพ และสิ่งแวดล้อมอย่างแน่วแน่
อัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานของคณะกรรมาธิการยุโรป ที่เป็นองค์กรบริหารของสหภาพยุโรป กล่าวว่า ความถ่อมตนและความรักอันบริสุทธิ์ต่อผู้ด้อยโอกาส ทำให้พระสันตะปาปาฟรานซิสเป็นแรงบันดาลใจสำหรับผู้คนนับล้าน ไม่เฉพาะแต่ชาวคาทอลิกเท่านั้น
โฮเซ รามอส-ฮอร์ตา ประธานาธิบดีของติมอร์-เลสเต ซึ่งโป๊ปฟรานซิสเสด็จเยือนเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว อันเป็นส่วนหนึ่งของการเสด็จเยือนต่างประเทศที่ยาวนานที่สุดของพระองค์ขณะดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปานั้น ยกย่องว่า มรดกอันล้ำลึกที่โป๊ปทรงทิ้งไว้คือความกรุณา ความยุติธรรม และภราดรภาพของมนุษย์
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่ามีความสัมพันธ์ที่ไม่สู้ดีนักกับโป๊ปองค์นี้ กล่าวสั้นๆ ทางโซเชียลมีเดียขอให้ โป๊ปฟรานซิสสู่สุคติ ขอให้พระผู้เป็นเจ้าอวยพรให้พระองค์และผู้คนทั้งหลายที่รักพระองค์ ขณะที่นายกรัฐมนตรี จอร์จา เมโลนี ของอิตาลี แสดงความเศร้าเสียใจต่อการจากไปของ “บุรุษผู้ยิ่งใหญ่ นายชุมพาบาล (ผู้นำทางจิตวิญญาณ) ผู้ยิ่งใหญ่”
ด้านประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย กล่าวยกย่องพระสันตะปาปาฟรานซิสว่า เป็น “ผู้ปกป้อง” ของ “ลัทธิมนุษยนิยมและความยุติธรรม” พร้อมกับสรรเสริญความพยายามของพระองค์ในการส่รงเสริมการสนทนาระหว่างคริสตจักรออโธด็อกซ์ กับคริสตจักรคาทอลิก
ส่วนประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ ของยูเครน แสดงความไว้อาลัยการสิ้นพระชนม์ของโป๊ปฟรานซิส และบอกว่าพระองค์ “สวดอ้อนวอนให้เกิดสันติภาพในยูเครนและสวดอ้อนวอนให้แก่ชาวยูเครน”
พระสันตะปาปาฟรานซิสได้รับเลือกเป็นประมุขคริสตจักรคาทอลิกเมื่อวันที่ 13 มี.ค. 2013 ท่ามกลางความประหลาดใจของผู้สังเกตการณ์ เนื่องจากถูกมองว่าเป็นคนนอก
โป๊ปฟรานซิสทรงขึ้นเป็นพระประมุขขณะที่คริสตจักรคาทอลิกถูกโจมตีด้วยเรื่องอื้อฉาวในการล่วงละเมิดเด็ก และเกิดความแตกแยกในระบบบริหารนครวาติกัน และเป็นที่ชัดเจนว่า ทรงได้รับเลือกเพื่อให้ปฏิบัติภาระหน้าที่ในการฟื้นฟูระบบระเบียบในศาสนจักร
ทว่า ขณะปฏิบัติภารกิจเหล่านั้น พระองค์กลับถูกฝ่ายอนุรักษ์นิยมวิจารณ์ว่า ล้มเหลวในการปกป้องความเชื่อดั้งเดิมของแคทอลิกในประเด็นปัญหาสำคัญอย่างเช่นการทำแท้งและการหย่าร้าง รวมทั้งถูกโจมตีจากฝ่ายก้าวหน้าว่า พระองค์ควรพยายามมากขึ้นเพื่อปฏิรูปคริสตจักรคาทอลิกที่มีอายุยาวนานถึง 2,000 ปี อย่างไรก็ตาม ขณะที่ต้องเผชิญกับกลุ่มต่อต้านภายในคริสตจักร พระสันตะปาปาฟรานซิสกลับได้รับการเคารพรักจากผู้คนทั่วโลก ฝูงชนจำนวนมากมักรอต้อนรับขณะที่พระองค์เสด็จเยือนต่างประเทศเพื่อส่งเสริมสันติภาพ และสนับสนุนกลุ่มคนที่ได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม เช่น ผู้อพยพ
(ที่มา: เอเอฟพี/รอยเตอร์)
IMCT NEWS