.

สหรัฐฯ เรียกร้องไทยแก้ปัญหาการค้า หลังการเจรจาภาษีหยุดชะงัก
23-4-2025
นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร กล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันอังคารว่า การเจรจาซึ่งเดิมมีกำหนดในวันที่ 23 เมษายน ถูกเลื่อนออกไปโดยที่ยังไม่มีการกำหนดวันใหม่ ทั้งนี้ เธอไม่ได้ระบุว่าประเด็นที่สหรัฐฯ ต้องการให้ไทยแก้ไขคือเรื่องใด
“เราจะเข้าเจรจาด้วยท่าทีแบบแลกเปลี่ยน ถ้าเขาให้เราบ้าง เราก็พร้อมจะให้เขาบ้าง” แพทองธารกล่าวหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายพิชัย ชุณหวชิร กล่าวว่า สหรัฐฯ ต้องการให้ไทยดำเนินมาตรการเข้มงวดขึ้นเพื่อป้องกันการใช้ใบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าอย่างไม่ถูกต้อง โดยประเทศอื่นที่กำลังเผชิญกับอัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ สูงขึ้นอาจพยายามอาศัยไทยเป็นช่องทางหลีกเลี่ยง นอกจากนี้ ฝ่ายสหรัฐฯ ยังแสดงความกังวลเกี่ยวกับการแทรกแซงค่าเงิน
ไทยเป็นหนึ่งในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เผชิญกับอัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ สูงที่สุด หลังจากดุลการค้าของไทยกับสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัวในปีที่แล้ว จากราว 17,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงต้นวาระแรกของประธานาธิบดีทรัมป์ เป็นราว 46,000 ล้านดอลลาร์
ข่าวข้อเรียกร้องจากสหรัฐฯ ปรากฏขึ้นหนึ่งวันหลังจากที่วอชิงตันประกาศเก็บภาษีนำเข้าแผงโซลาร์เซลล์จาก 4 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงไทย โดยสูงถึง 3,521% ซึ่งเป็นผลจากการสอบสวนที่พบว่าผู้ผลิตในประเทศเหล่านี้ได้รับอุดหนุนจากรัฐและขายสินค้าในราคาต่ำกว่าทุน
ก่อนหน้านี้ เมื่อกว่า 12 ปีก่อน สหรัฐฯ เคยเก็บภาษีลักษณะเดียวกันจากจีน และผู้ผลิตจีนก็แก้เกมโดยตั้งโรงงานในประเทศที่ไม่ได้รับผลกระทบจากภาษีเหล่านั้น
ในที่ประชุมร่วมระหว่างเจ้าหน้าที่กรมศุลกากร หน่วยงานการค้า และภาคเอกชนเมื่อวันอังคาร แพทองธารได้สั่งให้เพิ่มความเข้มงวดในการออกใบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า สำหรับสินค้าประมาณ 65 รายการ เพื่อปกป้องชื่อเสียงของสินค้าไทยในการส่งออก
เธอยังสั่งให้กรมการค้าต่างประเทศประสานงานกับศุลกากรสหรัฐฯ เพื่อจัดทำแนวปฏิบัติใหม่ และติดตามการแอบอ้างถิ่นกำเนิดโดยผู้ส่งออกไทยอย่างใกล้ชิด “หากมีการตรวจสอบที่เข้มงวดขึ้นในเรื่องถิ่นกำเนิดสินค้า สินค้าที่หลบเลี่ยงกฎก็จะลดลงอย่างมากภายใน 90 วัน” แพทองธารเขียนในเฟซบุ๊ก
“เรื่องนี้จะเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทย รวมถึง SMEs ไทย สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ สินค้าไทยและวัตถุดิบจากไทยจะสามารถส่งออกไปต่างประเทศได้มากขึ้น”
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ ซึ่งอยู่ในทีมเจรจาของไทยด้วย กล่าวว่า รัฐบาลมีความหวังว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีในการเจรจา เพราะทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์ทวิภาคีที่ดีและยาวนาน ฝ่ายรัฐบาลไทยกล่าวว่าภาษีนำเข้าที่สูงเกินคาดจากฝั่งสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดส่งออกอันดับหนึ่งของไทย อาจส่งผลให้จีดีพีไทยปีนี้หดตัวลงอย่างน้อย 1% หากไม่สามารถเจรจาลดภาษีได้
ไทยได้เสนอที่จะนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น เช่น ข้าวโพด ก๊าซธรรมชาติ และเอทเทน รวมถึงการลดภาษีนำเข้าและยกเลิกอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี เพื่อบรรลุข้อตกลงกับสหรัฐฯ
ที่มา บลูมเบิร์ก