.

IMF หั่นจีดีพีโลกเหลือ 2.8% 'ไทย' เจ็บหนักโตต่ำ 1.8% จากภาษีทรัมป์
23-4-2025
IMF ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลกปี 2568 เหลือ 2.8% จากเดิม 3.3% ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการค้าโลกที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ "ไทย" ถูกหั่นลง "ต่ำที่สุดในอาเซียน" เหลือ 1.8% กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้เผยแพร่รายงานอัปเดตแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (WEO) ฉบับล่าสุดในวันที่ 22 เม.ย. ตามเวลา ณ กรุงวอชิงตัน ดีซี สหรัฐ โดยนำเสนอ "การคาดการณ์จีดีพีโลกใน 3 ฉากทัศน์ที่แตกต่างกัน" เพื่อสะท้อนความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ IMF ออกคาดการณ์เศรษฐกิจโลกออกมาเป็นหลายฉากทัศน์เช่นนี้ ซึ่งทั้งสามฉากทัศน์ประกอบด้วย
ประมาณการอ้างอิง (Reference Forecast)
ประมาณการก่อน 2 เม.ย. (วันที่สหรัฐประกาศภาษีตอบโต้)
ประมาณการหลัง 9 เม.ย. (วันที่สหรัฐชะลอการบังคับใช้ภาษีออกไป 90 วัน)
การคาดการณ์เศรษฐกิจโลกใน 3 ฉากทัศน์
1. ประมาณการอ้างอิง (Reference Forecast) - คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะเติบโตที่ 2.8% ในปี 2568 และ 3.0% ในปี 2569 ฉากทัศน์นี้รวมมาตรการภาษีที่ประกาศระหว่างวันที่ 1 ก.พ. ถึง 4 เม.ย. 2568 และสะท้อนผลกระทบทางตรงจากมาตรการทางการค้าและผลกระทบทางอ้อมผ่านการเชื่อมโยงทางการค้า รวมถึงคำนึงถึงความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นและความเชื่อมั่นที่ลดลง ตลอดจนผลของนโยบายคลังและนโยบายการเงินในบางประเทศที่ช่วยชดเชยผลกระทบด้านลบจากการค้า
2. ประมาณการก่อน 2 เม.ย. (วันที่สหรัฐประกาศภาษีตอบโต้) - คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะเติบโตที่ 3.2% ทั้งในปี 2568 และ 2569 ฉากทัศน์นี้ต่ำกว่าการคาดการณ์ในรายงาน WEO ม.ค. 2568 เพียง 0.1% โดยแตกต่างจากสมมติฐานในการคาดการณ์อ้างอิงในเรื่องประกาศนโยบายการค้า ระดับความไม่แน่นอน และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ผันผวน ในฉากทัศน์นี้รวมเฉพาะนโยบายการค้าที่ประกาศระหว่าง 1 ก.พ. ถึง 12 มี.ค. 2568 อย่างไรก็ตามปัจจัยเรื่องความไม่แน่นอนในฉากทัศน์นี้น้อยกว่าช่วงที่คำนวณหลังจากนี้เป็นต้นไป
3. ประมาณการหลัง 9 เม.ย. (วันที่สหรัฐชะลอการบังคับใช้ภาษีออกไป 90 วัน) - คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะเติบโตที่ประมาณ 2.8% ในปี 2568 และ 2.9% ในปี 2569 ฉากทัศน์นี้รวมการประกาศมาตรการภาษีหลังวันที่ 4 เม.ย. ซึ่งไม่ได้ถูกรวมไว้ในประมาณการอ้างอิงแบบแรก เพราะมีการนำกรณีการเลื่อนบังคับใช้ภาษี 90 วันมาคิดแต่ยังคงอัตราภาษีขั้นต่ำ 10% กับทุกประเทศ (Baseline) และรวมปัจจัยการเพิ่มภาษีระหว่างจีนและสหรัฐที่ต่างฝ่ายต่างตอบโต้กัน โดยมีผลคล้ายกับการคาดการณ์อ้างอิงในแบบแรก แต่มีองค์ประกอบการเติบโตของเศรษฐกิจแต่ละประเทศที่ต่างกัน โดยเฉพาะจีนและสหรัฐที่จะได้รับผลกระทบมากขึ้น
ทั้งนี้ ในรายงานคาดการณ์เศรษฐกิจโลกฉบับเดือน ม.ค. 2568 ที่ผ่านมา ไอเอ็มเอฟประเมินว่า เศรษฐกิจโลกปี 2568 จะขยายตัวที่ 3.3% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากรายงานฉบับเดือนตุ.ค. 2567 ที่ระดับ 3.2% อย่างไรก็ตามตัวเลขดังกล่าวเป็นการคำนวนโดยที่ยังไม่ได้นำปัจจัยเรื่องความไม่แน่นอนของภาษีทรัมป์เข้ามาประกอบ
"ไทย-อาเซียน" เจ็บหนักจากสงครามการค้า
ไอเอ็มเอฟได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจสำหรับกลุ่มประเทศ ASEAN-5 (อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และไทย) ในประมาณการอ้างอิงว่า จะเติบโต 4.0% ในปี 2568 ลดลงจากคาดการณ์เดิมเดือนม.ค. ซึ่งให้ไว้ที่ 4.6% และสำหรับในปี 2569 จะเติบโตได้ 3.9% ลดลงจากคาดการณ์เดิมที่ 4.5%
รายงานระบุว่า หลังจากที่ชะลอตัวอย่างเห็นได้ชัดในปี 2567 เศรษฐกิจของกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียคาดว่าจะ "ลดลงต่อเนื่อง" เหลือ 4.5% ในปีนี้ และ 4.6% ในปีหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มประเทศอาเซียน เป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศที่คาดว่าได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากภาษีตอบโต้ของสหรัฐในเดือนเม.ย. เนื่องจากมีการเชื่อมโยงทางการค้ากับประเทศที่ได้รับผลกระทบโดยตรงอย่างจีนและสหรัฐ
สำหรับ "ประเทศไทย" ไอเอ็มเอฟคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ 1.8% ในปี 2568 ซึ่งลดลงมากจากคาดการณ์เดิมในเดือนม.ค. ซึ่งไอเอ็มเอฟให้ไว้ที่ 2.9% และยังเป็นประเทศเดียวในกลุ่มอาเซียนที่ไอเอ็มเอฟปรับลดคาดการณ์จีดีพีลงต่ำกว่าระดับ 2% ส่วนในปี 2569 จะลดลงอีกเหลือ 1.6%
ส่วน "เวียดนาม" นับเป็นอีกหนึ่งประเทศในอาเซียนที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าอย่างหนักเช่นกัน โดยไอเอ็มเอฟปรับลดคาดการณ์จีดีพีเวียดนามปี 2568 ลงเหลือเพียง 5.2 % จากคาดการณ์ซึ่งให้ไว้เมื่อปลายปีที่แล้วที่ 6.1% และยังลดคาดการณ์ลงต่อเนื่องในปีหน้า 2569 เหลือเพียง 4%