.

เคลาส์ ชวาบก้าวลงจากบอร์ดของWorld Economic Forum ท่ามกลางการถดถอยของพวกโลกนิยม
22-4-2025
ในวันเดียวกับที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส—ผู้เป็นที่รู้จักในเรื่องแนวคิดแบบเปิดกว้าง—ถึงแก่อสัญกรรม อีกหนึ่งบุคคลสำคัญของโลกโลกาภิวัตน์ก็ล้มลงเช่นกัน: เคลาส์ ชวาบ (Klaus Schwab) ผู้วางรากฐานให้กับ วาระสุดโต่งของเวทีเศรษฐกิจโลก (WEF) ได้ประกาศลาออกจากคณะกรรมการขององค์กร โดยนับเป็นจุดสิ้นสุดของยุคที่ชวาบผลักดันแนวคิด "ตื่นรู้" (woke) แบบสุดโต่ง เช่น การกินแมลง การรณรงค์วัคซีนขนาดใหญ่ การควบคุมประชากร และนโยบายลดการเติบโตเพื่อสิ่งแวดล้อม (climate de-growth) ซึ่งหลายอย่างคล้ายกับ "คอมมิวนิสต์ดิจิทัล" เช่น ระบบคะแนนเครดิตทางสังคม (social credit), สกุลเงินดิจิทัลจากธนาคารกลาง (CBDC) และนโยบายที่จำลองมาจากจีน
ขณะเดียวกัน กระแสวัฒนธรรมในอเมริกาเหนือและใต้ก็เริ่มเอียงกลับไปหาคุณค่าดั้งเดิม ซึ่งสั่นคลอนอิทธิพลของแนวคิด "ตื่นรู้" ที่ WEF เคยมีต่อรัฐบาล องค์กร NGO บริษัทเอกชน ศาสนา และสังคม ชวาบเขียนในแถลงการณ์ว่า: "หลังจากประกาศล่าสุดของผม และเมื่อผมกำลังก้าวเข้าสู่ปีที่ 88 ของชีวิต ผมจึงตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งประธาน และสมาชิกคณะกรรมการบริหาร โดยมีผลทันที"
ก่อนหน้านี้ ชวาบได้ก้าวลงจากตำแหน่งประธานบริหารแล้วเมื่อปีที่ผ่านมา โดยให้อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศนอร์เวย์ บอร์เก้ เบรนเด้ (Børge Brende) มาดำเนินงานประจำวันแทน ในขณะนี้ WEF ระบุว่า ปีเตอร์ บราเบค-เลตมัท (Peter Brabeck-Letmathe) รองประธานกรรมการ ถูกแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการชั่วคราว และมีการจัดตั้งคณะกรรมการสรรหาผู้แทนคนใหม่เรียบร้อยแล้ว
WEF แถลงว่า: "ในช่วงเวลาที่โลกกำลังเผชิญการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ความจำเป็นในการสนทนาอย่างครอบคลุมเพื่อรับมือกับความซับซ้อนและสร้างอนาคตไม่เคยมีความสำคัญมากเท่านี้มาก่อน คณะกรรมการบริหารของเวทีเศรษฐกิจโลกขอยืนยันภารกิจและคุณค่าในการเป็นเวทีขับเคลื่อนความก้าวหน้า พร้อมทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางของความร่วมมือระหว่างผู้นำจากทุกภาคส่วนและภูมิภาค"
การลาออกของชวาบยังเกิดขึ้นเพียง 3 เดือนหลังจากที่ ประธานาธิบดีทรัมป์ กล่าวกับเหล่าซีอีโอบริษัทข้ามชาติที่ประชุม WEF ประจำปี 2025 ที่เมืองดาวอสว่า “อเมริกากลับมาแล้ว”
เรื่องนี้เกิดขึ้นในช่วงเดียวกับที่ทรัมป์และ อีลอน มัสก์ ผลักดันโครงการ DOGE ซึ่งทำลายโครงการของ USAID ที่ใช้เงินภาษีหลายพันล้านดอลลาร์ไปกับ NGO ที่ถูกกล่าวหาว่าทุจริต เมื่อเดือนที่แล้ว เอริค ไวน์สไตน์ (Eric Weinstein) กล่าวอย่างน่าสนใจที่งาน ARC 2025:
“ระเบียบโลกหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้ล่มสลายลงแล้ว JD Vance ประกาศเรื่องนี้ไปแล้ว—ผมคิดว่ามันสำคัญมากที่อเมริกาควรปฏิบัติต่อพันธมิตรในยุโรปอย่างดีมาก และต้องทำให้โลกรู้ว่าเราจะอยู่ตรงนี้ในระยะยาว… แต่เราต้องตระหนักว่าเรากำลังตื่นขึ้นจากสิ่งที่ผมเรียกว่า ‘การหลับใหลอันยาวนาน (The Great Nap)’”
คำถามคือ: โครงการ “Great Reset” ของชวาบพังเพราะทรัมป์และนโยบาย MAGA หรือไม่?
ดูเหมือนว่าจะเป็นเช่นนั้น — แต่เหล่ากลุ่มโลกาภิวัตน์ก็อาจกลับมาในชื่อใหม่
...อย่าละสายตาไปไหน
ที่มา Zerohedge
-------------------------------------
เปิดโปง “วาระลับระดับโลก” ของ Klaus Schwab
World Economic Forum (WEF) คือที่ที่ชนชั้นนำระดับโลกรวมตัวกันเพื่อตัดสินใจเรื่องสำคัญที่ส่งผลต่อชีวิตทุกคน โดยไร้การตรวจสอบจากประชาชน และวันนี้ อดีตประธาน WEF อย่าง Klaus Schwab กลายเป็นหัวหอกของแผน “Great Reset” — โครงการที่อ้างว่าเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิด-19 แต่ความจริงแล้ว นี่คือ “หน้ากาก” ที่ซ่อนการจัดระเบียบเศรษฐกิจโลก ใหม่ทั้งหมด เพื่อเอื้อผลประโยชน์ต่อ คนรวยไม่กี่กลุ่ม
แผนยึดครองของชนชั้นนำ
แนวคิด “ทุนนิยมที่มีส่วนร่วม (Stakeholder Capitalism)” ของ Schwab จริง ๆ แล้ว คือกลยุทธ์ในการ กระชับอำนาจของบรรษัทยักษ์ใหญ่ ภายใต้หน้ากากแห่งความเป็นธรรม บริษัทยักษ์ใหญ่ครอบงำทุกอย่าง ส่วนคนธรรมดาอย่างเรากลับต้องแย่งเศษเสี้ยวที่เหลือ
วิศวกรรมสังคมยุคใหม่
Schwab ต้องการสร้างระเบียบสังคมใหม่ ที่ชนชั้นนำ ควบคุมโครงสร้างเทคโนโลยีทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น AI, ระบบเฝ้าระวัง หรือข้อมูลส่วนบุคคล
สิ่งนี้อาจนำไปสู่การควบคุมประชาชนแบบเบ็ดเสร็จ:
Smart Cities: เมืองอัจฉริยะที่รู้ทุกย่างก้าวของคุณ
รายได้พื้นฐานถ้วนหน้า (UBI): กล่อมให้คุณพึ่งพารัฐ ไม่ตั้งคำถาม
ระบบอัตโนมัติ: แย่งงานคน ปล่อยให้คนนับล้านว่างงานและไร้พลังต่อรอง
แนวคิดโลกาภิวัตน์ ที่บดขยี้อธิปไตยของชาติ
แผนของ Schwab มุ่งไปสู่โลกที่ “คนที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง” ตัดสินใจแทนประชาชนทั่วโลก
นโยบายสำคัญที่ส่งผลต่อชีวิตเรา ถูกกำหนดโดยกลุ่มคนไม่กี่คน
ประชาชนแทบไม่มีสิทธิ์กำหนดอนาคตของตัวเอง
ที่มา Sputnik