ศึกชิงอิทธิพลท่าเรือคลองปานามายังไม่จบ

ศึกชิงอิทธิพลท่าเรือคลองปานามายังไม่จบ กลุ่มทุนสหรัฐฯ-อิตาลีรุกซื้อกิจการ 43 แห่งจากฮัทชิสัน
15-4-2025
BlackRock เตรียมถือหุ้น 51% ในท่าเรือคลองปานามา 2 แห่ง MSC ตระกูลอิตาลีครองกิจการอีก 41 แห่ง จากCK ฮัทชิสัน จีนคัดค้านเต็มรูปแบบ บริษัทการลงทุนยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ แบล็กร็อค (BlackRock) ซึ่งเป็นแกนนำกลุ่มนักลงทุนที่กำลังเจรจาซื้อท่าเรือ 43 แห่งจาก CK ฮัทชิสัน โฮลดิ้งส์ ของนายลี กา-ชิง มหาเศรษฐีชาวฮ่องกง วางแผนเข้าควบคุมท่าเรือเชิงยุทธศาสตร์สองแห่งที่คลองปานามา ขณะที่ตระกูลอปอนเต (Aponte) ผู้มั่งคั่งชาวอิตาลีจะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในท่าเรืออื่นๆ ที่เหลือ ตามข้อมูลที่หนังสือพิมพ์โพสต์ได้รับ
แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับธุรกรรมนี้เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ว่า กลุ่มนักลงทุนประกอบด้วยแบล็กร็อค บริษัทในเครือ โกลบอล อินฟราสตรัคเจอร์ พาร์ทเนอร์ส (Global Infrastructure Partners) และบริษัท เทอร์มินัล อินเวสต์เมนต์ ลิมิเต็ด (Terminal Investment Limited หรือ TiL) ของตระกูลอปอนเต กำลังเจรจาซื้อท่าเรือทั้งหมดด้วยมูลค่า 23,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยแบล็กร็อคมีเป้าหมายจะถือหุ้น 51 เปอร์เซ็นต์ในส่วนของฮัทชิสันที่มีในท่าเรือสองแห่งที่ปานามา
ขณะที่บริษัท TiL ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในเจนีวา จะถือหุ้นส่วนใหญ่ในท่าเรืออีก 41 แห่ง ซึ่ง CK ฮัทชิสันไม่ได้เป็นเจ้าของทั้งหมดอยู่แล้ว โดยปัจจุบัน CK ฮัทชิสันมีส่วนได้เสียอย่างมีนัยสำคัญในท่าเรือทั้ง 43 แห่งที่ระดับ 80 เปอร์เซ็นต์ กลุ่มฮัทชิสันซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในฮ่องกงคาดว่าจะได้รับเงินสดประมาณ 19,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อการซื้อขายเสร็จสิ้น อย่างไรก็ตาม ปักกิ่งได้แสดงความไม่พอใจอย่างชัดเจนต่อการขายท่าเรือสองแห่งที่คลองปานามา โดยระบุว่าจะกระทบต่อผลประโยชน์แห่งชาติของจีน
นักวิเคราะห์ให้ความเห็นว่า แม้จะมีการแบ่งสัดส่วนการเป็นเจ้าของท่าเรือ แต่ก็จะไม่ทำให้ปักกิ่งเปลี่ยนจุดยืนในการคัดค้านข้อตกลงนี้ เนื่องจากมองว่า CK ฮัทชิสันไม่ควรขายสินทรัพย์เชิงยุทธศาสตร์ให้กับประเทศตะวันตกที่อาจถูกกดดันจากสหรัฐฯ
## ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ-จีน เหนือท่าเรือปานามา
ท่าเรือในคลองปานามากลายเป็นจุดเสียดสีเพิ่มเติมระหว่างวอชิงตันและปักกิ่ง โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ เคยประกาศหลายครั้งว่าจะยึดการควบคุมคลองปานามาคืนจากสิ่งที่เขาอ้างว่าเป็นอิทธิพลของจีน ในขณะเดียวกัน ปักกิ่งก็ได้เร่งกดดันฮัทชิสันในประเด็นการขายสินทรัพย์ให้กับนิติบุคคลของสหรัฐฯ
"ปักกิ่งไม่จำเป็นต้องอ่านข่าวก่อนที่จะรู้ว่าฮัทชิสันจะขายสินทรัพย์ให้ใคร" หลิว ซิ่วไค ที่ปรึกษาของสมาคมการศึกษาฮ่องกงและมาเก๊าของจีน ซึ่งเป็นองค์กรกึ่งทางการ กล่าว "ไม่ว่าจะเป็นอิตาลีหรือชาติตะวันตกอื่นใดก็ตามที่เข้ามาควบคุมท่าเรือ ปักกิ่งยังคงคัดค้านข้อตกลงนี้ เนื่องจากประเทศเหล่านี้อาจถูกกดดันจากสหรัฐฯ ให้ดำเนินการที่อาจส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ของจีนในธุรกิจการค้า การขนส่ง และอุตสาหกรรมการต่อเรือ"
เมื่อฮัทชิสันประกาศข้อตกลงการขายท่าเรือในต่างประเทศทั้งหมดอย่างกะทันหันเมื่อวันที่ 4 มีนาคม ยังไม่มีการเปิดเผยสัดส่วนการถือหุ้นของกลุ่มแบล็กร็อคและ TiL แหล่งข่าวระบุว่า แบล็กร็อคและบริษัทในเครือจะถือหุ้น 51 เปอร์เซ็นต์ในบริษัทที่จะซื้อท่าเรือ บัลบัว (Balboa) และคริสโตบัล (Cristobal) ในปานามา ซึ่งตั้งอยู่ที่ปลายทั้งสองด้านของคลอง โดย TiL จะถือหุ้นที่เหลืออีก 49 เปอร์เซ็นต์
บริษัทเมดิเตอร์เรเนียน ชิปปิ้ง คอมพานี (Mediterranean Shipping Company หรือ MSC) ของนายจิอันลุยจิ อปอนเต มหาเศรษฐีชาวอิตาลี ควบคุม TiL ด้วยสัดส่วนการถือหุ้น 70 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ โกลบอล อินฟราสตรัคเจอร์ พาร์ทเนอร์ส ของแบล็กร็อค และบริษัทลงทุนระดับโลกของรัฐบาลสิงคโปร์ GIC ร่วมกันถือหุ้นส่วนที่เหลือ
แหล่งข่าวยังเผยว่า TiL เป็นผู้ซื้อหลักในท่าเรืออีก 41 แห่งที่ฮัทชิสันนำออกขาย และตั้งใจจะถือหุ้นในสัดส่วนที่มีอำนาจควบคุม "โดยรวมแล้ว แบล็กร็อคไม่ได้เป็นเจ้าของรายใหญ่ของพอร์ตโฟลิโอทั้งหมด" แหล่งข่าวระบุ
หลิว กล่าวว่า "สิ่งที่ปักกิ่งกังวลคือมีประเทศตะวันตกใดเป็นเจ้าของท่าเรือเหล่านี้หรือไม่ ที่อาจตกอยู่ภายใต้แรงกดดันจากสหรัฐฯ ให้สร้างความท้าทายต่อจีน" เขาอธิบายเพิ่มเติมว่า รัฐบาลอิตาลีชุดปัจจุบันมีพรรคฝ่ายขวาเป็นแกนนำและถือเป็นฝ่ายสนับสนุนสหรัฐฯ ทั้งนี้ อิตาลีเคยเป็นประเทศเดียวในกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำเจ็ดประเทศ (G7) ที่เข้าร่วมโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางของจีนในปี 2019 แต่ได้ประกาศถอนตัวอย่างเป็นทางการในปี 2023 ท่าเรือบางส่วนจากจำนวน 41 แห่งที่อยู่ในข้อตกลงกับ CK ฮัทชิสัน ตั้งอยู่ในประเทศที่เข้าร่วมโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง
## การแข่งขันด้านการขนส่งและปัญหาทางกฎหมาย
นักวิเคราะห์ที่ขอไม่เปิดเผยชื่อระบุว่า นอกเหนือจากประเด็นทางการเมืองแล้ว MSC ยังเป็นคู่แข่งสำคัญกับบริษัทขนส่งยักษ์ใหญ่ของจีนแผ่นดินใหญ่ เช่น ไชน่า คอสโก ชิปปิ้ง (China Cosco Shipping) และไชน่า เมอร์แชนท์ส กรุ๊ป (China Merchants Group) เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา MSC ได้รับการจัดอันดับให้เป็นบริษัทขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกในแง่ความจุของกองเรือ ตามการจัดอันดับของบริษัทวิจัย Alphaliner โดย MSC และคอสโกเป็นหนึ่งในผู้ซื้อเรือใหม่ที่ผลิตในจีนรายใหญ่ที่สุดในปีที่แล้ว
ตามข้อมูลในเว็บไซต์ MSC ระบุว่าบริษัทมีพนักงานมากกว่า 1,300 คนในประเทศจีน และมีสำนักงานใน 28 เมืองทั่วประเทศ ปักกิ่งได้เพิ่มแรงกดดันต่อฮัทชิสันให้ยกเลิกข้อตกลงดังกล่าว ขณะที่สำนักงานบริหารกำกับดูแลตลาดแห่งรัฐของจีนประกาศว่าจะเปิดการสอบสวนการผูกขาดในกรณีนี้
ในต้นเดือนเมษายน ผู้ตรวจเงินแผ่นดินของปานามาได้อ้างผลการตรวจสอบบัญชีอย่างละเอียดและกล่าวหาว่าฮัทชิสันไม่ได้จ่ายเงินมากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับประเทศปานามา ซึ่งกลุ่มบริษัทดังกล่าวได้ปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ การตรวจสอบบัญชีดังกล่าวเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 20 มกราคม ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ประธานาธิบดีทรัมป์เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ
เมื่อวันที่ 2 เมษายน ฮัทชิสันและกลุ่มแบล็กร็อคไม่ได้ดำเนินการตามกำหนดในการลงนามเอกสารที่จะอนุญาตให้ผู้ซื้อเข้าถึงข้อมูลทางการเงินและการดำเนินงานเพื่อการตรวจสอบสถานะทางธุรกิจ (due diligence) อย่างไรก็ตาม ทางแหล่งข่าวระบุว่าวันดังกล่าวไม่ใช่กำหนดเส้นตายของการทำธุรกรรม นอกจากนี้ สัญญาของฮัทชิสันในการดำเนินงานท่าเรือทั้งสองแห่งที่คลองปานามายังอยู่ภายใต้การดำเนินคดีทางกฎหมายในประเทศปานามา โดยในเดือนกุมภาพันธ์ ทนายความสองคนได้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาของประเทศเพื่อขอยกเลิกสัมปทานดังกล่าว
---
IMCT NEWS