ข้อตกลงเรือดำน้ำนิวเคลียร์ AUKUS ส่อวิกฤตรอบด้าน

ข้อตกลงเรือดำน้ำนิวเคลียร์ AUKUS ส่อวิกฤตรอบด้าน ภาษีทรัมป์ยิ่งซ้ำเติมปัญหา
16-4-2025
ข้อตกลงความร่วมมือด้านความมั่นคง AUKUS ระหว่างออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา กำลังเผชิญปัญหาหนักหน่วงรอบด้าน โดยล่าสุดนโยบายภาษีนำเข้าวัตถุดิบของประธานาธิบดีทรัมป์ได้ซ้ำเติมวิกฤตที่มีอยู่เดิม ส่งผลกระทบต่อโครงการเรือดำน้ำนิวเคลียร์มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์
ภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมที่สหรัฐฯ กำหนดขึ้นกับสินค้าจากสหราชอาณาจักรและแคนาดา อาจทำให้ต้นทุนโครงการเรือดำน้ำ AUKUS ของออสเตรเลียพุ่งสูงเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 240,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 8 ล้านล้านบาท) วุฒิสมาชิกทิม เคน จากสหรัฐอเมริกาแสดงความกังวล โดยระบุผ่านสื่อ Nine Newspapers ว่า "มันจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสหรัฐฯ"
ปัญหาไม่ได้จำกัดเพียงแค่ต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น แต่ยังรวมถึงกำลังการผลิตที่ไม่เพียงพอของอู่ต่อเรือสหรัฐฯ ที่ปัจจุบันสามารถผลิตเรือดำน้ำได้เพียงปีละ 1.5 ลำเท่านั้น ต่ำกว่าเป้าหมายที่จำเป็นต้องผลิตให้ได้ 2 ลำต่อปี สำนักงานงบประมาณรัฐสภาสหรัฐฯ ได้เตือนเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาว่า การจัดสรรเรือดำน้ำ 3-5 ลำให้กับออสเตรเลียอาจยิ่งทำให้กองทัพเรือสหรัฐฯ ประสบปัญหาขาดแคลนยุทโธปกรณ์รุนแรงยิ่งขึ้น
สภาด้านภูมิรัฐศาสตร์ (Council on Geostrategy) ยังชี้ให้เห็นว่า AUKUS กำลังเผชิญกับอุปสรรคด้าน "การขาดแคลนบุคลากร" และช่องว่างทักษะในสาขาสำคัญ ได้แก่ นิวเคลียร์ ควอนตัม ปัญญาประดิษฐ์ และความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์
ประสิทธิภาพในการยับยั้งจีนซึ่งเป็นวัตถุประสงค์หลักของข้อตกลงนี้ก็ถูกตั้งคำถาม ในการจำลองสถานการณ์สงครามครั้งล่าสุด ผู้บัญชาการกองทัพออสเตรเลียกลับไม่ได้ใช้เรือดำน้ำนิวเคลียร์ แต่เลือกใช้โดรนและขีปนาวุธในการป้องกันพื้นที่ทางตอนเหนือของประเทศแทน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความกังวลเกี่ยวกับความมุ่งมั่นในโครงการนี้ ตามที่ไบรอัน คลาร์ก อดีตนักยุทธศาสตร์กองทัพเรือสหรัฐฯ ได้ให้ความเห็น
การพัฒนาเทคโนโลยีเรือดำน้ำไร้คนขับหรือโดรนใต้น้ำที่ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว อาจทำให้เรือดำน้ำแบบมีลูกเรือประจำการกลายเป็นอาวุธที่ล้าสมัยก่อนที่กองเรือ AUKUS จะสามารถปฏิบัติการได้อย่างเต็มศักยภาพ ตามที่ระบุในรายงานของสถาบันฮัดสันเมื่อปี 2020
ในขณะเดียวกัน AUKUS ก็กำลังเผชิญกับความปั่นป่วนทางการเมืองด้วย นายกรัฐมนตรีแอนโธนี อัลบานีส ของออสเตรเลียได้เน้นย้ำว่าเรือดำน้ำนิวเคลียร์เป็นเพียงเครื่องมือยับยั้ง ไม่ใช่การเตรียมการสำหรับสงคราม ในขณะที่คณะกรรมการกลาโหมของสหราชอาณาจักรได้เปิดการสอบสวนเกี่ยวกับ AUKUS อีกครั้งในปี 2025 นี้ ที่ออสเตรเลีย พรรคแรงงานและพรรคกรีนกำลังผลักดันให้ยกเลิกข้อตกลงดังกล่าว โดยมองว่าเป็น "การพนันที่อันตราย"
ข้อตกลง AUKUS ยังก่อให้เกิดผลกระทบทางการทูตอย่างรุนแรง โดยเฉพาะการที่ออสเตรเลียยกเลิกสัญญามูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์กับฝรั่งเศสอย่างกะทันหัน ทำให้รัฐมนตรีฝรั่งเศส ฌอง-อีฟ เลอ ดริออง ถึงกับเรียกเหตุการณ์นี้ว่าเป็น "การแทงข้างหลัง" และรัฐบาลปารีสได้เรียกเอกอัครราชทูตจากออสเตรเลียและสหรัฐอเมริกากลับประเทศเป็นการชั่วคราวเพื่อประท้วง
นอกจากนี้ ประเทศมหาอำนาจนิวเคลียร์อย่างรัสเซีย จีน และเกาหลีเหนือ ต่างออกมาแสดงความกังวลว่า AUKUS อาจเป็นภัยคุกคามต่อสนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ และคาดว่าจะเกิดปฏิกิริยาตอบโต้อย่างรุนแรงหากโครงการนี้เดินหน้าต่อไป
ด้วยปัญหารอบด้านทั้งต้นทุนที่พุ่งสูง การขาดแคลนแรงงานและวัสดุ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่อาจทำให้โครงการล้าสมัยก่อนเริ่ม รวมถึงแรงต้านทั้งจากภายในและระหว่างประเทศ อนาคตของข้อตกลง AUKUS จึงยังคงอยู่ในความไม่แน่นอนอย่างยิ่ง
---
IMCT NEWS