สำรวจ 4 ความเป็นไปได้: สร้างสันติภาพในยูเครน

สำรวจ 4 ความเป็นไปได้: สร้างสันติภาพในยูเครน
24-2-2025
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ กำลังผลักดันให้เกิดแนวทางยุติสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนอย่างสันติวิธี วีโอเอสำรวจแนวทางต่าง ๆ ที่นักวิเคราะห์หลายคนเสนอไว้สำหรับการสร้างสันติภาพระยะยาวในยูเครน
1.เพิ่มแรงกดดันขั้นสูงสุด
ข้อเสนอของ Center for European Policy Analysis หรือ CEPA ซึ่งใช้ชื่อว่า “How to Win: A Seven-Point Plan for Sustainable Peace in Ukraine” เรียกร้องให้ยุทธศาสตร์เพิ่มแรงกดดันขั้นสูงสุดเพื่อให้รัสเซียเข้าสู่การเจรจาเพื่อหาทางออก
ข้อเสนอดังกล่าวระบุถึงสิ่งที่สหรัฐฯ และพันธมิตร ควรทำ:
"จัดหาความสนับสนุนฉุกเฉินให้แก่ยูเครนโดยไม่มีข้อแม้ เป้าหมายเพื่อลดศักยภาพทางทหารของรัสเซีย และยกระดับจุดยืนการเจรจาของยูเครน"
"เพิ่มมาตรการลงโทษต่อสถาบันการเงินและภาคพลังงานของรัสเซีย นำทรัพย์สินของรัสเซียที่ถูกอายัดไว้มาใช้สนับสนุนทางการทหารต่อยูเครนและฟื้นฟูประเทศ ตลอดจนเพิ่มมาตรการลงโทษชุดใหม่เพื่อกดดันทางเศรษฐกิจต่อรัสเซีย ตลอดจนรัฐบาลเผด็จการในจีน อิหร่าน และเกาหลีเหนือ"
CEPA กล่าวว่า "ยูเครนและยุโรป" ต้องถูกรวมในการเจรจาสันติภาพกับรัสเซีย และสหรัฐฯ ควรสนับสนุนกองกำลังพันธมิตรที่มียุโรปเป็นแกนนำเพื่อบังคับใช้มาตรการหยุดยิงในยูเครน และพันธมิตรในยุโรปต้องเดินหน้ารับรองยูเครนให้เป็นส่วนหนึ่งของสหภาพยุโรป
แคทเธอรีน เซนแด็ก ผอ.ฝ่ายความมั่นคงและการทหารข้ามแอตแลนติก ของ CEPA กล่าวกับวีโอเอ ภาคภาษายูเครน ว่า สหรัฐฯ ควรเข้าสู่กระบวนการเจรจากับรัสเซียเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ยูเครน และใช้เครื่องมือทางการทูตที่เข้มแข็งที่สุด และเสริมว่าไม่ควรนำประเด็นเรื่องการสมัครเป็นสมาชิกองค์การนาโต้ของยูเครน รวมอยู่ในการเจรจากับรัสเซียซึ่งไม่ใช่สมาชิกของนาโต้ เพราะจะเหมือนเป็นการมอบอำนาจวีโต้ให้แก่รัสเซีย
2.เจรจาด้วยการถือไพ่ที่เหนือกว่า
จอช รูดอล์ฟ นักวิชาการอาวุโสของสถาบันคลังสมอง German Marshall Fund ผู้เคยจัดทำนโยบายด้านรัสเซียและยูเครนให้กับสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในรัฐบาลปธน.ทรัมป์ สมัยแรก เสนอแนวทางการเจรจาเพื่อยุติสงครามในยูเครน
เข้าหาประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ด้วยจุดยืนที่แข็งแกร่ง เนื่องด้วยความถดถอยของปูตินจากสงครามกับยูเครน ทำให้ประธานาธิบดีทรัมป์ถือไพ่เหนือกว่าในความสัมพันธ์ทวิภาคีนี้ และสามารถเป็นผู้กำหนดเงื่อนไขในการเจรจากับรัสเซียได้
ช่วงเวลาสำคัญของการเจรจาจะเกิดขึ้นเมื่อปูตินปฏิเสธที่จะยอมรับข้อตกลงบางอย่าง ซึ่งทรัมป์ต้องพร้อมที่จะเดินออกจากการเจรจาทันทีเมื่อเวลานั้นมาถึง
ใช้มาตรการลงโทษพ่วงไปกับการกดดันทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะราคาพลังงานซึ่งถือเป็นรายได้สำคัญของรัสเซีย โดยอาจร่วมมือกับซาอุอาระเบียเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในตลาดโลกซึ่งจะทำให้ราคาลดลง และจะส่งผลให้มาตรการลงโทษต่อรัสเซียมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น
นักวิชาการผู้นี้แนะนำเช่นกันให้ขายทรัพย์สินของรัสเซียทั้งหมดที่ถูกอายัดไว้มูลค่า 300,000 ล้านดอลลาร์เพื่อนำมาใช้ซื้ออาวุธแก่ยูเครน พร้อมกับให้ยุโรปเพิ่มค่าใช้จ่ายมากขึ้นสำหรับการจัดหาอาวุธ และส่งทหารรักษาสันติภาพ 100,000 คนไปช่วยรักษาความสงบในยูเครนหลังสงคราม อนุญาตให้บริษัทเข้าไปฟื้นฟูยูเครน และเชิญยูเครนเข้าเป็นสมาชิกองค์การนาโต้หากปูตินไม่ยอมทำตามเงื่อนไขเหล่านี้
3.โน้มน้าวด้วยผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ
เอเลน แมคคัสเกอร์, เฟรเดริก เคแกน และริชาร์ด ซิมส์ แห่งสถาบัน American Enterprise ระบุในรายงาน “Dollars and Sense: America’s Interest in a Ukrainian Victory” ว่า หากสหรัฐฯ ยุติการสนับสนุนยูเครน จะทำให้ยูเครนพ่ายแพ้และรัสเซียสามารถรุกคืบเข้าไปในดินแดนส่วนอื่นของยุโรป ซึ่งจะมีผลกระทบมากมายตามมา
รายงานชี้ว่า: สนับสนุนยูเครนให้ได้รับชัยชนะเหนือรัสเซียจะสร้างประโยชน์ทางศก.สูงสุดให้สหรัฐฯ โลกที่มีรัสเซียเรืองอำนาจจะเป็นอันตรายและส่งผลร้ายทางเศรษฐกิจต่ออเมริกามากกว่าเดิม ส่วนหนึ่งเป็นเพราะค่าใช้จ่ายด้านการทหารที่จะเพิ่มขึ้นราว 808,000 ล้านดอลลาร์ในช่วง 5 ปีข้างหน้า
การทำให้สงครามนี้สิ้นสุดในระยะเวลาอันสั้นจะช่วยให้อุตสาหกรรมในยูเครนเจริญรุ่งเรืองขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะช่วยสร้างเสถียรภาพในยุโรป
เฟรเดริก เคแกน ให้สัมภาษณ์กับวีโอเอว่า หากรัสเซียได้รับชัยชนะเหนือยูเครน จะกลายเป็นชัยชนะของจีน อิหร่าน และเกาหลีเหนือด้วย เพราะจะทำให้ประเทศเหล่านั้นย่ามใจในการกระทำแบบเดียวกัน นอกจากนี้จะทำให้เกิดคลื่นผู้อพยพไปยังยุโรป ซึ่งยิ่งสั่นคลอนเถียรภาพของภูมิภาคนี้
4.แนวทางสายกลาง
รายงาน “Project 2025 Presidential Transition Project” ขององค์กรเฮอริเทจ ฟาวเดชั่น (Heritage Foundation) ระบุถึงคำแนะนต่าง ๆ เกี่ยวกับสงครามในยูเครน โดยเสนอให้เดินทางสายกลางที่ไม่โน้มเอียงไปทางการสนับสนุนหรือต่อต้านการช่วยเหลือยูเครนมากเกินไป:
ความช่วยเหลือของสหรัฐฯ ที่ให้แก่ยูเครนจะต้องได้รับการชดเชยทางการเงิน และต้องถูกจำกัดอยู่ที่ความช่วยเหลือทางทหารเท่านั้น โดยที่พันธมิตรของยูเครนในยุโรปจะเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจ และต้องมีการระบุถึงยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคงแห่งชาติที่ชัดเจน
ทุกฝ่ายต่างเห็นพ้องว่าการรุกรานยูเครนนั้น-ม่ถูกต้อง และประชาชนยูเครนมีสิทธิ์ที่จะปกป้องมาตุภูมิของตนเอง ซึ่งความขัดแย้งนี้ทำให้กองทัพของปูตินอ่อนแอลง ในขณะที่องค์การนาโต้มีเอกภาพมากยิ่งขึ้น
เจมส์ คาราฟาโน ผู้เชี่ยวชาญของ The Heritage Foundation ยืนยันกับวีโอเอว่า การทำให้ยูเครนเป็นอิสระจากการรุกรานของรัสเซีย และสามารถปกป้องตนเองได้ คือผลประโยชน์ของสหรัฐฯ
ที่มา: วีโอเอ