.

BMW จับมือ อาลีบาบา พัฒนาผู้ช่วยอัจฉริยะ AI หวังชิงส่วนแบ่งตลาดรถ EV
27-3-2025
BMW และอาลีบาบากรุ๊ปประกาศความร่วมมือในการพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) สำหรับรถยนต์ในประเทศจีน สะท้อนให้เห็นถึงการที่อาลีบาบามุ่งเน้นด้าน AI มากขึ้น ขณะที่บีเอ็มดับเบิลยูเองก็กำลังพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันสำหรับตลาดจีน การตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่อาลีบาบากรุ๊ปกำลังเร่งสร้างรายได้จากผลิตภัณฑ์และขยายฐานลูกค้า ตามรายงานจาก Alizila ซึ่งเป็นสื่อดิจิทัลของอาลีบาบากรุ๊ป "ภายใต้ความร่วมมือนี้ ระบบผู้ช่วยส่วนตัวอัจฉริยะ (Intelligent Personal Assistant หรือ IPA) รุ่นใหม่ของบีเอ็มดับเบิลยูจะผสานรวมกับระบบปัญญาประดิษฐ์ที่พัฒนาร่วมกันระหว่างบีเอ็มดับเบิลยูและอาลีบาบา"
"ระบบปัญญาประดิษฐ์นี้จะใช้เทคโนโลยี Yan AI ซึ่งเป็นโซลูชัน AI สำหรับห้องควบคุมอัจฉริยะที่พัฒนาบนพื้นฐานของ Qwen โดย Banma บริษัทในเครืออาลีบาบาที่เชี่ยวชาญด้านระบบห้องควบคุมอัจฉริยะ โดยระบบ IPA ที่เสริมด้วย AI นี้จะเปิดตัวในรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูรุ่น Neue Klasse ที่ผลิตในประเทศจีนตั้งแต่ปี 2026 เป็นต้นไป ซึ่งจะสร้างมาตรฐานใหม่สำหรับการปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้ขับขี่กับยานพาหนะที่ชาญฉลาด เข้าใจง่าย และตอบสนองได้อย่างมีประสิทธิภาพ"
ความร่วมมือครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาระบบการเคลื่อนที่ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ในประเทศจีน โดยเทคโนโลยี AI เหล่านี้จะมุ่งเน้นการยกระดับบริการระหว่างการเดินทางในรถยนต์ เช่น ระบบนำทางและระบบผู้ช่วย รวมถึงการโต้ตอบด้วยเสียงที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น นอกจากนี้ ยังเป็นการสนับสนุนวิสัยทัศน์ของอาลีบาบาในการสร้างการเปลี่ยนแปลงผ่านเทคโนโลยี AI และเป้าหมายของบีเอ็มดับเบิลยูในการบูรณาการ AI เข้ากับผลิตภัณฑ์ทุกรุ่น
รถยนต์ BMWรุ่ น Neue Klasse จะมาพร้อมกับผู้ช่วย AI สองระบบ ได้แก่ Travel Companion และ Car Genius ซึ่งสามารถให้บริการที่ปรับแต่งตามไลฟ์สไตล์และความช่วยเหลือแบบเรียลไทม์ ตัวอย่างเช่น การวางแผนมื้ออาหารเย็น โดยระบบ AI จะรวบรวมข้อมูลคะแนนร้านอาหาร สภาพการจราจรแบบเรียลไทม์ และความชอบส่วนบุคคลมาประมวลผลเพื่อให้คำแนะนำ ในขณะเดียวกัน Tesla และ BMW ได้ยื่นฟ้องสหภาพยุโรปเนื่องจากความไม่พอใจเกี่ยวกับการเพิ่มภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าจากจีน
ฌอน กรีน (Sean Green) ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ BMW Group ประจำภูมิภาคจีน กล่าวว่า "ความร่วมมือระยะยาวของเรากับอาลีบาบากรุ๊ปเป็นตัวอย่างของการเติบโตร่วมกันที่เกิดจากการสร้างสรรค์ร่วมกัน BMWจะทำงานร่วมกับพันธมิตรด้านเทคโนโลยีของจีนอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้นในด้านยานยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยีอัจฉริยะ เพื่อสร้างความสำเร็จร่วมกันอีกครั้ง"
เอ็ดดี้ หวู่ (Eddie Wu) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของอาลีบาบากรุ๊ป กล่าวเสริมว่า "ความร่วมมือของเรากับBMWกรุ๊ปถือเป็นก้าวกระโดดสำคัญในการนำโมเดลภาษาขนาดใหญ่ที่ขับเคลื่อนด้วย AI มาใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตขั้นสูง และการบูรณาการเทคโนโลยี Qwen เข้ากับระบบในรถยนต์ของBMWแสดงให้เห็นว่า AI สามารถปฏิวัติวงการยานยนต์ได้อย่างไร" เขากล่าวต่อว่า "AI คือแรงขับเคลื่อนสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตในทุกอุตสาหกรรม เรามุ่งมั่นที่จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับบีเอ็มดับเบิลยูเพื่อบุกเบิกการประยุกต์ใช้ AI ในภาคการเดินทางที่ขับเคลื่อนนวัตกรรมและยกระดับประสบการณ์ของผู้ใช้อย่างแท้จริง"
BMW ให้ความสำคัญอย่างมากกับยานยนต์ไฟฟ้าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยตั้งเป้าสร้างส่วนแบ่งที่สำคัญในตลาดยานยนต์ไฟฟ้าภายในปีนี้ นอกจากนี้ บริษัทยังวางแผนผลิตรถยนต์รุ่นสำคัญในรูปแบบไฟฟ้าทั้งหมด รวมถึงยานยนต์ในเครือ Rolls-Royce และ MINI Cooper ที่จะปรับเปลี่ยนเป็นรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดภายในต้นทศวรรษ 2030
การเปิดตัวรถยนต์รุ่น Neue Klasse คาดว่าจะช่วยให้กลุ่มบริษัทบรรลุเป้าหมายในการเพิ่มสัดส่วนการส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าให้ถึง 50% ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป
โอลิเวอร์ ซิปเซ่ (Oliver Zipse) ประธานคณะกรรมการบริหารของBMWเอจี กล่าวในการประชุมประจำปี 2025 ที่เมืองมิวนิกว่า "รถยนต์ไฟฟ้าคิดเป็นกว่า 17% ของยอดขายทั้งหมดในปีที่ผ่านมา และเมื่อรวมรถยนต์ไฮบริดแบบปลั๊กอิน รถยนต์เกือบหนึ่งในสี่คันที่เราขายเป็นรถยนต์ไฟฟ้า"
เขากล่าวต่อว่า "เราตั้งเป้าการเติบโตต่อไปในตลาดยานยนต์ไฟฟ้าในปี 2025 เราจะบรรลุเป้าหมายสำคัญสองประการในปีนี้ คือเราจะมียอดขายรถยนต์ไฟฟ้ารวมมากกว่า 3 ล้านคัน และรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) มากกว่า 1.5 ล้านคันนับตั้งแต่เปิดตัว BMW i3 และ BMW i8 ลูกค้าของเราสามารถเลือกรถยนต์ไฟฟ้าได้มากกว่า 15 รุ่นจากทุกแบรนด์ของเรา" อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในยุโรปโดยรวมยังเผชิญความท้าทาย โดยบริษัทรถยนต์หลายแห่ง เช่น โฟล์คสวาเกนและวอลโว่ ได้ปรับลดเป้าหมายของรถยนต์ไฟฟ้าลง สาเหตุหลักมาจากความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ รวมถึงการหันมาให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีไฮบริดมากขึ้น
นอกจากนี้ การแข่งขันที่รุนแรงขึ้นจากผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจีนอย่าง BYD, SAIC และ Geely ประกอบกับการลดลงของเงินอุดหนุนจากรัฐบาลสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ไฮบริดแบบปลั๊กอินในหลายประเทศยุโรป ไม่ว่าจะเป็นเยอรมนี สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และประเทศอื่นๆ ล้วนส่งผลให้อนาคตของอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้ามีความไม่แน่นอนมากขึ้น
ความร่วมมือระหว่างอาลีบาบาและBMWจึงถือเป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะช่วยให้บีเอ็มดับเบิลยูสามารถแข่งขันในตลาดจีนได้ดียิ่งขึ้น ขณะที่อาลีบาบาก็ได้โอกาสในการขยายธุรกิจด้านเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เข้าสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ที่กำลังเติบโต
---
IMCT NEWS