ทรัมป์'สั่นคลอนความสัมพันธ์แอตแลนติกใกล้ชิดรัสเซีย

Thailand
ทรัมป์'สั่นคลอนความสัมพันธ์แอตแลนติก ห่างไกลพันธมิตรยุโรป-ใกล้ชิดรัสเซีย
17-2-2025
การปราศรัยของรองประธานาธิบดีแวนซ์ในการประชุมความมั่นคงมิวนิกได้ส่งสัญญาณชัดเจนถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในนโยบายต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา ที่กำลังถอยห่างจากพันธมิตรยุโรปและแนวคิดแอตแลนติกนิยมแบบดั้งเดิม
การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนผ่านนโยบายสำคัญ 4 ประการ
เริ่มจากการใช้มาตรการกดดันทางเศรษฐกิจต่อสหภาพยุโรป ทรัมป์ได้ประกาศเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียม 25% ที่จะมีผลในเดือนมีนาคม ต่อเนื่องจากมาตรการก่อนหน้าในปี 2018 ที่เก็บภาษีเหล็ก 25% และอลูมิเนียม 10% จากยุโรปและแคนาดา และในปี 2019 ที่เพิ่มภาษี 25% สำหรับสินค้าเฉพาะอย่างไวน์ฝรั่งเศส ชีสอิตาลี และสก็อตช์วิสกี้ เพื่อตอบโต้การอุดหนุนแอร์บัสของสหภาพยุโรป
ประการที่สอง ทรัมป์เพิ่มแรงกดดันต่อพันธมิตรนาโตในยุโรป โดยวิพากษ์วิจารณ์องค์กรว่า "ล้าสมัย" และเรียกร้องให้สมาชิกเพิ่มงบประมาณป้องกันประเทศเป็น 5% ของ GDP จากเดิมที่เคยเรียกร้อง 2% ในสมัยแรก ล่าสุดมีรายงานจาก ASNA ว่าทรัมป์กำลังพิจารณาลดกำลังทหารสหรัฐฯ ในยุโรปลง 20% พร้อมผลักดันให้พันธมิตรรับผิดชอบการป้องกันตนเองมากขึ้น
ประการที่สาม ทรัมป์แสดงจุดยืนที่เป็นรูปธรรมต่อวิกฤตยูเครน ผ่านการสนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีปูติน โดยยืนยันว่ายูเครนจะไม่ได้เข้าร่วมนาโตหรือมีบทบาทต่อความมั่นคงยุโรป ซึ่งขัดแย้งโดยตรงกับจุดยืนของสหภาพยุโรปที่ยืนกรานว่าต้องมียูเครนร่วมในการเจรจาสันติภาพ
ประการสุดท้าย ทรัมป์พยายามฟื้นฟูความสัมพันธ์กับรัสเซีย ด้วยการสนับสนุนให้รัสเซียกลับเข้าร่วมกลุ่ม G7 และแสดงความเข้าใจต่อข้อกังวลด้านความมั่นคงของมอสโก โดยเฉพาะประเด็นยูเครนและการขยายตัวของนาโต แนวทางที่เน้นความเป็นจริงนี้แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับแนวคิดแอตแลนติกนิยมที่มุ่งเอาชนะรัสเซียเชิงยุทธศาสตร์ ส่งผลให้นักการเมืองยุโรปหลายคนเกิดความวิตกกังวล
---
IMCT NEWS
© Copyright 2020, All Rights Reserved