.

บิล เกตส์กับ USAID พันธมิตรอันตรายที่ซุกซ่อนความลับร้ายแรง 'วอนทรัมป์ไม่ตัดงบ'
20-2-2025
บิล เกตส์ได้เรียกร้องให้รัฐบาลทรัมป์ทบทวนจุดยืนเกี่ยวกับองค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (USAID) โดยเขาเรียกหน่วยงานนี้ว่าเป็น "สินทรัพย์ที่เหลือเชื่อ" พร้อมเตือนว่าการตัดงบประมาณอาจส่งผลให้ชีวิตผู้คน "นับล้าน" ตกอยู่ในความเสี่ยง คำถามสำคัญคือ อะไรกันแน่ที่มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้งไมโครซอฟท์ที่ผันตัวมาเป็น 'นักการกุศล' รายนี้กำลังกังวลอย่างแท้จริง?
USAID และมูลนิธิบิลและเมลินดา เกตส์ได้ร่วมมือกันมาเกือบ 25 ปีในประเด็นที่เกตส์ให้ความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นโรคติดเชื้อ วัคซีน การวางแผนครอบครัว เกษตรกรรม และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ความร่วมมือสำคัญระหว่างทั้งสององค์กรรวมถึงกองทุนโลกเพื่อต่อสู้กับโรคเอดส์ วัณโรค และมาลาเรีย (The Global Fund to Fight AIDS, Tuberculosis, and Malaria) และพันธมิตรระดับโลกด้านวัคซีนและการสร้างภูมิคุ้มกัน (Global Alliance for Vaccines and Immunization หรือ GAVI)
นอกจากนี้ เกตส์ยังร่วมงานกับ USAID ในโครงการริเริ่มด้านสุขภาพโลก (Global Health Initiative) และพันธมิตรเพื่อความพร้อมรับมือโรคระบาด (Coalition for Epidemic Preparedness Innovations หรือ CEPI)
หากชื่อองค์กรเหล่านี้ฟังดูคุ้นหู ก็มีเหตุผล GAVI กำลังดำเนินโครงการที่มีเป้าหมายใหญ่โตในการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสแปปิโลมา (HPV) ให้กับเด็กสาววัยรุ่นจำนวน 86 ล้านคนในประเทศกำลังพัฒนา วัคซีนที่ใช้รวมถึง Gardasil ซึ่งผลิตโดยบริษัท Merck แต่ปัจจุบันกำลังเผชิญคดีฟ้องร้องในสหรัฐอเมริกาเกี่ยวกับผลข้างเคียง ตั้งแต่อาการอัมพาตเป็นพักๆ ไปจนถึงมะเร็ง
ที่น่าสังเกตคือ เกตส์และ USAID ยังคงให้การสนับสนุน GAVI อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีหลักฐานจากประเทศอินเดียเริ่มตั้งแต่ปี 2552 (ค.ศ. 2009) ที่บ่งชี้ว่าวัคซีน HPV ของ GAVI อาจก่อให้เกิดความเจ็บป่วยรุนแรงหรือแม้กระทั่งการเสียชีวิตได้
USAID ได้มอบเงินสนับสนุนให้ GAVI มากกว่า 2 พันล้านดอลลาร์ในช่วงปี 2544-2560 (ค.ศ. 2001-2017) และอีก 1.16 พันล้านดอลลาร์ระหว่างปี 2563-2566 (ค.ศ. 2020-2023)
เอกสารลับที่รั่วไหลซึ่งถูกเผยแพร่โดย Revolver News ในปี 2565 (ค.ศ. 2022) ได้เปิดโปงโครงการของ USAID ที่ใช้เงินทุนสำหรับการรับมือโรคระบาดไปเพื่อวัตถุประสงค์ด้าน "อนามัยเจริญพันธุ์" (ซึ่งก็คือการควบคุมประชากร) ในแอฟริกา
CEPI ร่วมกับสถาบันสุขภาพแห่งชาติของแอนโธนี เฟาซี และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) มีความเชื่อมโยงกับโครงการด้านสุขภาพที่เป็นที่ถกเถียงหลายโครงการ ตั้งแต่การประชุมเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับไบโอมาร์กเกอร์ของวัคซีนในเดือนกันยายน 2562 (ค.ศ. 2019) ไปจนถึงการเป็นพันธมิตรใน Event 201 การจำลองสถานการณ์การระบาดใหญ่ที่จัดขึ้นในเดือนตุลาคม 2562 (ค.ศ. 2019) เพียงไม่กี่สัปดาห์ก่อนที่โควิด-19 จะระบาด
พันธมิตรด้านความ(ไม่)มั่นคงทางอาหาร เกตส์และ USAID ยังได้โฆษณาความร่วมมือด้านความมั่นคงทางอาหาร เช่น การส่งเสริมเทคโนโลยีทางการเกษตรสำหรับเกษตรกรรายย่อยในประเทศกำลังพัฒนา
ในขณะเดียวกัน มูลนิธิเกตส์ได้ลงทุนอย่างมหาศาลในบริษัทที่ทำวิจัยด้านพืชดัดแปลงพันธุกรรม (GMO) ตั้งแต่บริษัทมอนซานโต้และโครงการ "เมล็ดพันธุ์ฆาตกร" (terminator seed) อันเลื่องชื่อ ไปจนถึงสตาร์ทอัพด้านเนื้อสังเคราะห์
รายงานการวิเคราะห์อย่างละเอียดในปี 2567 (ค.ศ. 2024) โดยองค์กรเฝ้าระวังด้านสาธารณสุขของสหรัฐฯ "US Right to Know" เกี่ยวกับโครงการเกษตรกรรมของเกตส์ในแอฟริกาพบว่า โครงการ AGRA ของเกตส์และ USAID ซึ่งมุ่งเน้นการทำเกษตรเชิงเดี่ยวที่ใช้สารเคมี ได้เพิ่มการพึ่งพาและอิทธิพลของธุรกิจเกษตรขนาดใหญ่ แทนที่จะช่วยลดความหิวโหย
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ความกังวลของเกตส์เกี่ยวกับการล่มสลายของ USAID ดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับการสูญเสียพันธมิตรสำคัญในความพยายามควบคุมการพัฒนา ความมั่นคงทางอาหาร และสุขภาพในประเทศกำลังพัฒนา มากกว่าที่จะเป็นความห่วงใยเรื่อง "การช่วยชีวิตผู้คน" อย่างแท้จริง
---
IMCT NEWS // Photo: x.com/SputnikInt