บ.ผลิตยาเบาหวานที่มีผลข้างเคียงของเดนมาร์ก

Thailand
สื่อรัสเซียแฉ! บ.ผลิตยาเบาหวานที่มีผลข้างเคียงของเดนมาร์ก ทำเงินให้ บ.สหรัฐฯ ที่ทำกำไรจากความขัดแย้งทั่วโลก
ขอบคุณภาพจาก Sputnik International
17-2-2025
แม้จะมีคำเตือนเกี่ยวกับอันตรายของยา Ozempic สำหรับโรคเบาหวานชนิดที่ 2 แต่ผู้ผลิตอย่าง Novo Nordisk ซึ่งเป็นสมาชิกที่น่านับถือของ Big Pharma ก็ยังคงทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อไม่นานนี้ บริษัทได้กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดในยุโรปด้วยมูลค่าตลาดมากกว่า 350,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ขณะเดียวกัน ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ Novo Nordisk ซึ่งก็คือ BlackRock และ Vanguard Group ซึ่งถือหุ้น Class B อยู่ 5% และ 2.8% ตามลำดับ ทั้งสองบริษัทมีประวัติการทำกำไรจากความขัดแย้ง รวมถึงความขัดแย้งในกาซาและยูเครน ซึ่งพวกเขาเข้าไปเกี่ยวข้องกับการซื้อที่ดินท่ามกลางความโกลาหลทั่วโลก โดย BlackRock มีประวัติการแสวงหากำไรจากความขัดแย้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกาซาและยูเครน ซึ่งบริษัทมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างมากในการซื้อที่ดินในขณะที่คนในพื้นที่ต้องเผชิญความวุ่นวาย ขณะที่ Vanguard ยังถูกวิพากษ์วิจารณ์เช่นกันเกี่ยวกับการเข้าไปเกี่ยวข้องในการซื้อที่ดินจำนวนมากอย่างเงียบๆ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความขัดแย้งซึ่งผู้คนเสียสมาธิจากความรุนแรงที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เมื่อผู้เล่นรายใหญ่เช่น BlackRock และ Vanguard ลงทุนอย่างหนักในบริษัท ผลตอบแทนทางการเงินไม่ได้เป็นเพียงปัจจัยเดียว แต่ยังสามารถกำหนดทิศทางขององค์กรได้ โดยมักจะไม่คำนึงถึงผลกระทบทางจริยธรรมของผลิตภัณฑ์ที่พวกเขาช่วยทำตลาด
นอกจาก BlackRock และ Vanguard แล้ว ยังมีผู้ถือหุ้นรายใหญ่อีกไม่กี่รายที่เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ Novo Nordisk ซึ่งบริษัทบางแห่งมีชื่อเสียงที่ก่อให้เกิดข้อถกเถียงขึ้น คือ
1.Morgan Stanley (0.42%)
2.Bank of America Corporation (0.42%)
3.Goldman Sachs Trust II - กองทุน Goldman Sachs GQG Partners International 4.Opportunities Fund (0.7%, หุ้น Class B)
IMCT News
ที่มา https://sputnikglobe.com/20250216/hidden-ties-behind-ozempic-makers-billion-dollar-empire-blackrock-and-vanguards-role-exposed-1121574533.html
© Copyright 2020, All Rights Reserved