สงครามแร่เชิงยุทธศาสตร์ 'คองโก'

สงครามแร่เชิงยุทธศาสตร์ 'คองโก'เสี่ยงดึง 'ทรัมป์ถ่วงดุลอิทธิพลจีน' ในเหมืองโคบอลต์
22-5-2025
คองโกท้าทายจีน แบนส่งออกโคบอลต์ เปิดทางสหรัฐฯ Bloomberg รายงานว่า สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ประเทศที่ผลิตโคบอลต์ถึงสามในสี่ของโลก สร้างความตกใจให้ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ด้วยการประกาศแบนการส่งออกโคบอลต์ทั้งหมดในเดือนกุมภาพันธ์ เป็นเวลา 4 เดือน มาตรการนี้มีจุดประสงค์เพื่อฟื้นฟูราคาที่ตกต่ำและส่งสัญญาณถึงบริษัท CMOC Group Ltd. ยักษ์ใหญ่จากจีนที่ครองตลาดโคบอลต์โลก
ในรอบสองทศวรรษที่ผ่านมา จีนได้ฝังรากลึกในทุกระดับของธุรกิจทรัพยากรในเขตทองแดงของคองโก ตั้งแต่พ่อค้ารายย่อยริมถนนไปจนถึงบรรษัทข้ามชาติ CMOC ได้กลายเป็นผู้ผลิตโคบอลต์รายใหญ่ที่สุดของโลกหลังแซงหน้า Glencore Plc ในปี 2566 ด้วยการลงทุนกว่า 9 พันล้านดอลลาร์นับตั้งแต่ปี 2559
ขณะนี้ประธานาธิบดีเฟลิกซ์ ชิเซเคดี ได้หันไปหาพันธมิตรที่ไม่คาดคิด: ทำเนียบขาวของทรัมป์ คองโกเสนอข้อตกลงแร่ธาตุเพื่อความมั่นคงกับสหรัฐฯ โดยจะเปิดโอกาสให้บริษัทอเมริกันเข้าถึงแร่ธาตุของคองโกเพื่อแลกกับการสนับสนุนยุติความขัดแย้งทางตะวันออกของประเทศ มัสซาด บูลอส ที่ปรึกษาอาวุโสด้านแอฟริกาของทรัมป์ ยืนยันว่าได้ "หารือเกี่ยวกับข้อตกลงแร่ธาตุและวางแนวทางข้างหน้า" กับชิเซเคดีแล้ว
กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุชัดเจนว่า "การควบคุมห่วงโซ่อุปทานแร่ธาตุสำคัญของจีนเป็นภัยคุกคามที่สำคัญต่อศักยภาพด้านอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีของสหรัฐฯ และไม่สามารถดำเนินต่อไปได้" ขณะที่จีนโต้กลับว่าบทบาทของตนในคองโกเป็นไปอย่าง "เปิดเผย โปร่งใส และถูกต้องตามกฎหมาย"
ปัจจุบัน คองโกเป็นแหล่งผลิตโคบอลต์และทองแดงสำคัญของโลก โดยการส่งออกทั้งสองชนิดมีมูลค่าประมาณ 40% ของ GDP ประเทศ ขณะที่มูลค่าการค้ากับจีนสูงถึง 27 พันล้านดอลลาร์ในปี 2567 เทียบกับเพียง 820 ล้านดอลลาร์กับสหรัฐฯ รัฐบาลคองโกจึงต้องเดินบนเส้นลวด ระหว่างความต้องการลดอิทธิพลจีนและการรักษาความสัมพันธ์กับคู่ค้าหลัก
โดยจีนมีความได้เปรียบที่ชัดเจน เนื่องจากได้สร้างระบบนิเวศธุรกิจที่ครบวงจรในคองโก ตั้งแต่การทำเหมืองจนถึงการแปรรูป โดยจีนควบคุมการกลั่นโคบอลต์ทั่วโลกกว่า 80% สหรัฐฯ ภายใต้ไบเดนพยายามต่อต้านการผูกขาดนี้โดยส่งเสริมการกลั่นในประเทศ แต่ความพยายามยังไม่ประสบความสำเร็จ
บริษัท EVelution Energy จากแอริโซนาวางแผนที่จะเป็นหนึ่งในบริษัทสหรัฐฯ รายแรกที่จะเปิดโรงกลั่นโคบอลต์เชิงพาณิชย์ในประเทศ โดยจะเริ่มในปี 2570 ขณะที่ KoBold Metals ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากบิล เกตส์และเจฟฟ์ เบโซส ประกาศจะลงทุนกว่า 1 พันล้านดอลลาร์พัฒนาแหล่งลิเทียมในคองโก
แต่ถึงจะมีแรงสนับสนุนจากทำเนียบขาว คองโกยังคงต้องระมัดระวัง ดังที่ยุน ซัน ผู้อำนวยการโครงการจีนที่ศูนย์สติมสันในวอชิงตันเตือนว่า "การติดต่อกับสหรัฐฯ เสี่ยงทำให้จีนไม่พอใจ" นายเกอโรด นีมา เบียมุงกู ผู้เชี่ยวชาญการลงทุนเหมืองแร่ของจีนในคองโก สรุปสถานการณ์ได้ชัดเจนว่า "การพึ่งพาประเทศเดียวทำให้คุณตกอยู่ในสภาวะเปราะบาง"
โคบอลต์และทองแดงได้รับการยกเว้นจากภาษีของทรัมป์ แต่มูดี้ส์เตือนว่าสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ อาจกระทบความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์ของคองโกหากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง
การห้ามส่งออกโคบอลต์มีกำหนดยกเลิกในปลายเดือนมิถุนายน แต่ชิเซเคดีเตือนว่าอาจขยายเวลาออกไป ในขณะเดียวกัน มีการหารือเกี่ยวกับมาตรการถาวรเพื่อควบคุมราคาที่ดีกว่า รวมถึงโควตาการส่งออก นายอังเดร วาเมโซ รองหัวหน้าสำนักงานเศรษฐกิจของประธานาธิบดีคองโก กล่าวสรุปนโยบายของประเทศว่า "เราพยายามคิดวิธีดำเนินนโยบายที่ถูกต้อง เพื่อให้อุตสาหกรรมเหมืองแร่สามารถพัฒนาและฟื้นทุน แต่ในขณะเดียวกันก็เกิดประโยชน์ต่อประชาชนชาวคองโกด้วย"
---
IMCT NEWS
ที่มา https://www.bloomberg.com/features/2025-congo-china-cobalt/