Apple หนุนอินเดียขึ้นแท่นฐานการผลิตใหม่ของโลก

Apple หนุนอินเดียขึ้นแท่นฐานการผลิตใหม่ของโลก — แต่ต้องจับตา ข้อตกลงสหรัฐฯ-จีนอาจฉุดแผนสะดุดกลางทาง
20-5-2025
อินเดียกำลังเข้าใกล้ความฝันในการเป็น “โรงงานของโลก” หลังจากบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Apple เริ่มเคลื่อนย้ายสายการผลิต iPhone จำนวนมากจากจีนมายังอินเดีย ท่ามกลางสัญญาณความร่วมมือที่แน่นแฟ้นขึ้นระหว่างนิวเดลีและวอชิงตัน
อย่างไรก็ตาม ความหวังนี้อาจต้องชะงัก เมื่อสหรัฐฯ และจีนประกาศ “รีเซ็ต” ความสัมพันธ์ทางการค้าในสัปดาห์ที่ผ่านมา ด้วยการลดภาษีนำเข้าสินค้าจีนจาก 145% เหลือเพียง 30% ในขณะที่ภาษีนำเข้าสินค้าอินเดียยังอยู่ที่ 27% แม้จะยังไม่แน่ชัดว่าใครได้เปรียบในระยะยาว แต่ดีลนี้ทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าเม็ดเงินลงทุนที่เริ่มไหลเข้าสู่อินเดีย อาจชะลอตัวหรือไหลกลับไปยังจีน
นายอาเจย์ ศรีวัสตาวา จากสถาบันวิจัยการค้าโลก (GTRI) ในกรุงเดลี เตือนว่า “แม้สายการผลิตที่ใช้ต้นทุนต่ำของอินเดียอาจยังอยู่รอด แต่โอกาสในการเติบโตเชิงมูลค่าเพิ่มอาจสั่นคลอนอย่างหนัก” ความเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นไม่นานหลังจากอินเดียเพิ่งฉลองความสำเร็จเมื่อ Apple ประกาศย้ายการผลิต iPhone ที่จะส่งออกไปยังสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ มายังอินเดีย ซึ่งสะท้อนศักยภาพของประเทศในฐานะผู้ผลิตระดับโลก
กระนั้น ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ กลับเผยว่า ตนเคยบอกซีอีโอของ Apple อย่างทิม คุก ไม่ให้ไปตั้งโรงงานในอินเดีย เพราะอินเดียเป็นหนึ่งในประเทศที่มีภาษีนำเข้าสูงที่สุดในโลก ก่อนที่ข้อตกลงกับจีนจะเกิดขึ้น นักเศรษฐศาสตร์จาก Capital Economics ชี้ว่า อินเดียมีความพร้อมสูงที่จะเป็นทางเลือกแทนจีนในห่วงโซ่อุปทานของสหรัฐฯ โดย 40% ของสินค้าที่อินเดียส่งออกไปยังสหรัฐฯ มีลักษณะคล้ายกับสินค้าที่จีนเคยส่งออก
ผลสำรวจล่าสุดในกลุ่มผู้ผลิตอินเดียระบุว่า คำสั่งซื้อส่งออกใหม่พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 14 ปี ซึ่งสะท้อนว่าผู้ส่งออกอินเดียเริ่มเข้ามาเติมช่องว่างที่จีนทิ้งไว้ โบรกเกอร์ญี่ปุ่นอย่าง Nomura ระบุว่า อินเดียกำลังได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงห่วงโซ่อุปทาน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมระดับต่ำถึงกลาง เช่น อิเล็กทรอนิกส์ สิ่งทอ และของเล่น พร้อมชี้ว่า แม้จะมีการ “รีเซ็ต” ทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ แต่แนวโน้มการแยกตัวเชิงยุทธศาสตร์ (strategic decoupling) ระหว่างสองประเทศยังคงดำเนินต่อไป และจะเปิดโอกาสให้อินเดียในระยะยาว
รัฐบาลอินเดียเองก็แสดงความตั้งใจเปิดรับนักลงทุนต่างชาติ หลังจากเคยเน้นนโยบายปกป้องตลาดภายในประเทศมาอย่างยาวนาน โดยอยู่ระหว่างเจรจาข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ และเพิ่งลงนามข้อตกลงกับสหราชอาณาจักร ซึ่งลดภาษีในสินค้าอ่อนไหวอย่างวิสกี้และรถยนต์ ถือเป็นสัญญาณของความยืดหยุ่นที่อินเดียพร้อมเสนอในเวทีการค้าโลก อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เตือนว่า ความหวังนี้ควรอยู่ภายใต้การประเมินอย่างรอบคอบ เพราะนอกจากจีนจะกลับมาเป็นตัวเลือกอีกครั้งแล้ว ประเทศอื่นในเอเชีย เช่น เวียดนาม ก็ยังเป็นเป้าหมายของนักลงทุนต่างชาติอย่างต่อเนื่อง
นักเศรษฐศาสตร์จาก Nomura เสริมว่า หากอินเดียต้องการคว้าโอกาสนี้ไว้ให้ได้จริง จำเป็นต้องปฏิรูปสภาพแวดล้อมในการทำธุรกิจให้มากกว่าการอาศัยส่วนต่างภาษี แม้รัฐบาลอินเดียจะมีโครงการจูงใจนักลงทุน เช่น “Production Linked Incentive (PLI)” แต่สัดส่วนภาคการผลิตของประเทศใน GDP ยังคงอยู่ที่ประมาณ 15% มาเป็นเวลากว่าสองทศวรรษ
หน่วยงานวางแผนยุทธศาสตร์ของรัฐบาลอินเดียอย่าง Niti Aayog ยังยอมรับว่า อินเดียประสบความสำเร็จ “อย่างจำกัด” ในการดึงดูดการลงทุนที่เคลื่อนย้ายออกจากจีน โดยประเทศอย่างเวียดนาม ไทย กัมพูชา และมาเลเซีย กลับสามารถดึงดูดนักลงทุนได้มากกว่า ด้วยแรงงานราคาถูก กฎหมายภาษีที่เข้าใจง่าย และความพร้อมในการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี
อินเดียจึงยังต้องเร่งเครื่องต่อ หากต้องการเปลี่ยนโอกาสนี้ให้เป็น “จังหวะทอง” อย่างแท้จริง
IMCT News
ขอบคุณภาพจาก Redmond Pie
ที่มา:
https://www.bbc.com/news/articles/cly34p1jwvgo