.

อิสราเอล'เตรียมโจมตีโรงงานนิวเคลียร์อิหร่าน แม้ไร้การหนุนหลังจากสหรัฐฯ
22-5-2025
The Telegraph อ้างรายงานข่าวกรองล่าสุดของสหรัฐฯ ระบุว่า อิสราเอลกำลังเตรียมความพร้อมสำหรับการโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน แม้จะไม่ได้รับการสนับสนุนจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในความสัมพันธ์ระหว่างอิสราเอลกับวอชิงตัน
แหล่งข่าวด้านข่าวกรองของสหรัฐฯ เปิดเผยกับ CNN ว่า ความเป็นไปได้ที่อิสราเอลจะโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่านเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะหากการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ กับอิหร่านเกี่ยวกับการยุติโครงการนิวเคลียร์ไม่สามารถนำไปสู่การกำจัดยูเรเนียมทั้งหมดของอิหร่านได้ โอกาสที่อิสราเอลจะใช้กำลังทหารก็จะยิ่งสูงขึ้น
เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เผชิญแรงกดดันอย่างต่อเนื่องให้โจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน โดยเฉพาะหลังเหตุการณ์ที่เตหะรานยิงขีปนาวุธใส่อิสราเอลเมื่อเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เชื่อว่าการโจมตีอาจเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ โดยอ้างอิงจากการสกัดกั้นการสื่อสารของอิสราเอลและการสังเกตความเคลื่อนไหวของกองทัพ เช่น การเคลื่อนย้ายอาวุธยุทโธปกรณ์ทางอากาศและการฝึกซ้อมทางอากาศที่เพิ่งเสร็จสิ้น
การโจมตีดังกล่าวอาจเสี่ยงทำให้เกิดความขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลางขยายวงกว้างขึ้น ซึ่งสหรัฐฯ พยายามหลีกเลี่ยงนับตั้งแต่เกิดสงครามในฉนวนกาซา
ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีทรัมป์เคยขู่ว่าจะใช้ปฏิบัติการทางทหารหากอิหร่านไม่ยอมรับข้อตกลงนิวเคลียร์ฉบับใหม่ โดยการเจรจาระหว่างวอชิงตันกับเตหะรานเริ่มขึ้นเมื่อเดือนที่แล้ว และสหรัฐฯ เคยกำหนดเส้นตาย 60 วันในการบรรลุข้อตกลงในช่วงกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แต่ก็ยังไม่ประสบผลสำเร็จ
อิสราเอลยังคงวิตกว่าหลังจากอิหร่านเสริมสมรรถนะยูเรเนียมมาหลายปี อิหร่านอาจผลิตวัสดุระดับอาวุธได้เพียงพอสำหรับสร้างระเบิดนิวเคลียร์ภายในไม่กี่เดือนข้างหน้า เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ บางรายเปิดเผยกับ CNN ว่า สหรัฐฯ อาจตัดสินใจช่วยเหลืออิสราเอลหากมีการโจมตีอิหร่านเกิดขึ้น ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งมองว่าทรัมป์ไม่น่าจะให้การสนับสนุนการโจมตีโดยปราศจากการยั่วยุโดยตรงจากอิหร่าน
เจ้าหน้าที่บางรายเชื่อว่าอิสราเอลไม่มีศักยภาพเพียงพอที่จะทำลายโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านโดยลำพัง หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ เช่น การจัดหาระเบิดเจาะเกราะที่จำเป็นสำหรับถล่มโรงงานนิวเคลียร์ใต้ดิน แหล่งข่าวจากอิสราเอลให้สัมภาษณ์กับ CNN ว่า อิสราเอลพร้อมดำเนินการทางทหารด้วยตนเอง หากสหรัฐฯ เจรจา “ข้อตกลงที่ไม่ดี” กับอิหร่าน เช่น การอนุญาตให้อิหร่านเดินหน้าผลิตยูเรเนียมต่อไป
ระหว่างการเจรจากับเตหะรานเมื่อไม่นานนี้ สตีฟ วิทคอฟฟ์ ทูตพิเศษของสหรัฐฯ ประจำตะวันออกกลาง เสนอให้อิหร่านยุติแผนการเสริมสมรรถนะยูเรเนียม ซึ่งสามารถนำไปใช้ได้ทั้งในด้านการทหารและพลเรือน โดยวิทคอฟฟ์ให้สัมภาษณ์กับ ABC News ว่าสหรัฐฯ “ไม่สามารถยอมรับการเสริมสมรรถนะยูเรเนียมได้แม้แต่ 1 เปอร์เซ็นต์” พร้อมระบุว่าสหรัฐฯ ได้ยื่นข้อเสนอที่คิดว่าจะแก้ไขปัญหานี้ได้โดยไม่เป็นการดูหมิ่นอิหร่าน
อย่างไรก็ตาม อิหร่านยืนยันว่าตนมีสิทธิในการเสริมสมรรถนะยูเรเนียมตามสนธิสัญญาว่าด้วยการไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ของสหประชาชาติ และเรียกความพยายามของสหรัฐฯ ในการหยุดยั้งเรื่องนี้ว่าเป็น “ความผิดพลาดครั้งใหญ่”
---
IMCT NEWS
ที่มา https://www.telegraph.co.uk/world-news/2025/05/21/israel-strike-iran-without-trumps-backing/
----------------------
ตลาดโลกผันผวนหนัก รับข่าวอิสราเอลจ่อถล่มอิหร่าน ราคาน้ำมันพุ่ง-ทองคำทะยานแรง-เงินปอนด์แข็ง
22-5-2025
Yahoo Finance รายงานว่า ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ หลังมีรายงานว่าอิสราเอลเตรียมพร้อมโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน ซึ่งอาจทำให้ข้อตกลงนิวเคลียร์ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ กำลังเจรจากับเตหะรานต้องสะดุด
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ล่วงหน้า (BZ=F) ปรับขึ้น 0.8% แตะ 65.89 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่เวสต์เท็กซัสอินเตอร์มีเดียต (CL=F) ขยับขึ้น 0.9% แตะ 62.55 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
CNN รายงานโดยอ้างเจ้าหน้าที่ข่าวกรองสหรัฐฯ หลายรายว่า ผู้นำอิสราเอลกำลังพิจารณาใช้กำลังโจมตีอิหร่าน ซึ่งจะกระทบต่อปริมาณน้ำมันในตลาดโลกและสร้างความไม่สงบในภูมิภาคเพิ่มขึ้น ตะวันออกกลางเป็นภูมิภาคที่จัดหาน้ำมันดิบประมาณหนึ่งในสามของโลก ขณะที่การเจรจานิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐฯ กับอิหร่านอาจเปิดทางให้มีน้ำมันออกสู่ตลาดมากขึ้น แต่แผนของอิสราเอลกลับสร้างความไม่แน่นอนในประเด็นนี้
นักยุทธศาสตร์จาก ING ระบุว่า “ความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นไม่เพียงแต่จะกระทบต่ออุปทานน้ำมันจากอิหร่านเท่านั้น แต่ยังเสี่ยงต่ออุปทานในภูมิภาคโดยรวมด้วย”
จิโอวานนี สเตาโนโว นักวิเคราะห์จาก UBS กล่าวว่า อิหร่านส่งออกน้ำมันมากกว่า 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน (bpd) ความกังวลต่อการหยุดชะงักของอุปทานจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนราคาน้ำมันให้สูงขึ้น
แนวโน้มราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นยังเพิ่มแรงกดดันต่อเงินเฟ้อในสหราชอาณาจักรด้วย
ราคาทองคำ (GC=F)
ราคาทองคำพุ่งขึ้นในวันพุธ ใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ จากแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยท่ามกลางความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์
สัญญาทองคำล่วงหน้า (GC=F) เพิ่มขึ้น 0.9% แตะ 3,314.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำตลาดจุด (spot) พุ่งขึ้น 2.3% แตะ 3,313.59 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ความวิตกต่อความตึงเครียดจากความเป็นไปได้ที่อิสราเอลจะโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน ซึ่งอาจนำไปสู่การตอบโต้จากเตหะราน ส่งผลให้นักลงทุนหันมาถือครองทองคำมากขึ้น ขณะเดียวกัน คำพูดของทรัมป์เกี่ยวกับการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ระบุว่าเขาจะไม่ทำหน้าที่เป็นคนกลาง ก็ยิ่งสร้างความกังวลให้ตลาด
ดอลลาร์สหรัฐยังคงอ่อนค่าหลังธนาคารกลางสหรัฐฯ ประเมินเศรษฐกิจอย่างระมัดระวัง ขณะที่ Moody’s ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯ อ้างหนี้สาธารณะที่พุ่งสูง
ขณะเดียวกัน ในการประชุมลับที่แคปิตอลฮิลล์ ทรัมป์ได้แจ้งกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรครีพับลิกันว่า ไม่ควรกดดันให้มีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมในร่างกฎหมายที่จะลดภาษีและเพิ่มเงื่อนไขคุณสมบัติในโครงการประกันสุขภาพ Medicaid
จิโอวานนี สเตาโนโว นักวิเคราะห์ UBS กล่าวเสริมว่า “ทิศทางตลาดเปลี่ยนแปลงอีกครั้งจากความกังวลเรื่องสถานะทางการคลังของสหรัฐฯ โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนจากการที่ Moody’s ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ และตลาดให้ความสนใจที่ระดับ 3,300 ดอลลาร์เมื่อวานนี้”
**เงินปอนด์ (GBPUSD=X, GBPEUR=X)**
เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ โดยเพิ่มขึ้น 0.2% แตะ 1.3411 ดอลลาร์ หลังตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงกว่าคาดการณ์ ทำให้นักลงทุนคาดว่าธนาคารกลางอังกฤษจะต้องยกเลิกแนวทางการใช้นโยบายการเงินแบบ “ค่อยเป็นค่อยไปและระมัดระวัง” ในการประชุมเดือนมิถุนายน และจะกดดันให้ผู้เล่นในตลาดลดการเดิมพันต่อการผ่อนคลายนโยบาย
อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของสหราชอาณาจักรปรับตัวขึ้น 3.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน สูงกว่าที่คาดไว้ที่ 3.3% และสูงกว่าระดับ 2.6% ในเดือนมีนาคม ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2023
---
IMCT NEWS
ที่มา https://uk.finance.yahoo.com/news/oil-prices-gold-pound-dollar-trade-deal-tariffs-115131755.html