.

ภาษีทรัมป์จะไม่ทำให้บริษัทย้ายฐานกลับมาผลิตในสหรัฐ
15-4-2025
หากจีนสูญเสียภาคการผลิตบางส่วนเนื่องจากภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีทรัมป์ ภาคการผลิตของสหรัฐฯ ก็อาจไม่ได้เป็นผู้ได้รับประโยชน์หลัก ตามการสำรวจห่วงโซ่อุปทานของ CNBC ครั้งใหม่ แม้รัฐบาลทรัมป์จะกล่าวว่ากระแสการย้ายฐานการผลิตกลับประเทศกำลังมา แต่บริษัทส่วนใหญ่บอกกับ CNBC ว่าต้นทุนอาจเพิ่มขึ้นถึงสองเท่าในการนำห่วงโซ่อุปทานกลับคืนสหรัฐ และแทนที่จะย้ายกลับสหรัฐฯ บริษัทเหล่านี้กำลังมองหาประเทศที่มีภาษีต่ำกว่าแทน
เกือบสามในสี่ของผู้ตอบแบบสำรวจ (74%) ระบุว่าต้นทุนเป็นเหตุผลหลักที่ไม่ต้องการย้ายฐานการผลิตกลับมาสหรัฐ ตามมาด้วยความท้าทายในการหาคนงานฝีมือดี (21%) แม้รัฐบาลทรัมป์จะสัญญาว่าจะให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีกับบริษัทที่ย้ายการผลิตกลับประเทศ แต่การสำรวจพบว่าภาษีเป็นปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจเลือกสถานที่ผลิตน้อยกว่าปัจจัยอื่น
แม้จะมีการประกาศลงทุนขนาดใหญ่จากภาคเทคโนโลยี เช่น แผนสร้างโรงงานซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของ Nvidia ในสหรัฐฯ และการลงทุน 500 พันล้านดอลลาร์ของ Apple ในประเทศ บริษัทส่วนใหญ่ยังคงมองว่าต้นทุนเป็นอุปสรรคใหญ่ ภาคเทคโนโลยีได้รับการยกเว้นจากภาษีชุดใหม่เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมาสำหรับสินค้าจากจีนและประเทศผู้ผลิตอื่น ๆ แต่รัฐบาลทรัมป์ยังคงเดินหน้าสืบสวนด้านความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งอาจนำไปสู่การเก็บภาษีกับเทคโนโลยีสำคัญในอนาคต
ผู้ตอบแบบสำรวจส่วนใหญ่คาดว่าการสร้างห่วงโซ่อุปทานภายในประเทศใหม่จะมีต้นทุนอย่างน้อยเป็นสองเท่าของต้นทุนปัจจุบัน (18%) และอาจมากกว่าสองเท่า (47%) แทนที่จะย้ายกลับไปยังสหรัฐฯ ราว 61% กล่าวว่า การย้ายไปยังประเทศที่มีภาษีต่ำกว่าจะคุ้มค่ากว่า
นอกจากภาษีแล้ว ความต้องการของผู้บริโภค ราคาวัตถุดิบ และ "ความล้มเหลวของรัฐบาลปัจจุบันในการมีนโยบายที่แน่นอน" ก็ถูกระบุว่าเป็นข้อกังวลหลักด้านห่วงโซ่อุปทานเช่นกัน
ผู้ตอบแบบสำรวจส่วนใหญ่ (61%) รู้สึกว่ารัฐบาลทรัมป์ "กำลังกดดันภาคธุรกิจของอเมริกา" แบบสำรวจนี้ได้สอบถามจากผู้บริหาร 380 รายจากบริษัทในอุตสาหกรรมห่วงโซ่อุปทานและองค์กรธุรกิจต่าง ๆ ระหว่างวันที่ 14–18 เมษายน ผู้ตอบรวมถึงสมาชิกจากหอการค้าสหรัฐฯ สมาคมผู้ผลิตแห่งชาติ สหพันธ์การค้าปลีกแห่งชาติ สมาคมเสื้อผ้าและรองเท้าอเมริกัน สมาคมจัดจำหน่ายรองเท้า สภาผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการห่วงโซ่อุปทาน OL USA, SEKO Logistics และ ITS Logistics
ในบรรดาผู้ที่สนใจจะตั้งห่วงโซ่อุปทานในสหรัฐฯ อีกครั้ง พวกเขาคาดว่ากระบวนการนี้จะใช้เวลาหลายปี โดย 74% คาดว่าจะใช้เวลาอย่างน้อย 3–5 ปีหรือมากกว่านั้น โดย 41% ระบุว่าจะใช้เวลา 3–5 ปี และ 33% กล่าวว่านานกว่านั้น
ระบบอัตโนมัติจะมาแทนที่แรงงานคน หากภาคการผลิตจะกลับมาสู่สหรัฐฯ ระบบอัตโนมัติจะเป็นองค์ประกอบหลักของรูปแบบเศรษฐกิจ โดย 81% ของผู้ตอบกล่าวว่าจะใช้เครื่องจักรมากกว่าแรงงานคน "ตลาดแรงงานในสหรัฐฯ ยังเป็นข้อกังวลเมื่อพิจารณาการย้ายกลับ" มาร์ค แบคซา ซีอีโอของสมาคมการค้าห่วงโซ่อุปทาน CSCMP กล่าว
ในสภาพแวดล้อมปัจจุบัน การเลิกจ้างเป็นประเด็นเร่งด่วน โดยผู้ตอบแบบสำรวจแบ่งออกเป็นสองกลุ่มใกล้เคียงกัน คือ 47% มีแผนลดจำนวนพนักงาน และ 53% ไม่มีแผนในตอนนี้ ผู้ตอบส่วนใหญ่คาดว่าจะมีการปลดพนักงานในอีก 9 เดือนข้างหน้า โดย 38% คาดว่าจะเกิดภายใน 2–3 เดือน
การสำรวจจากธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์ พบว่าความกังวลเรื่องการเลิกจ้างเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นมากที่สุดต่อภาษีของทรัมป์ในตอนนี้คือการยกเลิกคำสั่งซื้อ (89%) เนื่องจากคาดว่าผู้บริโภคจะลดการใช้จ่าย ซึ่ง 75% ของผู้ตอบกล่าวว่ากำลังคาดการณ์เช่นนั้น สำหรับสินค้าที่เข้ามาภายใต้อัตราภาษีใหม่ 61% ของผู้ตอบแบบสำรวจระบุว่าจะขึ้นราคาสินค้า
ที่มา ซีเอ็นบีซี