กำไรเหนาะๆจากการทุบหุ้น

กำไรเหนาะๆจากการทุบหุ้น
10-4-2025
ดูท่าแล้วโดนัลด์ ทรัมป์เป็นนักปั่นหุ้นตัวยงเลยทีเดียว ยิ่งเอาสก็อตต์ เบสเซนต์ ผู้จัดการเฮดจ์ฟันด์ และอดีตลูกน้องของจอร์จ โซรอสมาเป็นรัฐมนตรีคลังแล้ว ยิ่งจะทำให้พวกพ้อง หรือคนวงในโกยกำไรจากตลาดหุ้น
เห็นได้ชัดเจนจากท่าทีที่แข็งกร้าวของทรัมป์ที่ประกาศLiberation Day ในวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา โดยตั้งกำแพงภาษีขั้นต่ำ10% สำหรับประเทศคู่ค้าส่วนมากทั้่วโลก และ11%-50%สำหรับประเทศที่ได้เปรียบดุลการค้ากับสหรัฐในระดับที่สูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจีนโดนไป54% ทำให้ ตลาดหุ้นร่วงลงอย่างรุนแรง
นักลงทุนต่างรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนกับสงครามภาษีของทรัมป์ที่มีผลบังคับใช้ในวันที่ 9เมษายน ซึ่งจะผลกระทบอย่างรุนแรงต่อผลประกอบการของบริษัทที่พึ่งพาตลาดจีนและตลาดโลก จึงมีการเทขายหุ้นแบบแพนิกทำให้มูลค่ารวมตลาดหุ้นหายแว๊ปไปกว่า$9ล้านล้านไม่กี่วันทำการซื้อขายหุ้น เดิมทีนักลงทุนคิดว่าทรัมป์จะประกาศภาษีอย่างมากก็10%-15% ไม่ใช่เล่นอัตราที่บ้าเลือดอย่างนี้ ไทยโดนไป36% ยิ่งจีนตอบโต้ภาษีทรัมป์ด้วยการขึ้นกำแพงภาษีกับสหรัฐเป็น34% สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงไปใหญ่ มีแรงกดดันให้ทรัมป์ชะลอการขึ้นภาษีออกไป90วัน แต่สก็อตต์ เบสเซนต์ และทีมงานทรัมป์ยืนกรานว่าอัตราภาษีจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงจนกว่าจะมีการเจรจากับประเทศคู่ค้า เพราะว่าสหรัฐขาดดุลการค้ามหาศาล และถูกประเทศคู่ค้าเอารัดเอาเปรียบมานานแล้ว
ในขณะที่หุ้นร่วง นักการเงิน นักลงทุน ผู้บริหารบริษัทต่างๆต่างก็ออกมาโจมตีทรัมป์ว่าก่อสงครามภาษีเกินเหตุ เป็นความผิดพลาดอย่างรุนแรง ทำให้ตลาดหุ้นและเศรษฐกิจพัง นอกจากตลาดหุ้นสหรัฐแล้ว ตลาดหุ้นทั่วโลกก็ดิ่งเหวเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น จีน ฮ่องกง เกาหลีใต้ ยุโรป
บิล แอคแมน นักการเงินชื่อดังออกมาเตือนทรัมป์ว่าให้ยูเทิร์นเรื่องกำแพงภาษี เพราะว่าสหรัฐกำลังจะเผชิญกับeconomic nuclear winter หรือหน้าขาวที่เย็นยะเยือกถึงหัวใจจากผลของอาวุธนิวเคลียร์ทางเศรษฐกิจ ส่วนจามี ไดมอน ซีอีโอ ของเจพี มอร์แกน เซสออกมาเตือนว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีความเสี่ยงที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอยที่น่าเป็นห่วง
ในระหว่างนี้ ทรัมป์เกทับกำแพงภาษีของจีน โดยตั้งอัตราใหม่ที่104% เพราะว่าสี จิ้นผิงบังอาจตอบโต้สหรัฐด้วยภาษี34% จีนไม่รอช้าขึ้นภาษีสหรัฐอีกรอบเป็น84% ทำให้โลกแทบระเบิด เมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว ตลาดหุ้นและเศรษฐกิจโลกต้องพังพินาศแน่ แม้ว่าทรัมป์จะสวนกลับด้วยขึ้นภาษีจีนอีก125% แต่รีบออกข่าวในขณะเดียวกันเมื่อวานนี้ว่า จะลดกำแพงภาษีลงให้ทุกประเทศเป็น10% และจะให้เวลา90วันสำหรับการเจรจาประนีประนอม ทรัมป์คุยโม้ว่ามีตัวแทนกว่า75ประเทศเรียงคิวเพื่อขอเจรจากับสหรัฐ พร้อมสำทับว่าอย่าตอบโต้สหรัฐนะ แล้วจะได้รางวัลตอบแทน
ทรัมป์ตบหัวแล้วลูบหลังอย่างนี้ มีผลก็คือตลาดหุ้นเด้งกลับอย่างแรงจากข่าวดี ที่มีลู่ทางการประนีประนอมสงครามการค้า แม้ว่าจีนยังคงเป็นปัญหาใหญ่ แต่ตลาดหิวโหยข่าวดีเพื่อมากลบฝันร้ายที่ดำเนินมาตั้งแต่วันที่ 2เมษายน
เบสเซนต์ออกมาเปิดเผยว่า เขาเข้าใจดีว่าการที่ทรัมป์กลับคำสั่งไปมาแบบนี้เป็นสไตล์การบริหารของเขา
นี้คือเกมภาษีที่ทรัมป์เป็นผู้กำหนดเกมเอง ย่อมรู้ผลกระทบที่ตามมาเป็นอย่างดีว่าจะทำให้หุ้นตกอย่างแรง ยกเว้นว่าทรัมป์อาจไม่คาดว่าจีนจะกล้าตอบโต้อย่างรุนแรงแบบนี้ทำให้ทรัมป์ถึงกับสอึกเหมือนกัน โดยเฉพาอย่างยิ่งเบสเซนต์ที่ยืนให้สัมภาษณ์กับสื่อหน้าทำเนียบข่าว โดยน้ำเสียงที่พูดออกมาออกอาการไม่มั่นใจจากผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ตามมาของท่าทีตาต่อตาฟันต่อฟันจากจีน
เมื่อทรัมป์เปลี่ยนเกมกลางคันให้มีการเจรจา90ตลาดหุ้นดีดขึ้น แน่นอนเลยทีเดียวว่าคนวงในทรัมป์ต้องได้ประโยชน์จากการซื้อหุ้นตอนราคาร่วงท่ามกลางแพนิกเซลล์ แล้วขายเอากำไรเมื่อวานเมื่อตลาดหุ้นดีดกลับ
ในขณะเดียวกันตลาดพันธบัตรรัฐบาลมีความผนผวนสูงมาก ยิลด์พุ่งกระฉูดจากการที่ผู้เล่นรายใหญ่เทขายบอนด์ เบสเซนต์ออกมาอธิบายว่าไม่ต้องห่วง เพราะว่ามีผู้เล่นบางรายที่ลิเวอเรจมากเกินไป ทำให้ถูกบังคับขาย แต่มีข่าวลือว่าจีนเป็นผู้เล่นรายใหญ่ที่ดั้มทิ้งบอนด์รัฐบาลสหรัฐ จีนเป็นเจ้าหนี้สหรัฐอันดับสองรองจากญี่ปุ่น โดยถือครองบอนด์สหรัฐต่ำกว่า$800,000ล้านในเวลานี้ และมีโอกาสสูงที่จีนจะเททิ้งบอนด์สหรัฐต่อไป ซึ่งจะทำให้ตลาดพันธบัตรมีปัญหาในขณะที่ความเชื่อมั่นในหนี้รัฐบาลสหรัฐกำลังเสื่อมลงเรื่อยๆ เพราะว่าทรัมป์ยังไม่มีแผนลดการใช้จ่ายภาครัฐลง แถมเพิ่มงบประมาณทางทหารเป็น$1ล้านล้านเพื่อเตรียมทำสงครามกับจีน
ถ้าหากตลาดพันธบัตรมีปัญหา ขาดดีมานด์จากการที่กระทรวงคลังต้องออกบอนด์ชุดใหม่ไปไถ่ถอนบอนด์เก่าที่ครบอายุในจำนวนมหาศาล จะทำให้เกิดการขาดแคลนสภาพคล่องอย่างแรง ดอกเบี้ยจะพุ่งขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ทรัมป์ไม่ต้องการเห็น เพราะว่าจะทำให้ต้นทุนของเศรฐกิจ และการชำระหนี้สูงขึ้นเป็นเงาตามตัว เริ่มมีรายงานออกมาแล้วว่า ถ้าหากสภาพคล่องตลาดบอนด์มีปัญหา ธนาคารกลางสหรัฐจะกลับมาทำคิวอี หรือพิมพ์ดอลล่าร์เพื่อซื้อพันธบัตรรัฐบาล ถ้าเป็นเช่นนั้นความเชื่อมั่นในดอลล่าร์ หรือพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐยิ่งจะลดลง
แต่ไม่ต้องห่วง ทรัมป์ยังมีหลายก๊อกที่จะเล่นกับตลาดหุ้น เพราะว่าทรัมป์เป็นตัวแทนของคนรวยWall Street ไม่ใช่ตัวแทนของคนจนMain Street รัฐมนตรีคลังของทรัมป์สมัยแรกเป็นคนของโกลแมน แซคส์ คือนายสตีฟ มนูชิน ส่วนรัฐมนตรีคลังคนปัจจุบัน สก็อตต์ เบสเซนต์เป็นผู้จัดการเฮ็ดจ์ฟัน และเป็นลูกน้องเก่าของจอร์จ โซรอส ซึ่งให้ความสนใจในการปกป้องผลประโยชน์ของตลาดหุ้น หรือวอลล์สตรีทมากกว่าปัจจับพื้นฐานทางเศรษฐกิจ
ทรัมป์ประกาศแล้วว่าจะลดภาษีนิติบุคคลลงดจาก21% 15% เมื่อประกาศไปแล้ว หรือก่อนประกาศจะเป็นแรงผลักดันให้ตลาดหุ้นขึ้นรอบใหม่ จะมีโอกาสทำกำไรจากหุ้นมาก เหมือนกับทรัมป์สมัยแรกที่ลดภาษีนิติบุคคลจาก35% เป็น21% ทั้งๆที่รัฐบาลกลางขาดดุลงบประมาณมหาศาล แต่มีผลทำให้ตลาดหุ้นเติบโตทำสถิติใหม่
ตอนนี้ทรัมป์รายล้อมตัวเองด้วยพวกที่มาจากบิ๊กเทค เช่นอีลอน มัสก์ กับปีเตอร์ ทีล อันเป็นที่มาของนโยบายทรัมป์ที่จะดันคริปโตให้เข้ามามีบทบาทในระบบการเงินของสหรัฐ ทรัมป์ออกมีมคอยน์รวยอู้ฟู้ ซึ่งน่าที่จะเป็นเรื่องความขัดแย้งของผลประโยชน์ แต่ทุกคนพอจะดูออกว่า ทรัมป์ไม่ได้มาเพื่อMake America Great Againอย่างเดียว แต่มาเพื่อMake Me Even Richer
อดัม ชิฟฟ์ วุฒิสมาชิกของ #สหรัฐฯ จากพรรคเดโมแครต สงสัย 'เรื่องอินไซด์ในตลาดหุ้น' จาก 'การพลิกกลับเรื่องภาษีศุลกากร' ของ #ทรัมป์
'เรียกร้อง' ทำเนียบขาวชี้แจงใครรู้ล่วงหน้าและใคร 'รับเงิน'
'รัฐสภาควรดำเนินการสอบสวน'
By Thanong Khanthong
10/4/2025