ทรัมป์ก่อสงครามภาษีกับ180ประเทศ ไทยโดน36%

3-4-2025

    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้กำหนดอัตราภาษีตอบโต้ของสหรัฐกับมากกว่า 180 ประเทศและดินแดนที่ต้องเผชิญภายใต้นโยบายสงครามการค้าครั้งใหญ่ของเขา

   จีนโดนภาษีชุดใหม่ 34%บวกกับชุดเก่า 20% ทำให้อัตรากำแพงภาษีอยู่ที่54%

   ส่วนไทยโดนภาษีทรัมป์36%, เวียดนาม 46%, ลาว 48%, มาเลย์เซีย 24%, อินเดีย 26%, ฟิลิปปินส์17%, เมียนมาร์44% กัมพูชา49% อินโดเนเซีย32% สิงคโปร์ 10%

   สหภาพยุโรปโดน20% ญีปุ่น 24% ส่วนแคนาดา และเม็กซิโกโดนไปแล้ว25%ก่อนหน้านี้

   ในแผนภูมิที่โพสต์บนโซเชียลมีเดีย ทำเนียบขาวแสดงอัตราภาษีที่มีผลที่พวกเขาอ้างว่าประเทศอื่นๆ กำหนดต่อสินค้าอเมริกัน รวมถึงผ่าน "การปั่นสกุลเงินและอุปสรรคทางการค้า" ทรัมป์ยกแผนภูมิขึ้นเมื่อเขาเปิดเผยนโยบายภาษีของเขาในสวนกุหลาบของทำเนียบขาว  นอกเหนือจากภาษีที่ครอบคลุมตามประเทศที่ประกาศในวันนี้ ทรัมป์ยังกำหนดภาษีพื้นฐาน 10% ซึ่งรับประกันได้อย่างมีประสิทธิภาพว่าประเทศใดๆ ที่ไม่อยู่ในกลุ่มกว่า 180 ประเทศที่ถูกระบุจะต้องเผชิญภาษี 

     "สินค้าทั้งหมดที่นำเข้าเขตศุลกากรของสหรัฐอเมริกาจะต้อง ตามที่กฎหมายกำหนด เผชิญกับอัตราภาษีเพิ่มเติมแบบตามมูลค่า 10%" เว้นแต่จะระบุไว้เป็นอย่างอื่น คำสั่งบริหารที่ลงนามในบ่ายวันนี้ระบุ   ทรัมป์ยังสงวนสิทธิ์ในการเพิ่มอัตราพื้นฐานนี้ "หากความสามารถและผลผลิตด้านการผลิตของสหรัฐยังคงแย่ลงต่อไป" 

      ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในวันพุธได้วางอัตราภาษี "ตอบแทน" ของสหรัฐที่มากกว่า 180 ประเทศและดินแดน รวมถึงสมาชิกสหภาพยุโรป จะต้องเผชิญภายใต้นโยบายการค้าครั้งใหญ่ของเขา ทำเนียบขาวบอกกับ Eamon Javers จาก CNBC ในวันพุธว่าอัตราภาษีตอบแทนใหม่ต่อจีนจะถูกเพิ่มเข้าไปในภาษีที่มีอยู่รวม 20% ซึ่งหมายความว่าอัตราภาษีที่แท้จริงต่อปักกิ่งในสมัยทรัมป์นี้คือ 54%   ทรัมป์กล่าวว่าแผนของเขาจะกำหนดอัตราภาษีพื้นฐาน 10% ทั่วกระดาน แต่จากแผนภูมิของเขาทำให้ชัดเจนว่าหลายประเทศจะต้องเผชิญกับอัตราที่สูงกว่านั้นอย่างมาก   "เราจะเรียกเก็บจากพวกเขาประมาณครึ่งหนึ่งของสิ่งที่พวกเขาเรียกเก็บและเคยเรียกเก็บจากเรา" ทรัมป์กล่าวในการประกาศที่สวนกุหลาบในทำเนียบขาว   "ดังนั้น ภาษีจะไม่ใช่การตอบแทนเต็มรูปแบบ" เขากล่าว 

     แต่ตัวเลขที่ลดลงครึ่งหนึ่งนั้นรวมถึง "อัตราภาษีทั้งหมด อุปสรรคที่ไม่ใช่ตัวเงิน และรูปแบบการโกงอื่นๆ" เขากล่าว   ร้านค้าปลีกและแบรนด์ต่างๆ ได้หันไปใช้เวียดนามในการผลิตสินค้าตั้งแต่รองเท้าผ้าใบไปจนถึงโซฟา ขณะที่ย้ายการผลิตบางส่วนหรือทั้งหมดออกจากจีน  เป็นเวลาหลายปีที่เพื่อนบ้านทางใต้ของจีนกลายเป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับบริษัทที่พยายามหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐและปักกิ่ง ตอนนี้ เมื่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขยายเป้าหมายภาษีของเขา พวกเขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้อีกต่อไป 

    ทรัมป์กล่าวว่าเขาจะกำหนดอัตราภาษี 46% สำหรับสินค้านำเข้าจากเวียดนาม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคลื่นภาษีโลกใหม่ที่ประกาศเมื่อวันพุธ ซึ่งอาจทำให้ต้นทุนของบริษัทใหญ่ในวงการเครื่องแต่งกาย เฟอร์นิเจอร์ และของเล่นเพิ่มขึ้นในไม่ช้า และบางบริษัทอาจส่งต่อการเพิ่มขึ้นนั้นไปยังผู้บริโภคในรูปแบบของการขึ้นราคา ภาษีสำหรับเวียดนามจะมีผลในวันที่ 9 เมษายน 

     จีนส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐมากกว่าประเทศใดๆ เป็นเวลากว่า 2 ทศวรรษ แต่เม็กซิโกแซงหน้าจีนในฐานะแหล่งที่มาอันดับหนึ่งในปี 2566 (2023) ขณะนี้จีนเป็นผู้จัดหาสินค้าอันดับสองของสหรัฐ คิดเป็นมูลค่าสินค้า 438.9 พันล้านดอลลาร์ในปี 2567 (2024) ตามข้อมูลของรัฐบาลจากสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ  สำหรับบริษัทที่มองหาการกระจายประเทศที่พวกเขาพึ่งพาสำหรับการผลิตและลดความเสี่ยงจากความขัดแย้งทางการค้ากับจีน เวียดนามก็กลายเป็นสถานที่ยอดนิยมเช่นกัน การนำเข้าจากเวียดนามเพิ่มขึ้นเป็น 136.6 พันล้านดอลลาร์ในปี 2567 (2024) เพิ่มขึ้นประมาณ 19% จากปี 2566 (2023) ตามข้อมูลจากสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ 

ที่มา CNBC