50 ปีสัมพันธ์จีน-ยุโรป จุดเปลี่ยนผู้นำเทคโนโลยี

50 ปีสัมพันธ์จีน-ยุโรป จุดเปลี่ยนผู้นำเทคโนโลยี โลกจับตายุโรปตั้งรับจีนในเวทีนวัตกรรม
29-9-2025
SCMP รายงานว่า ในวาระครบรอบ 50 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีน (China) กับสหภาพยุโรป (European Union – EU) และ 25 ปีการก่อตั้งหอการค้าอียูในจีน รายงานล่าสุดจากบรรดานักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญได้สะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในเวทีเทคโนโลยีโลก: จีนสามารถไล่ทันและหลายด้านแซงหน้าคู่แข่งยุโรปจนทำให้ EU ตกอยู่ในสถานะ “ป้องกัน” มากกว่ารุก.
อดีต จีนเคยถูกวิเคราะห์ว่าล้าหลังยุโรปถึง 20 ปีหลังคณะผู้แทนสำรวจยุโรปในปี 1978 ขณะที่ประเทศเริ่มปฏิรูปและเปิดประเทศเมื่อต้นยุค 80 นักวิทยาศาสตร์และนโยบายรัฐเลือกแนวทางเติบโตด้วยวิทยาศาสตร์ การค้าระหว่างประเทศ และระบบเศรษฐกิจสมัยใหม่
หลังเข้าสู่ WTO ในปี 2001 จีนเริ่มยกระดับเปิดรับนวัตกรรมและเร่งพัฒนาอุตสาหกรรมเทคโนโลยี Tim Rühlig (ทิม รือลีก) นักวิเคราะห์จาก EU Institute for Security Studies ย้ำว่า “ประเมินจีนน้อยไป... วันนี้ไม่มีใครสงสัยว่าจีนสร้างสรรค์นวัตกรรมได้จริง” ขณะที่จักรวาลเทคโนโลยีและห่วงโซ่อุปทานจีน–ยุโรปกลับพัวพันกันมากขึ้นจนเกิดความซับซ้อนของผลประโยชน์ทั้งสองฝ่าย.
แม้ยุโรปยังถือไพ่สำคัญในหลายด้าน เช่น การผลิตเครื่องกลขั้นสูง วิศวกรรมอวกาศ โรโบติกส์ ซอฟต์แวร์อุตสาหกรรม เครื่องมือวัดขั้นสูง ยา และเทคโนโลยีพื้นฐาน แต่จีนเร่งสปีดในด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI), เศรษฐกิจดิจิทัล, โทรคมนาคม พลังงานหมุนเวียน, โฟโตโวลตาอิก, แบตเตอรี่ลิเธียม, รถไฟฟ้า (EV), โดรน, ควอนตัม, และซูเปอร์คอมพิวเตอร์ จนสร้างปัญหาเชิงตลาดและการแข่งขันส่งออกกับอียูโดยตรง
นักวิชาการเช่น Javier Borràs Arumí จากศูนย์วิจัย CAI เมืองบาร์เซโลนา ระบุว่า "บรรยากาศในอียูตอนนี้คือความหดหู่และความชะงัก" ขณะที่ Alicia Garcia-Herrero แห่ง Natixis ระบุว่า "จุดแข็งจริงของจีนคือขีดความสามารถในอุตสาหกรรมและการสอดแทรกเทคโนโลยีในสินค้า ไม่ใช่แค่สิทธิบัตร" ทุกสิ่งที่ซื้อในอียูล้วนติดส่วนประกอบจากจีน
ฝั่งอียูร้องเรียนการใช้เงินอุดหนุนรัฐของจีนในภาคอุตสาหกรรมใหม่ เช่น EV และแผงโซลาร์เซลล์จนเกิดกำลังผลิตเกินและแข่งขันราคา ธุรกิจยุโรป – โดยเฉพาะเยอรมนี – ยังติดกับดักระบบค้าเสรีดั้งเดิมและระบบกฎระเบียบที่ล่าช้า จนสูญเสียความได้เปรียบในภาคเทคโนโลยีใหม่
Daniel Hamilton (แดเนียล แฮมิลตัน) นักวิชาการ Brookings Institution และ Johns Hopkins ชี้ว่า “ยุโรปช้าไปในการยอมรับว่าจีนกำลังเป็นคู่แข่งหลัก”
Ding Chun (ติง ฉุน) ผอ.ศูนย์ European Studies ม.ฝู่ตัน สรุปว่า “ยุโรปควรเร่งนวัตกรรม มากกว่าตอบโต้จีนด้วยมาตรการป้องกัน” และย้ำว่าทั้งสองฝั่งควรเน้นการแข่งขันและความร่วมมือที่เป็นระเบียบ (orderly competition and cooperation) เพราะการ “decoupling” ยังไกลจากจริง
นักวิจัยแนะนำว่าการศึกษาแผนของ "middle powers" เช่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน ญี่ปุ่น ที่เลือกเชี่ยวชาญเทคโนโลยีเฉพาะจุดแทนการแข่งอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ อาจเป็นทางออกสำหรับอียูในยุคเปลี่ยนแปลงนี้
ปัจจุบันทั้งจีนและยุโรปต้องเผชิญกับภาวะตลาดโลกที่ซับซ้อน “คู่แข่งที่เป็นพันธมิตร” และความจำเป็นต้องเจรจาหาแนวทางความร่วมมือแม้ต่างฝ่ายจะถือยุทธศาสตร์แข่งขันเพื่อความมั่นคง, เทคโนโลยี และเศรษฐกิจอย่างเข้มข้น
---
IMCT NEWS
ที่มา https://www.scmp.com/news/china/diplomacy/article/3327081/50-years-has-china-left-europe-behind-race-hi-tech-future?module=flexi_unit-focus&pgtype=homepage