จีนยังคงคุมเข้มการส่งออกแร่หายาก

จีนยังคงคุมเข้มการส่งออกแร่หายาก ใช้เป็นหมากต่อรองท่ามกลางสงครามการค้ากับสหรัฐฯ
17-5-2025
เซินเจิ้น – แม้จีนและสหรัฐฯ จะตกลงพักรบสงครามการค้าชั่วคราวเป็นเวลา 90 วัน โดยมีการลดภาษีและมาตรการตอบโต้ทางการค้าอื่น ๆ แต่ยังมีไพ่สำคัญที่ปักกิ่งเลือกจะเก็บไว้ใช้งาน นั่นคือ อำนาจควบคุมการส่งออกแร่หายาก (rare earths) และแร่กลยุทธ์อื่น ๆ ที่มีความสำคัญต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของโลก
กระทรวงพาณิชย์จีนประกาศเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม — วันเดียวกับที่เผยรายละเอียดของข้อตกลงสงบศึกการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ — ว่า การเสริมมาตรการควบคุมการส่งออกทรัพยากรแร่กลยุทธ์เป็นสิ่งสำคัญต่อความมั่นคงของชาติ โดยระบุว่าพบการลักลอบส่งออกภายหลังจีนเริ่มบังคับใช้มาตรการควบคุม และได้เปิดปฏิบัติการปราบปรามการลักลอบดังกล่าวแล้ว
ในวันเดียวกัน บัญชีโซเชียลมีเดียที่เกี่ยวข้องกับสถานีโทรทัศน์ CCTV ของรัฐ ได้โพสต์ข้อความว่า “จีนยังคงควบคุมการส่งออกแร่หายากต่อไป”
ก่อนหน้านี้ในเดือนเมษายน จีนได้ประกาศควบคุมการส่งออกแร่หายากบางชนิด ซึ่งถูกมองว่าเป็นการตอบโต้ต่อมาตรการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ ที่ประกาศในเดือนเดียวกัน
การควบคุมนี้ได้รับความสนใจอย่างมาก เนื่องจากจีนมีอำนาจผูกขาดในห่วงโซ่อุปทานของแร่หายากระดับโลก — ครอบครองกำลังการผลิตเหมืองแร่กว่า 70% ของโลก และ ดำเนินกระบวนการแปรรูปกว่า 90% ซึ่งเป็นขั้นตอนที่มีต้นทุนสูงและก่อมลพิษอย่างรุนแรง จนประเทศพัฒนาแล้วจำนวนมากหลีกเลี่ยง ทำให้จีนครองความได้เปรียบในตลาดโลก
นาย Jacob Gunter นักวิเคราะห์อาวุโสจากสถาบันวิจัย Mercator Institute for China Studies ในกรุงเบอร์ลิน ระบุว่า “แร่หายากคือจุดแข็งที่หายากของจีน และสามารถใช้เป็นเครื่องมือต่อรอง โดยไม่สร้างผลกระทบมากต่อตัวเอง”
จีนควบคุมแร่หายากอย่างไร?
แร่หายาก (rare earths) คือกลุ่มธาตุ 17 ชนิดในตารางธาตุ เช่น อิทเทรียม (Yttrium), ดิสโพรเซียม (Dysprosium) และแซมเรียม (Samarium) ซึ่งแม้จะฟังดูไม่คุ้นหู แต่กลับเป็นวัสดุสำคัญในเทคโนโลยีแทบทุกชนิด ตั้งแต่สมาร์ทโฟน โทรทัศน์ เครื่องบิน ไปจนถึงเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์
เมื่อวันที่ 4 เมษายน จีนได้เพิ่มการควบคุมแร่หายาก 7 ชนิด และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง โดยระบุว่าเป็นสินค้าที่อาจมีการใช้ในทางทหาร เช่น แซมเรียมที่ใช้ในระบบนำวิถีของขีปนาวุธ และสแกนเดียมที่ใช้ในรถหุ้มเกราะและเครื่องยนต์เจ็ท
การควบคุมแบ่งเป็น 2 แบบ:
ต้องขอใบอนุญาตการส่งออก ซึ่งต้องระบุข้อมูลผู้ใช้ปลายทางอย่างละเอียด และรัฐบาลจีนจะพิจารณาอนุมัติภายใน 45 วันทำการ
ห้ามส่งออกให้กับบริษัทที่อยู่ในรายชื่อควบคุมของจีน ซึ่งรวมถึงกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการทหารหรือเทคโนโลยีอ่อนไหว
แม้มาตรการดังกล่าวใช้กับทุกประเทศทั่วโลก แต่ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า เป้าหมายหลักคืออุตสาหกรรมกลาโหมของสหรัฐฯ
นาย Thomas Kruemmer ผู้อำนวยการบริษัท Ginger International Trade and Investment ซึ่งเชี่ยวชาญด้านแร่หายาก กล่าวว่า “กลุ่มเป้าหมายหลักของมาตรการนี้คืออุตสาหกรรมกลาโหมของสหรัฐฯ”
การผ่อนปรนอย่างมีชั้นเชิง?
หลังจากที่จีนและสหรัฐฯ ตกลงผ่อนคลายมาตรการตอบโต้กันภายในวันที่ 14 พฤษภาคม จีนประกาศยกเว้นการควบคุมการส่งออกชั่วคราว 90 วัน ให้แก่บริษัทอเมริกัน 28 แห่ง ที่เดิมถูกจำกัดการเข้าถึงสินค้าควบคุม รวมถึงแร่หายาก
อย่างไรก็ตาม จีนยังไม่ได้ยกเลิกข้อกำหนดเรื่องใบอนุญาต ซึ่งยังเปิดช่องให้รัฐบาลปักกิ่งสามารถควบคุมและตัดการส่งออกได้ทุกเมื่อ
ดร. Jost Wubbeke หุ้นส่วนผู้จัดการจากบริษัทที่ปรึกษา Sinolytics กล่าวว่า “การคงไว้ซึ่งการควบคุม เป็นการเตือนให้สหรัฐฯ ตระหนักถึงความพึ่งพิงจีน”
นาย Gunter เสริมว่า จีนอาจเพียงอนุมัติใบอนุญาตให้มากขึ้น แต่ยังคงไว้ซึ่ง “ภัยคุกคามที่น่าเชื่อถือ” ว่าอาจตัดการส่งออกได้ทันที หากต้องการใช้อำนาจต่อรอง
“สิ่งที่สร้างแรงกดดันได้จริง ไม่ใช่การแบนโดยตรง แต่คือเงื่อนไขที่สามารถหยุดส่งออกได้ทุกเมื่อ — เป็นหมากต่อรองสำคัญในเวทีเจรจากับสหรัฐฯ” Gunter กล่าว
“หากจีนหยุดส่งออกจริง สหรัฐฯ จะเร่งสร้างกำลังผลิตในประเทศเอง และนั่นหมายความว่า จีนจะเสียไพ่ใบสำคัญนี้ไป” เขาเตือน
IMCT News