.

ทำไมทองคำ? ยังมีความสำคัญในโลกที่เต็มไปด้วยหนี้และลดการพึ่งพาดอลลาร์
17-5-2025
Money Metals ไมค์ มาฮาร์เรย์ ได้เตือนนักลงทุนให้หยุดตอบสนองต่อข่าวสั้นๆ รายวัน และเริ่มคิดในระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นเรื่องหนี้สิน เงินเฟ้อ และการลดบทบาทของเงินดอลลาร์สหรัฐ มาฮาร์เรย์เน้นย้ำว่าในยุคที่ตลาดการเงินผันผวนตามทวีตและข่าวเผยแพร่ทุกชิ้น นักลงทุนควรถอยห่าง พิจารณาภาพรวม แทนที่จะเพียงแค่ตอบสนองต่อสิ่งล่าสุดที่เห็นบนโซเชียลมีเดีย
## ความผันผวนของตลาดและปัญหาระยะยาว
มาฮาร์เรย์แสดงให้เห็นถึงอันตรายของการคิดระยะสั้นผ่านเหตุการณ์ล่าสุด: การประกาศของโดนัลด์ ทรัมป์เกี่ยวกับการสงบศึกการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนชั่วคราว ซึ่งทำให้ตลาดหุ้นพุ่งสูงขึ้น ราคาทองคำร่วงลงมากกว่า 100 ดอลลาร์ และนักวิเคราะห์รายใหญ่อย่างเจพีมอร์แกนถอนคำทำนายเรื่องภาวะถดถอยของสหรัฐฯ ทั้งที่ความจริงแล้ว ภาษีศุลกากรเป็นเพียงปัจจัยหนึ่งในหลายๆ ปัจจัยที่อาจทำให้เกิดภาวะถดถอย
## วิกฤตหนี้: ระบบภายใต้แรงกดดัน
สถานการณ์ทางการเงินของสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับความท้าทายที่สำคัญ:
- หนี้สาธารณะสูงเกิน 36 ล้านล้านดอลลาร์
- การขาดดุลงบประมาณปี 2025 อยู่ที่ 1.05 ล้านล้านดอลลาร์ สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 22.8%
- การใช้จ่ายของรัฐบาลในเดือนเมษายนพุ่งสูงถึง 591.77 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 4.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน
- การใช้จ่ายโดยรวมของปีงบประมาณ 2025 เพิ่มขึ้น 8.9%
ในด้านผู้บริโภค ยอดคงค้างในบัตรเครดิต 11.5% ของทั้งหมดมีการค้างชำระเกิน 90 วัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบห้าปี อัตราการค้างชำระโดยรวมเพิ่มขึ้นเป็น 3.6% แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตจะยังอยู่ในระดับสูงใกล้เคียงประวัติการณ์ก็ตาม นอกจากนี้ การยื่นล้มละลายของภาคธุรกิจได้กลับมาอยู่ในระดับเดียวกับช่วงการระบาดใหญ่
## เงินเฟ้อ: ยังไม่สิ้นสุด เพียงชะลอตัว
แม้ว่าตัวเลข CPI ล่าสุดจะชะลอตัวลง แต่มาฮาร์เรย์เตือนว่าเงินเฟ้อยังไม่จบสิ้น การเพิ่มขึ้นของ CPI ทั่วไปและ CPI พื้นฐานที่ 0.2% ในรายงานล่าสุด เมื่อคิดเป็นรายปีจะเท่ากับ 2.4% ซึ่งยังคงสูงกว่าเป้าหมายเกือบครึ่งจุด
ปัญหาที่แท้จริงคือการขยายตัวของปริมาณเงิน ในช่วงการระบาดใหญ่ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ได้อัดฉีดเงินเกือบ 5 ล้านล้านดอลลาร์ผ่านมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ ซึ่งเพิ่มเติมจาก 4 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงวิกฤตการเงินปี 2008 เมื่อรวมกับอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำเทียมเป็นเวลาสองทศวรรษ ก็นำไปสู่สิ่งที่มาฮาร์เรย์เรียกว่า "การบริหารจัดการทางการเงินที่ผิดพลาด"
แม้ว่า Fed จะยังคงแสดงจุดยืนที่แข็งกร้าว แต่ความจริงคือปริมาณเงินได้เพิ่มขึ้นอีกครั้งเป็นเวลาเกือบหนึ่งปีแล้ว ซึ่งบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อที่สูงขึ้นอาจกลับมาได้อีก
## การลดบทบาทของดอลลาร์: ภัยคุกคามระยะยาว
มาฮาร์เรย์เน้นย้ำถึงการลดบทบาทของเงินดอลลาร์ว่าเป็นกระบวนการที่ค่อยๆ เกิดขึ้น ไม่ใช่เหตุการณ์ฉับพลัน ธนาคารกลางทั่วโลก โดยเฉพาะในเอเชีย กำลังซื้อทองคำและลดปริมาณเงินสำรองในรูปของดอลลาร์ แนวโน้มนี้อาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการกู้ยืมของรัฐบาลสหรัฐฯ
เหตุผลเดียวที่สหรัฐฯ สามารถกู้ยืมและใช้จ่ายในระดับปัจจุบันได้คือความต้องการเงินดอลลาร์ทั่วโลก หากความต้องการนี้ลดลง เงินดอลลาร์จะไหลกลับเข้าประเทศ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดเงินเฟ้อที่สูงขึ้น
นักวิเคราะห์จาก VanEck ยังสังเกตว่าการที่ราคาทองคำพุ่งขึ้นท่ามกลางความแข็งแกร่งของดอลลาร์โดยไม่มีวิกฤตครั้งใหญ่เกิดขึ้น เป็นสัญญาณที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งอาจเกิดจากการสูญเสียความเชื่อมั่นในดอลลาร์ภายหลังการคว่ำบาตรทางการเงินของสหรัฐฯ ต่อรัสเซียและนโยบายทางการเงินที่ดำเนินมาหลายทศวรรษ
## วิกฤตพันธบัตรที่กำลังจะมาถึง
มาฮาร์เรย์อ้างถึงการคาดการณ์ของจิม แกรนท์ ที่มองว่าตลาดพันธบัตรกำลังจะเผชิญกับภาวะตกต่ำในระยะยาว ซึ่งอาจกินเวลาหลายทศวรรษ การเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยจะส่งผลให้รัฐบาลสหรัฐฯ มีความยากลำบากในการชำระหนี้
ปัจจุบัน การชำระดอกเบี้ยของหนี้สาธารณะมีมูลค่าสูงกว่าการใช้จ่ายด้าน Medicare, Medicaid และการป้องกันประเทศแล้ว และเป็นรองเพียงการใช้จ่ายด้านประกันสังคมเท่านั้น ด้วยต้นทุนดอกเบี้ยต่อปีที่สูงกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ แม้เพียงการเพิ่มขึ้นเล็กน้อยของอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยก็อาจก่อให้เกิดหายนะทางการคลังได้
## บทสรุป: กลยุทธ์การลงทุนระยะยาวในทองคำ
มาฮาร์เรย์สรุปด้วยคำเตือนอย่างหนักแน่นให้หลีกเลี่ยงการตอบสนองแบบฉับพลันต่อพาดหัวข่าว โดยเฉพาะในการลงทุนโลหะมีค่า เขามองว่าการเทขายในตลาดทองคำเป็น "โอกาสในการซื้อ" และเชื่อว่าการพุ่งขึ้นของราคาทองคำในครั้งนี้ยังมีแนวโน้มจะดำเนินต่อไป
เขาแนะนำให้นักลงทุนดำเนินตามแนวทางของธนาคารกลางด้วยการกระจายความเสี่ยงด้วย "เงินที่แท้จริง" อย่างทองคำ สำหรับผู้ที่มีงบประมาณจำกัด Money Metals มีแผนออมเงินรายเดือนเริ่มต้นที่ 100 ดอลลาร์ต่อเดือน เพื่อสะสมทองคำในระยะยาว
----
IMCT NEWS