ชาวตะวันตกเชื่อ ‘สงครามโลกครั้งที่สาม’อาจเกิด

ชาวตะวันตกจำนวนมากเชื่อ ‘สงครามโลกครั้งที่สาม’ อาจเกิดภายใน 10 ปีนี้
9-5-2025
ก่อนครบรอบ 80 ปีของวันแห่งชัยชนะในยุโรป หรือ VE Day ได้มีผลสำรวจล่าสุดจัดทำโดย YouGov ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยและสำรวจความคิดเห็นสาธารณะระดับนานาชาติที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในประเทศอังกฤษ เผยให้เห็นว่าชาวอเมริกันและชาวยุโรปตะวันตกจำนวนมากเชื่อว่าสงครามโลกครั้งที่สาม ซึ่งอาจรุนแรงยิ่งกว่าสงครามครั้งก่อน ๆ มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นภายใน 5 ถึง 10 ปีข้างหน้า โดยมี “รัสเซีย” ถูกมองว่าเป็นตัวการที่เป็นไปได้มากที่สุดในการจุดชนวนความขัดแย้ง
ผลสำรวจนี้จัดทำขึ้นใน 5 ประเทศยุโรป ได้แก่ สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี และสเปน พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามระหว่าง 41% ถึง 55% เชื่อว่าสงครามโลกครั้งใหม่มีโอกาสเกิดขึ้นอย่าง “มาก” หรือ “พอสมควร” ในอีกหนึ่งทศวรรษ ขณะที่ในสหรัฐฯ
มีผู้เห็นด้วยในระดับเดียวกันถึง 45%
มีการคาดการณ์ถึงสงครามนิวเคลียร์และการสูญเสียอย่างมหาศาล
ประชากรส่วนใหญ่ในทั้งหกประเทศที่ทำการสำรวจระบุว่า หากเกิดสงครามโลกครั้งที่สามขึ้นจริง 68% ถึง 76% เชื่อว่าจะมีการใช้อาวุธนิวเคลียร์ และ 57% ถึง 73% คาดว่าจะมีผู้เสียชีวิตมากกว่าสงครามในช่วงปี 1939–1945 โดย 25% ถึง 44% เชื่อว่าอาจนำไปสู่การล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ส่วนใหญ่
ชาวยุโรปส่วนใหญ่ยังเชื่อว่าประเทศของตนจะมีส่วนร่วมในสงครามดังกล่าว (66% ถึง 89%) อย่างไรก็ตาม มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่มั่นใจว่ากองทัพของตนสามารถปกป้องประเทศได้ (16% ถึง 44%) ขณะที่ 71% ของชาวอเมริกันยังคงมีความเชื่อมั่นในศักยภาพของกองทัพสหรัฐฯ
รัสเซียถูกมองว่าเป็นภัยคุกคามอันดับหนึ่ง ขณะที่สหรัฐฯ ก็ไม่รอดพ้นข้อกังขา
ผู้ตอบแบบสอบถามจากยุโรปตะวันตก 72% ถึง 82% และชาวอเมริกัน 69% ระบุว่า “รัสเซีย” คือชนวนที่น่าจะนำไปสู่สงครามมากที่สุด รองลงมาคือ “การก่อการร้ายจากกลุ่มหัวรุนแรงในอิสลาม” อย่างไรก็ตาม ประชาชนจำนวนไม่น้อยในสเปน (58%) เยอรมนี (55%) และฝรั่งเศส (53%) กลับมองว่าสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นพันธมิตรของยุโรป ก็เป็นภัยคุกคามต่อสันติภาพภายในทวีปเช่นกัน
คนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับบทเรียนจากสงครามโลก
ผลสำรวจยังพบว่า ประชากรส่วนใหญ่ หรือ 72% ในฝรั่งเศส 70% ในเยอรมนี และ 66% ในสหราชอาณาจักร กล่าวว่า พวกเขารู้จักสงครามโลกครั้งที่สองในระดับ “มาก” หรือ “พอสมควร” ขณะที่ชาวสเปน ซึ่งประเทศไม่ได้เข้าร่วมสงคราม มีความรู้ในเรื่องนี้น้อยที่สุด หรือประมาณ 40%
ในด้านการศึกษา ชาวฝรั่งเศส 77% ระบุว่าเคยเรียนเกี่ยวกับสงครามโลกในโรงเรียน รองลงมาคือเยอรมนี ราวๆ 60% อังกฤษ 48% และสเปน 34% ตามลำดับ โดยคนรุ่นใหม่มีแนวโน้มได้รับการสอนในหัวข้อนี้มากกว่าคนรุ่นก่อน
ถึงกระนั้น คนส่วนใหญ่ในยุโรปตะวันตกและสหรัฐฯ หรือประมาณ 82% ถึง 90% ยังเชื่อว่าสงครามโลกครั้งที่สองควรได้รับการสอนในโรงเรียน และเหตุการณ์ต่าง ๆ ในช่วงก่อนและระหว่างสงครามยังคง “เกี่ยวข้อง” กับโลกปัจจุบัน
ประชาชนกังวลประวัติศาสตร์อาจซ้ำรอย
ประชากรระหว่าง 31% ใน สเปน ถึง 52% ใน สหรัฐฯ เชื่อว่า “อาชญากรรมแบบที่นาซีเคยกระทำ” อาจเกิดขึ้นในประเทศของตนในช่วงชีวิตนี้ และ 44% ถึง 60% เห็นว่าเหตุการณ์ลักษณะเดียวกันอาจเกิดขึ้นในประเทศอื่นในยุโรปตะวันตกหรือในสหรัฐฯ เอง
ใครมีบทบาทมากที่สุดในการปราบนาซี?
เมื่อถามว่าใครเป็นผู้มีบทบาทสำคัญที่สุดในการโค่นล้มนาซี ผู้ตอบแบบสอบถามใน 5 ประเทศหลักตอบว่า “สหรัฐฯ” (ประมาณ 40% ถึง 52%) และ “สหภาพโซเวียต” (17% ถึง 28%) ขณะที่ชาวอังกฤษ 41% เชื่อว่า “อังกฤษ” มีบทบาทสำคัญที่สุด แต่มีเพียง 5% ถึง 11% ของคนชาติอื่นที่เห็นด้วยกับมุมมองนี้
เยอรมนี ‘ทำได้ดี’ ในการจัดการอดีต—แต่ยังมีความลังเล
ชาวเยอรมันเกือบครึ่ง หรือ 46% เชื่อว่าประเทศของตน “จัดการกับอดีตในยุคนาซีได้ดี” ความเห็นนี้ได้รับการสนับสนุนจาก 49% ของชาวอเมริกัน และ 58% ของชาวอังกฤษ อย่างไรก็ตาม มีชาวเยอรมันถึง 47% ที่เชื่อว่า ประเทศของตน “หมกมุ่นกับอดีตมากเกินไป” จนไม่สามารถรับมือกับปัญหาร่วมสมัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
NATO และ UN ถูกมองว่ามีบทบาทในการรักษาสันติภาพมากที่สุด
ในแง่ขององค์กรที่มีบทบาทสำคัญต่อสันติภาพนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ (52% ถึง 66%) มองว่า “นาโต” มีบทบาทสำคัญที่สุด และอีก 44% ถึง 60% ระบุว่า “สหประชาชาติ” มีส่วนช่วย “อย่างมาก” หรือ “ในระดับพอสมควร” ส่วนสหภาพยุโรป ซึ่งก่อตั้งขึ้นเพื่อรักษาสันติภาพในยุโรป ก็ได้รับการยอมรับว่ามีบทบาทในระดับเดียวกันจากผู้ตอบแบบสอบถาม 45% ถึง 56%
IMCT News
ขอบคุณภาพจาก Wikipedia