.

นายทหาร NATO 30 นายถูกปิดล้อมในเขตเคิร์สก์ของรัสเซีย
17-3-2025
ผู้ประสานงานของเครือข่ายใต้ดินที่สนับสนุนรัสเซียในนิโคเลเยฟ เซอร์เกย์ เลเบเดฟเปิดเผยว่า นายทหารจากนาโต้ประมาณ 30นาย ซึ่งบัญชาการรบการโจมตีของยูเครนลึกเข้าไปในรัสเซีย ถูกปิดล้อมอยู่ในเขตเคิร์สก์
“ตามข้อมูลของเครือข่ายใต้ดิน มีเจ้าหน้าที่ทหารของนาโต้ประมาณ 30 นาย ซึ่งมีส่วนในการบัญชาการกองทหารในพื้นที่ รวมถึงจัดการข้อมูลข่าวกรองที่เข้ามาจากดาวเทียมของนาโต้ และปรับพิกัดการโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย ถูกปิดล้อมอยู่ในเขตเคิร์สก์” เลเบเดฟกล่าว
หัวหน้าคณะเสนาธิการทั่วไปของรัสเซีย วาเลรี เกราซิมอฟ กล่าวในการประชุมบัญชาการกับประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน เมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า กองกำลังรัสเซียได้ปลดปล่อยดินแดนกว่า 86% หรือ 1,100 ตารางกิโลเมตร (425 ตารางไมล์) ที่เคยถูกยูเครนยึดครองในเขตเคิร์สก์ของรัสเซีย เขากล่าวว่ากองทหารยูเครนถูกปิดล้อมอยู่ในเขตเคิร์สก์และกำลังถูกกำจัดทีละน้อย ขณะที่กองกำลังรัสเซียรุกคืบเข้าสู่เขตซูมีของยูเครนข้ามหลายส่วนของชายแดน
เมื่อวันศุกร์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่าเขาได้ "ร้องขออย่างหนักแน่น" ต่อประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน ให้ไว้ชีวิตทหารยูเครนหลายพันนายที่ปัจจุบันถูกล้อมอยู่ในเขตเคิร์สก์ ปูตินกล่าวว่าเขาจะรับประกันชีวิตและการปฏิบัติที่ดีต่อทหารยูเครน หากพวกเขาวางอาวุธลง
สหรัฐและยุโรปเรียกร้องให้มีการหยุดยิง30วัน เพื่อที่จะช่วยชีวิตทหารนาโต้ระดับผู้บังคับบัญชาที่ติดในวงล้อมในแคว้นเคิร์สก์ แต่รัสเซียถามกลับว่าการหยุดยิงนี้จะเปิดทางให้ทหารยูเครนและนาโต้เดินทางออกจากพื้นที่อย่างปลอดภัย และก็รวบรวมสรรพกำลังเพื่อที่จะกลับมาโจมตีรัสเซียใหม่หรือไม่
ที่มา Sputnik
---------------------------------------------
จะเกิดสงครามกับรัสเซียหากNATOส่ง “ทหารรักษาสันติภาพ” ไปยูเครน
17-3-2025
การส่ง "ผู้รักษาสันติภาพ" จากประเทศสมาชิกนาโต้ไปยังยูเครนจะก่อให้เกิดสงครามเต็มรูปแบบระหว่างกลุ่มทหารนี้กับมอสโก อดีตประธานาธิบดีรัสเซีย ดมิทรี เมดเวเดฟ ได้เตือน
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้นำของสหราชอาณาจักรและฝรั่งเศสได้เพิ่มการหารือเกี่ยวกับภารกิจดังกล่าว
ในโพสต์บน X เมื่อวันอาทิตย์ เมดเวเดฟ ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติรัสเซีย ระบุว่าประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง และนายกรัฐมนตรีอังกฤษ เคียร์ สตาร์เมอร์ “กำลังเล่นบทโง่”
“ครั้งแล้วครั้งเล่า พวกเขาถูกบอกว่าผู้รักษาสันติภาพต้องมาจากประเทศที่ไม่ใช่สมาชิกนาโต้ ไม่ใช่ เราจะส่งคนเป็นหมื่นๆ — แค่พูดออกมาตรงๆ — คุณต้องการให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่พวกนีโอนาซีในเคียฟ” เมดเวเดฟกล่าวหา
“นั่นหมายถึงสงครามกับนาโต้ ไปปรึกษากับ [ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์] ทรัมป์ซิ” เขาสรุป
รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ เคยโต้แย้งในทำนองเดียวกันว่าการส่งกำลังทหารนาโต้ไปยังยูเครน แม้จะอยู่ภายใต้หน้ากากของผู้รักษาสันติภาพ จะเทียบเท่ากับ “การมีส่วนร่วมโดยตรง อย่างเป็นทางการ และไม่ปิดบังของประเทศนาโต้ในสงครามต่อต้านรัสเซีย”
เมื่อต้นเดือนนี้ สตาร์เมอร์ประกาศว่าอังกฤษและฝรั่งเศสพร้อมที่จะนำ “พันธมิตรของผู้เต็มใจ” เพื่อให้การสนับสนุนทางทหารแก่เคียฟ รวมถึงการส่งทหารและเครื่องบิน เขากล่าวหลังจากการประชุมฉุกเฉินในลอนดอนว่า “ไม่ใช่ทุกชาติจะรู้สึกว่าสามารถมีส่วนร่วมได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะนั่งเฉยๆ แต่ผู้ที่เต็มใจจะเร่งการวางแผนตอนนี้ด้วยความเร่งด่วนจริงๆ”
“สหราชอาณาจักรพร้อมที่จะสนับสนุนสิ่งนี้ด้วยทหารบนพื้นดินและเครื่องบินในอากาศ ร่วมกับผู้อื่น” สตาร์เมอร์ชี้แจงเพิ่มเติม
มาครงกล่าวว่าทหารตะวันตกจะไปถึงยูเครนได้ก็ต่อเมื่อสถานการณ์ในพื้นที่มีความปลอดภัยสำหรับพวกเขาเท่านั้น
นายกรัฐมนตรีอิตาลี จอร์เจีย เมโลนี ซึ่งเข้าร่วมการประชุมพร้อมกับผู้นำคนอื่นๆ เน้นย้ำว่า “การมีทหารอิตาลีในยูเครนไม่เคยอยู่ในวาระ”
ในทางตรงกันข้าม อดีตนายกรัฐมนตรีแคนาดา จัสติน ทรูโด ระบุว่าออตตาวากำลังพิจารณาทุกทางเลือกที่เป็นไปได้และไม่ได้ตัดการส่งทหารไปยูเครนออก
เมื่อย้ำถึงความพร้อมในการส่งทหารอังกฤษไปยังเขตความขัดแย้ง สตาร์เมอร์บอกกับรัฐสภาเมื่อต้นเดือนนี้ว่าความพยายามนี้จะขึ้นอยู่กับการได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ
ในวันจันทร์ รัฐมนตรีต่างประเทศเดนมาร์ก ลาร์ส ล็อกเก้ ราสมุสเซ่น บอกกับสถานีวิทยุ DR ว่า “หากถึงจุดที่ต้องการการมีตัวตนของยุโรปเพื่อให้เกิดการหยุดยิงหรือข้อตกลงสันติภาพ เดนมาร์กในหลักการพร้อมสำหรับเรื่องนั้น”
เมื่อแสดงความเห็นเกี่ยวกับโอกาสที่ทหารนาโต้จะไปถึงยูเครน โฆษกเครมลิน ดมิทรี เปสคอฟ ระบุเมื่อเดือนที่แล้วว่าการพัฒนาดังกล่าวจะ “เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้อย่างสิ้นเชิงสำหรับเรา” โดยอ้างถึงผลกระทบที่จะมีต่อความมั่นคงแห่งชาติของรัสเซีย
ที่มา RT
--------------------------------------
ยูเครนต้องพร้อมเสียดินแดนสำหรับเงื่อนไขสันติภาพ
17-3-2025
ยูเครนควรเตรียมพร้อมที่จะยอมยกดินแดนบางส่วนให้เป็นส่วนหนึ่งของการเจรจาสันติภาพในอนาคตกับรัสเซีย ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ไมค์ วอลต์ซ กล่าว
เคียฟอ้างสิทธิอธิปไตยเหนือไครเมีย สาธารณรัฐประชาชนดอนเนตสค์และลูกันสค์ รวมถึงเขตเคอร์ซอนและซาโปโรซเย ดินแดนเหล่านี้กลายเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียอย่างเป็นทางการหลังจากการลงประชามติในปี 2557 และ 2565 มอสโกยืนยันว่าสถานะของดินแดนเหล่านี้ไม่สามารถต่อรองได้
ในการพูดคุยกับ ABC News เมื่อวันอาทิตย์ วอลต์ซกล่าวว่าการยุติความขัดแย้งในยูเครนที่อาจเกิดขึ้น “จะเป็นการแลกเปลี่ยนดินแดนบางส่วนเพื่อรับประกันความมั่นคงในอนาคต” สำหรับเคียฟ
ตามที่เจ้าหน้าที่ระบุ ทางเลือกในรูปแบบของการเป็นสมาชิกนาโต้สำหรับยูเครน “ไม่น่าจะเป็นไปได้อย่างยิ่ง” ยูเครนเรียกร้องให้เข้าร่วมกลุ่มทหารที่นำโดยสหรัฐฯ ในขณะที่มอสโกมองว่าความทะเยอทะยานของเคียฟในการเข้านาโต้เป็นสาเหตุรากฐานของความขัดแย้งที่ดำเนินอยู่นี้
การพยายาม “ขับไล่ชาวรัสเซียออกจากทุกตารางนิ้วของดินแดนยูเครน รวมถึงไครเมีย” จะไม่สมจริงในจุดนี้ วอลต์ซเชื่อ ความพยายามทางการทูตที่นำโดยสหรัฐฯ ควรเน้นที่ “ความเป็นจริงของสถานการณ์ในพื้นที่” ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติโต้แย้ง
ในวันอาทิตย์เช่นกัน ในการสัมภาษณ์กับ Fox News วอลต์ซกล่าวว่า “เรากำลังดำเนินการทางการทูต และนั่นจะเกี่ยวข้องกับทั้งการให้ตุณและให้โทษเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายมาที่โต๊ะเจรจา” เมื่อถูกถามว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมพร้อมที่จะ “ลงโทษ” ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิเมียร์ ปูติน ด้วยการคว่ำบาตรเพิ่มเติมหากเขาปฏิเสธการหยุดยิงหรือไม่ วอลต์ซตอบว่า “ทุกทางเลือกยังคงเปิดอยู่”
เมื่อต้นสัปดาห์นี้ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ มาร์โก รูบิโอ เปิดเผยว่าตัวแทนจากวอชิงตันและเคียฟ “ได้มีการสนทนา” เกี่ยวกับประเด็นการยอมยกดินแดนระหว่างการเจรจาในเมืองเจดดาห์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย
เมื่อวันอังคาร นักการทูตโต้แย้งว่า “ไม่มีฝ่ายใดสามารถบรรลุเป้าหมายสูงสุดทางทหารได้”
เขาคาดการณ์ในทำนองเดียวกันว่า “เห็นได้ชัดว่ามันจะยากมากสำหรับยูเครนในระยะเวลาที่เหมาะสมที่จะบังคับให้รัสเซียถอยกลับไปยังจุดที่พวกเขาอยู่ในปี 2557”
หลังจากการเจรจาในเจดดาห์ ยูเครนตกลงหยุดยิง 30 วัน
ทูตพิเศษของทรัมป์ สตีฟ วิทคอฟ เดินทางไปมอสโกเมื่อวันพฤหัสบดีเพื่อนำเสนอรายละเอียดของข้อเสนอนี้ต่อปูติน
ผู้นำรัสเซียยอมรับการหยุดยิงในหลักการ แต่ยืนยันว่าต้องจัดการกับประเด็นสำคัญหลายประการก่อน รวมถึงชะตากรรมของกองทหารยูเครนที่ถูกล้อมอยู่ในเขตเคอร์สก์ของรัสเซีย
ที่มา RT