'มัสก์' เผยสาเหตุไข่แพงในสหรัฐฯ มาจาก 'ไบเดน'

Thailand
'มัสก์' เผยสาเหตุไข่แพงในสหรัฐฯ มาจาก 'ไบเดน' สั่งฆ่าไก่ไข่ 150 ล้านตัว!
ขอบคุณภาพจาก X @elonmusk
8-3-2025
อีลอน มัสก์ ผู้ช่วยมหาเศรษฐีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ระบุผ่าน X ว่ารัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน สั่งฆ่าไก่ไข่ 150 ล้านตัว "อย่างบ้าคลั่ง" ซึ่งถูกระบุว่า อาจเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการปฏิบัติตามนโยบายของกระทรวงเกษตรของรัฐบาลชุดก่อน ซึ่งยังคงอยู่ภายใต้การนำของทรัมป์
เมื่อเช้าวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (6 มี.ค.) มัสก์กล่าวหาว่าไบเดนฆ่าไก่ ทำให้ราคาไข่สูงขึ้น โดยระบุว่า "นี่เป็นเรื่องจริง รัฐบาลของไบเดนสั่งให้ฆ่าไก่ไข่ 150 ล้านตัวอย่างบ้าคลั่ง"
อย่างไรก็ตาม การฆ่าไก่ที่ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดนก หรือในฝูงไก่ที่ติดเชื้อนั้น เรียกว่า “นโยบายปราบปราม” และกระทรวงเกษตรของสหรัฐฯ ปฏิบัติตามนโยบายดังกล่าว โดยระบุว่าไม่มีการรักษาไข้หวัดนกที่ก่อโรคร้ายแรง และ “วิธีเดียวที่จะหยุดยั้งโรคนี้ได้ คือการกำจัดสัตว์ปีกที่ได้รับผลกระทบและสัมผัสโรคทั้งหมด”
สำหรับการระบาดของไข้หวัดนกในสหรัฐฯ ระลอกล่าสุด เริ่มขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2022 และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา กระทรวงเกษตรของสหรัฐฯ ประมาณการว่า อาจมีสัตว์ปีกกว่า 166 ล้านตัวที่ถูกฆ่า จากความพยายามลดจำนวนประชากรเพื่อควบคุมโรค โดยกระทรวงเกษตรของสหรัฐฯ และหน่วยงานตรวจสอบสุขภาพสัตว์และพืชระบุว่า หากตรวจพบไข้หวัดนก จะต้องกำจัดฝูงสัตว์ปีกดังกล่าวทิ้งเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด โดยสัตว์ปีกจะถูก “ทำลายทิ้งภายใน 24–48 ชั่วโมงหลังจากตรวจพบโรค” ซึ่งกระทรวงเกษตรของสหรัฐฯ จะจ่ายเงินให้กับเกษตรกรสำหรับสัตว์ปีกที่ต้องกำจัดทิ้ง
นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ยังระบุว่า สามารถช่วยเหลือในกระบวนการกำจัดได้ แต่หลังจากนั้นเกษตรกรจะต้อง “ทำความสะอาดและฆ่าเชื้ออย่างทั่วถึง” ทั้งในโรงเรือน อุปกรณ์ และบริเวณที่ติดเชื้อ โดยห้ามนำสัตว์ปีกกลับมาเลี้ยงเป็นเวลา 2 สัปดาห์ ก่อนที่กระทรวงเกษตรของสหรัฐฯ จะทดสอบสภาพแวดล้อมเพื่อยืนยันว่าไวรัสหายไปแล้ว ก่อนที่เกษตรกรสามารถเลี้ยงสัตว์ปีกในโรงเรือนของตนได้อีกครั้ง
แม้ว่าสัตว์ปีกที่ถูกฆ่าส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในช่วงที่ไบเดนดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี แต่การกระทำดังกล่าวยังคงดำเนินต่อไป แม้ทรัมป์จะเข้ารับตำแหน่งแล้ว ซึ่งทำให้มีสัตว์ปีกได้รับผลกระทบประมาณ 13 ล้านตัว ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา (2025)
IMCT News
ที่มา
© Copyright 2020, All Rights Reserved