จีนวางยุทธศาสตร์การทูตหลายมิติ

จีนวางยุทธศาสตร์การทูตหลายมิติ ทั้งเปิดแนวรบ-สานสัมพันธ์ หวัง อี้ ย้ำสัมพันธ์รัสเซียแน่นแฟ้น -หนุนGlobal South
9-3-2025
Global Time นำเสนอ INFOGRAPHIC ประเด็นสำคัญในการแถลงข่าวของรัฐมนตรีต่างประเทศจีน หวัง อี้ ที่ครอบคลุมนโยบายการต่างประเทศของจีนในหลากหลายมิติ ทั้งความสัมพันธ์ทวิภาคี ปัญหาภูมิภาค และประเด็นระหว่างประเทศ สะท้อนให้เห็นยุทธศาสตร์การทูตของจีนในปัจจุบัน โดยมีรายละเอียดดังนี้
การแถลงข่าวของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน นายหวัง อี้ สะท้อนยุทธศาสตร์การทูตร่วมสมัยของจีนที่มีความซับซ้อนและหลากหลายมิติ ครอบคลุมนโยบายต่อมหาอำนาจ ภูมิภาค และประเด็นระหว่างประเทศที่สำคัญ โดยประมวลจากภาพนำเสนอประเด็นสำคัญในการแถลงข่าวของนายหวัง อี้ พบว่าจีนกำลังดำเนินยุทธศาสตร์ที่ปรับตัวให้เข้ากับความท้าทายของโลกที่มีหลายขั้วอำนาจมากขึ้น
ความสัมพันธ์กับมหาอำนาจและกลุ่มประเทศสำคัญ
นายหวัง อี้ ได้ให้ความสำคัญอย่างมากกับความสัมพันธ์กับมหาอำนาจหลัก โดยมีจุดเน้นที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ
ในกรณีความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ นายหวัง อี้ เน้นย้ำความจำเป็นในการอยู่ร่วมกันอย่างสันติบนโลกใบเดียวกัน โดยกล่าวว่า "จีนและสหรัฐฯ ต้องแสวงหาการอยู่ร่วมกันอย่างสันติบนดาวเคราะห์นี้" คำกล่าวนี้สะท้อนถึงจุดยืนที่ยอมรับความเป็นจริงของความขัดแย้งระหว่างสองประเทศ แต่ต้องการหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าโดยตรง และให้ความสำคัญกับการจัดการความสัมพันธ์อย่างระมัดระวัง
ตรงกันข้ามกับท่าทีต่อสหรัฐฯ ความสัมพันธ์จีน-รัสเซียได้รับการกล่าวถึงด้วยน้ำหนักและความมั่นใจที่มากกว่า โดยนายหวัง อี้ ระบุว่า "ความสัมพันธ์จีน-รัสเซียที่มีวุฒิภาวะ มีความยืดหยุ่นและมั่นคง จะไม่หวั่นไหวต่อความผันผวนใดๆ และไม่อยู่ภายใต้การแทรกแซงจากฝ่ายที่สาม" คำกล่าวนี้ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนถึงพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ที่แข็งแกร่งระหว่างสองประเทศ และส่งสัญญาณว่าความสัมพันธ์นี้จะไม่ถูกกระทบจากแรงกดดันจากภายนอก โดยเฉพาะจากสหรัฐฯ และพันธมิตร
สำหรับความสัมพันธ์จีน-สหภาพยุโรป นายหวัง อี้ แสดงท่าทีเชิงบวกโดยเน้นประโยชน์ร่วมกัน โดยกล่าวว่า "ความสัมพันธ์ที่มั่นคงและแข็งแรงจะยกระดับทั้งสองฝ่ายและสร้างโลกที่สดใสกว่า" คำกล่าวนี้แสดงถึงความต้องการของจีนที่จะรักษาช่องทางความร่วมมือกับยุโรปไว้ โดยเฉพาะในบริบทของความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นกับสหรัฐฯ ยุโรปจึงถูกมองเป็นคู่ค้าและพันธมิตรที่สำคัญที่อาจช่วยสร้างดุลในความสัมพันธ์ของจีนกับโลกตะวันตก
นโยบายต่อภูมิภาคและกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา
จุดเด่นที่สำคัญในนโยบายต่างประเทศของจีนคือการให้ความสำคัญกับประเทศกำลังพัฒนาใน "โลกใต้" (Global South) นายหวัง อี้ แสดงจุดยืนที่มุ่งมั่นในการสนับสนุนกลุ่มประเทศเหล่านี้ โดยกล่าวอย่างชัดเจนว่า "ไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร หัวใจของเราจะอยู่กับโลกใต้เสมอ และรากของเราจะหยั่งลึกในโลกใต้"
คำกล่าวที่เน้นย้ำการผูกพันกับโลกใต้สะท้อนยุทธศาสตร์การขยายอิทธิพลของจีนผ่านความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการเมืองกับประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิด "ประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันของมนุษยชาติ" ที่จีนผลักดันในเวทีระหว่างประเทศ
ในส่วนของความสัมพันธ์กับแอฟริกา นายหวัง อี้ เน้นการส่งเสริม "การพัฒนาด้วยการพึ่งพาตนเองและการเสริมสร้างความเข้มแข็ง" ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ "ความริเริ่มแถบและเส้นทาง" (Belt and Road Initiative - BRI) ที่เป็นเครื่องมือสำคัญในการขยายอิทธิพลทางเศรษฐกิจของจีนไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก
สำหรับความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน นายหวัง อี้ ใช้คำเปรียบเทียบที่แสดงถึงความสำคัญ โดยกล่าวว่า "ความกลมเกลียวเป็นกุญแจสู่ครอบครัวที่เจริญรุ่งเรือง" สะท้อนแนวทางการทูตเชิงรุกของจีนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่พยายามสร้างความมั่นคงและเสถียรภาพในพื้นที่ซึ่งจีนมองว่าเป็น "บ้านใกล้เรือนเคียง" ของตน
ประเด็นระหว่างประเทศที่สำคัญและเส้นแดงทางการทูต
นายหวัง อี้ ได้แสดงจุดยืนที่ชัดเจนในประเด็นระหว่างประเทศที่สำคัญ โดยเฉพาะในเรื่องที่จีนถือเป็น "เส้นแดง" ที่ไม่สามารถประนีประนอมได้
ในประเด็นไต้หวัน จีนมีจุดยืนที่แข็งกร้าวโดยนายหวัง อี้ กล่าวอย่างชัดเจนว่า "การอ้างอิงเพียงอย่างเดียวต่อภูมิภาคไต้หวันในสหประชาชาติคือ 'ไต้หวัน มณฑลของจีน' ไต้หวันไม่เคยเป็นประเทศ ไม่ใช่ในอดีต และจะไม่มีวันเป็นในอนาคต" คำกล่าวนี้แสดงถึงเส้นแดงที่จีนไม่ยอมประนีประนอม และยืนยันจุดยืนในหลักการ "จีนเดียว" ที่เป็นหัวใจของนโยบายการรวมชาติของจีน
สำหรับวิกฤตยูเครน นายหวัง อี้ แสดงจุดยืนสนับสนุนการเจรจาสันติภาพ โดยกล่าวว่า "ไม่มีใครชนะในความขัดแย้ง แต่ทุกคนได้รับประโยชน์ในสันติภาพ" คำกล่าวนี้สอดคล้องกับนโยบายการไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอย่างชัดเจนของจีน ที่พยายามรักษาดุลระหว่างความสัมพันธ์กับรัสเซียและการไม่ต้องการถูกตราหน้าว่าสนับสนุนการใช้กำลังในความขัดแย้งระหว่างประเทศ
ในประเด็นความขัดแย้งอิสราเอล-ปาเลสไตน์ นายหวัง อี้ แสดงจุดยืนที่สนับสนุนหลักการความยุติธรรม โดยกล่าวว่า "เจตจำนงของประชาชนต้องไม่ถูกท้าทาย และหลักการความยุติธรรมต้องไม่ถูกละทิ้ง" คำกล่าวนี้สะท้อนจุดยืนที่โน้มเอียงไปทางปาเลสไตน์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายจีนในการสนับสนุนประเทศกำลังพัฒนาและกลุ่มประเทศโลกที่สาม
ความสัมพันธ์ทวิภาคีกับประเทศสำคัญในภูมิภาค
นอกจากนโยบายในภาพรวม นายหวัง อี้ ยังได้กล่าวถึงความสัมพันธ์กับประเทศสำคัญในภูมิภาคเอเชียด้วย
ในความสัมพันธ์จีน-ญี่ปุ่น นายหวัง อี้ มีการเตือนอย่างชัดเจนเกี่ยวกับประเด็นไต้หวัน โดยกล่าวว่า "การยั่วยุปัญหาในนามของไต้หวันเท่ากับเชิญปัญหามาสู่ญี่ปุ่น" คำเตือนนี้แสดงถึงความกังวลของจีนต่อการที่ญี่ปุ่นมีแนวโน้มใกล้ชิดกับไต้หวันมากขึ้น และส่งสัญญาณถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับความสัมพันธ์ทวิภาคีหากญี่ปุ่นเข้าไปเกี่ยวข้องกับประเด็นที่จีนถือว่าเป็นกิจการภายใน
สำหรับความสัมพันธ์จีน-อินเดีย นายหวัง อี้ ใช้สำนวนทางการทูตที่น่าสนใจโดยอ้างถึง "pas de deux" หรือการเต้นคู่ในบัลเล่ต์ เพื่อกล่าวถึงความร่วมมือระหว่าง "มังกรและช้าง" ว่าเป็น "ทางเลือกที่ถูกต้องเพียงอย่างเดียวสำหรับจีนและอินเดีย" คำกล่าวนี้แสดงความพยายามของจีนในการลดความตึงเครียดตามแนวชายแดนและสร้างความร่วมมือกับอินเดีย ซึ่งเป็นคู่แข่งสำคัญในภูมิภาคเอเชียใต้
ในกรณีของความสัมพันธ์จีน-ฟิลิปปินส์ นายหวัง อี้ แสดงความไม่พอใจต่อการกระทำของฟิลิปปินส์ในทะเลจีนใต้ โดยเรียกว่าเป็นเพียง "การแสดง" และมีการเตือนอย่างเข้มงวดว่า "ผู้ที่ทำตัวเป็นหมากของผู้อื่นย่อมถูกทอดทิ้งในที่สุด" คำกล่าวนี้สะท้อนความไม่พอใจของจีนต่อการที่ฟิลิปปินส์ใกล้ชิดกับสหรัฐฯ ในข้อพิพาททะเลจีนใต้ และเป็นการเตือนถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการพึ่งพาพันธมิตรภายนอกภูมิภาค
บทสรุป: ยุทธศาสตร์หลายมิติของการทูตจีน
จุดยืนทางการทูตของจีนผ่านคำกล่าวของนายหวัง อี้ แสดงให้เห็นถึงยุทธศาสตร์ที่ซับซ้อนและหลายมิติ โดยมีการผสมผสานระหว่างความแข็งกร้าวในประเด็นอธิปไตยและผลประโยชน์หลัก (เช่น ไต้หวัน ทะเลจีนใต้) กับความยืดหยุ่นในด้านเศรษฐกิจและความร่วมมือระหว่างประเทศ
ในภาพรวม จีนพยายามนำเสนอตนเองเป็นมหาอำนาจที่สนับสนุนระเบียบโลกที่เป็นธรรมและหลากหลายขั้ว ต่อต้านการครอบงำโดยประเทศใดประเทศหนึ่ง โดยเฉพาะสหรัฐฯ คำกล่าวของนายหวัง อี้ เกี่ยวกับการบริหารโลก ที่ว่า "ผู้ที่มีแขนที่แข็งแรงกว่าและกำปั้นที่ใหญ่กว่าไม่ควรได้รับอนุญาตให้เป็นผู้ตัดสินใจ" สะท้อนวิสัยทัศน์ของจีนในการปฏิรูประเบียบระหว่างประเทศที่เอื้อประโยชน์ต่อมหาอำนาจเดิม
IMCT NEWS สรุปเพิ่มเติมว่า ในขณะเดียวกัน จีนก็มุ่งมั่นสร้างเครือข่ายพันธมิตรผ่านความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา โดยเฉพาะกับประเทศกำลังพัฒนาในแอฟริกา เอเชีย และละตินอเมริกา ซึ่งสอดคล้องกับคำกล่าวเกี่ยวกับความร่วมมือจีน-ละตินอเมริกาที่ว่า "มีเพียงการสนับสนุนซึ่งกันและกัน ไม่มีการคำนวณทางภูมิรัฐศาสตร์" แม้ว่าในความเป็นจริง จีนย่อมมีผลประโยชน์เชิงยุทธศาสตร์ในภูมิภาคเหล่านี้
คำกล่าวในการแถลงข่าวของนายหวัง อี้ จึงเป็นเสมือนแผนที่ทางการทูตที่สะท้อนวิสัยทัศน์ของจีนต่อระเบียบโลกและบทบาทของตนในฐานะมหาอำนาจที่กำลังเติบโต ที่พยายามสร้างดุลอำนาจใหม่ในระบบระหว่างประเทศ
---
IMCT NEWS