รมว.กลาโหมอิสราเอลสั่งกองทัพเตรียมย้ายชาวปาเลสไตน์ออกจากกาซ่า
7-2-2025
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอิสราเอล อิสราเอล แคตซ์ เปิดเผยในวันพฤหัสบดีว่า ได้สั่งการให้กองทัพเตรียมแผนเคลื่อนย้ายชาวปาเลสไตน์จำนวนมากให้ออกจากฉนวนกาซ่าผ่านทุกเส้นทาง ตั้งแต่ช่องทางผ่านแดนทางบก ไปจนถึงทางทะเลและทางอากาศ
แคตซ์ยินดีกับสิ่งที่ระบุว่าเป็น “แผนหาญกล้า” ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ให้นำผู้ที่อาศัยอยู่ในกาซ่าออกจากอาณาเขตนี้ที่ถูกทำลายจนเหลือแต่ซากในการโจมตีทางพื้นดินและทางอากาศโดยกองทัพอิสราเอล
แต่เจ้าหน้าที่ของปาเลสไตน์ปฏิเสธข้อเสนอนี้ของผู้นำสหรัฐฯ ที่หยิบยกขึ้นมาพูดในการแถลงข่าวร่วมกับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู เมื่อวันอังคารที่ทำเนียบขาว และมีใจความว่า สหรัฐฯ จะเข้าควบคุมฉนวนกาซ่า บีบชาวปาเลสไตน์กว่า 2 ล้านคนให้ย้ายไปอยู่ในประเทศอื่น และเปลี่ยนอาณาเขตนี้ที่ตั้งอยู่ติดทะเลเมดิเตอร์เรเนียนให้กลายเป็น “ริเวียราแห่งตะวันออกกลาง”
ในช่วงค่ำวันพุธที่ผ่านมา เนทันยาฮูกล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์กับสื่อฟ็อกซ์นิวส์ (Fox News) ว่า ชาวปาเลสไตน์สามารถย้ายออกมาจากกาซ่าก่อนเพื่อรอให้การฟื้นฟูบูรณะเสร็จสิ้นแล้วค่อยย้ายกลับเข้ามา
ผู้นำอิสราเอลกล่าวว่า “เป็นความคิดที่ยอดเยี่ยมทีเดียว และผมคิดว่า น่าจะลองดำเนินการ ตรวจสอบและลงมือทำให้เสร็จ เพราะนี่จะเป็นการสร้างอนาคตที่แตกต่างให้กับทุกคน”
อย่างไรก็ดี ข้อเสนอของทรัมป์นี้นำมาซึ่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างอื้ออึง ซึ่งรวมถึง สเตฟาน ดูจาร์ริค โฆษกขององค์การสหประชาชาติ ที่บอกกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันพุธว่า การบีบบังคับให้กลายมาเป็นคนพลัดถิ่น “เท่ากับเป็นการกวาดล้างชาติพันธุ์”
ประธานาธิบดีแฟรงก์-วอลเตอร์ ชไตน์ไมเออร์ แห่งเยอรมนีกล่าวเมื่อวันพุธด้วยว่า ข้อเสนอของทรัมป์ “ทำให้เกิดความกังวลอย่างหนักในบางกลุ่ม ซึ่งอาจถึงขั้นเป็นความหวาดกลัวหนักด้วย” และ “ยอมรับไม่ได้ภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ”
สมาชิกลีกอาหรับ (Arab League) ที่มี 22 ประเทศกล่าวว่า แผนการของทรัมป์ “เป็นตัวแทนของสูตรสำเร็จของการสั่นคลอนเสถียรภาพ” และจะไม่ช่วยนำไปสู่โอกาสของการตั้งรัฐปาเลสไตน์เลย
ส่วนนายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ แห่งอังกฤษกล่าวในวันพุธว่า “[ชาวปาเลสไตน์]ต้องได้รับอนุญาตให้กลับบ้าน” เพื่อกลับไปฟื้นฟูบ้านเรือน “และเราควรยืนเคียงข้างพวกเขาในการสร้างตัวขึ้นมาใหม่ ผ่านแนวทางสองรัฐ”
ออสเตรเลีย จีน เยอรมนี ไอร์แลนด์ รัสเซีย ซาอุดีอาระเบียและสเปน ต่างก็ออกมาสนับสนุนแนวทางสองรัฐอีกครั้งหลังได้ยินข้อเสนอของผู้นำสหรัฐฯ
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา สหรัฐฯ สนับสนุนทางออกของความขัดแย้งอิสราเอล-ฮามาสผ่านแนวทางสองรัฐมาโดยตลอด
ขณะเดียวกัน ผู้นำเขตปาเลสไตน์ มาห์มูด อับบาส ได้เรียกร้องให้ยูเอ็น “ปกป้องประชาชนชาวปาเลสไตน์และสิทธิที่แยกออกจากบุคคลไม่ได้ของพวกเขา” และกล่าวด้วยว่า สิ่งที่ทรัมป์ต้องการจะทำนั้นเป็น “การละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง”
กลุ่มฮามาสกล่าวว่า ข้อเสนอกาซ่าของทรัมป์เป็น “สูตรสำเร็จในการสร้างความโกลาหลและความตึงเครียดในภูมิภาค” และว่า “แทนที่จะทำให้การยึดครองโดยพวกไซออนิสต์(การสนับสนุนให้อพยพชาวยิวไปอยู่ในปาเลสไตน์)ต้องรับโทษต่ออาชญากรรมของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และการบังคับให้ผู้คนออกจากถิ่นที่อยู่ตน [คนเหล่านี้] กลับได้รับรางวัล แทนที่จะถูกลงโทษ”
และก่อนหน้าที่ปธน.สหรัฐฯ จะนำเสนอแนวคิดยึดกาซ่าออกมา อียิปต์และจอร์แดนปฏิเสธแนวทางการย้ายประชากรปาเลสไตน์ให้มาพักอาศัยอยู่ในประเทศของตนดังที่ทรัมป์แนะได้สักพักแล้ว
โวลเกอร์ เทิร์ค ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ กล่าวในวันพุธว่า การส่งตัวผู้คนออกจากพื้นที่กาซ่าที่อิสราเอลยึดครองอยู่นั้นเป็นเรื่องผิดกฎหมาย และระบุในแถลงการณ์ด้วยว่า “สิทธิในการมีอำนาจตัดสินใจอย่างอิสระด้วยตนเองเป็นหลักการพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศและ[เป็นสิ่งที่]ทุกรัฐ[ประเทศ]ต้องปกป้อง ดังที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศเพิ่งเน้นย้ำออกมาเมื่อเร็ว ๆ นี้”
แถลงการณ์นี้ยังกล่าวด้วยว่า “การบังคับเคลื่อนย้ายหรือส่งตัวประชาชนออกจากอาณาเขตที่ถูกยึดครองนั้นเป็นเรื่องต้องห้ามอย่างที่สุด”
ต่อมา เลขาธิการใหญ่ยูเอ็น อันโตนิโอ กูเทอเรซ กล่าวว่า “ในการหาทางออกนั้น เราต้องไม่ทำให้ปัญหาย่ำแย่ลงกว่าเดิม สิ่งที่สำคัญก็คือ ยึดถือพื้นฐานสำคัญของกฎหมายระหว่างประเทศ ... สิ่งที่จำเป็นยิ่งคือการหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการกวาดล้างชาติพันธุ์ในทุกรูปแบบ”
ในเวลานี้ การสู้รบระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสอยู่ในช่วงหยุดยิงเป็นเวลา 6 สัปดาห์ หลังดำเนินมากว่า 15 เดือนที่เริ่มต้นด้วยการที่กลุ่มติดอาวุธนี้สังหารผู้คนในอิสราเอลไปราว 1,200 คนและจับตัวประกันกลับไปกาซ่ากว่า 250 คน ขณะที่ การโจมตีโต้กลับโดยอิสราเอลส่งผลให้มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตแล้วกว่า 47,500 คน ตามข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขกาซ่า
จนถึงบัดนี้ เชื่อว่า ยังมีตัวประกันซึ่งยังมีชีวิตอยู่ราว 60 คนที่กลุ่มฮามาสควบคุมตัวไว้ หลังมีการปล่อยคืนมา 18 คนในเฟสที่ 1 ของข้อตกลงหยุดยิงเพื่อแลกกับนักโทษชาวปาเลสไตน์หลายร้อยคน โดยจะมีการปล่อยตัวประกันเพิ่มในเร็ว ๆ นี้
ข้อมูลบางส่วนมาจากเอพี เอเอฟพีและรอยเตอร์
Photo : x.com/gulf_news
-----------------------------------------------
ทรัมป์เผยอิสราเอลจะมอบกาซ่าให้สหรัฐฯ เมื่อสงครามจบ
7-2-2025
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าววันพฤหัสบดีผ่านเเพลตฟอร์มทรูธโซเชียลว่าอิสราเอลจะมอบฉนวนกาซ่าให้กับสหรัฐฯ หลังจากสงครามกับกลุ่มฮามาสจบลง
ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวด้วยว่า ไม่จำเป็นต้องส่งทหารอเมริกันเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าว โดยฉนวนกาซ่านั้นเป็นดินแดนที่แคบและทอดยาวไปตามชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
เขาเสริมว่าภายใต้แผนดังกล่าว ชาวปาเลสไตน์กว่า 2 ล้านคน ในดินเเดนที่ถูกทำลายจากสงคราม "จะต้องตั้งถิ่นฐานอีกครั้งในชุมชนที่ปลอดภัยกว่าและสวยกว่าเดิมมาก โดยจะมีบ้านเรือนสมัยใหม่ในภูมิภาคนี้"
แต่ทรัมป์ ไม่ได้กล่าวว่าชาวปาเลสไตน์เหล่านั้นจะกลับไปที่กาซ่าหรืออยู่ในประเทศอื่น
"พวกเขาจะมีโอกาสที่จะมีความสุข ปลอดภัยและมีอิสระอีกครั้งหนึ่ง" ทรัมป์กล่าว
ในวันพฤหัสบดีเช่นกัน ฮามาสเรียกร้องให้กลุ่มต่าง ๆ ของชาวปาเลสไตน์รวมตัวกันต่อต้านแผนเข้าครอบครองกาซ่าของทรัมป์
เมื่อต้นสัปดาห์ ทรัมป์กล่าวว่าอาจมีทหารอเมริกันเข้าไปในกาซ่า เพื่ออำนวยความสะดวกต่อการเข้าคุมกาซ่า แต่เขาบอกในโพสต์ใหม่ว่า ในการถ่ายโอนกาซ่าจากอิสราเอล "ไม่จำเป็นต้องมีทหารอเมริกัน" และว่า "เสถียรภาพจะมาสู่ภูมิภาคนี้"
ประเทศพันธมิตรและฝ่ายตรงข้ามของสหรัฐฯ จำนวนมากต่างไม่เห็นด้วยกับแผนเข้าครอบครองกาซ่าของทรัมป์ ซึ่งถูกประกาศออกมาในวันอังคาร ที่ทำเนียบขาวขณะที่นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู ยืนเคียงข้างอยู่ ที่งานเเถลงข่าว
หลายประเทศ ยืนยันที่จะยึดตามแผนเดิมในการตั้งรัฐอิสระของชาวปาเลสไตน์ ที่อยู่ร่วมกับอิสราเอลได้ นอกจากนี้เเนวทาง "สองรัฐ" หรือ "two-state solution" ดังกล่าวยังเป็นจุดยืนที่มีมานานของสหรัฐฯ ซึ่งอิสราเอลไม่เห็นด้วย
ในคำกล่าวของทรัมป์ครั้งล่าสุด เขาระบุว่า "สหรัฐฯ ที่จะทำงานร่วมกับทีมที่เก่งมากในการพัฒนาพื้นที่จากทั่วโลก จะค่อย ๆ เริ่มการก่อสร้างอย่างระมัดระวังให้เกิดสิ่งที่จะกลายเป็นหนึ่งในโครงการพัฒนาแบบนี้ที่ยิ่งใหญ่และน่าทึ่งที่สุดในโลก"
เมื่อวันอังคารเขามองว่าการพัฒนาพื้นที่กาซ่าที่ถูกทำลายจากสงครามอิสราเอล-ฮามาสยาวนานกว่า 15 เดือนจะทำให้บริเวณดังกล่าวเป็น "ริเวียราแห่งตะวันออกกลาง"
หลังจากการประกาศแผนของทรัมป์เรื่องกาซ่า ประเทศซาอุดิอาระเบีย ออสเตรเลีย สเปน เยอรมนี ไอร์เเลนด์ รัสเซีย และจีน ต่างกล่าวว่ายังคงสนับสนุนแนวทางที่เกิดรัฐปาเลสไตน์ที่อยู่คู่กับอิสราเอลได้ ภายใต้ "two-state solution”
ที่มา Agencies
Photo : x.com/TwilightDewy
---------------------------------------------------
ปาเลสไตน์ลั่น! แผ่นดินปาเลสไตน์ไม่ได้มีไว้ขาย!
7-2-2025
นาบิล อาบู รูเดเนห์ โฆษกประธานาธิบดีปาเลสไตน์ ระบุเมื่อวานนี้ (6 ก.พ.) ต่อกรณีที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ระบุหลังการพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล ว่าจะเข้าครอบครองและพัฒนาพื้นที่กาซา พร้อมระบุให้ชาวปาเลสไตน์ย้ายออกไปตั้งถิ่นฐานใหม่ที่อียิปต์หรือจอร์แดนแทน โดยกล่าวว่า ปาเลสไตน์ไม่ใช่โครงการเพื่อการลงทุน และแผ่นดินของปาเลสไตน์ไม่ได้มีไว้เพื่อขาย
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (4 ก.พ.) ประธานาธิบดีทรัมป์เรียกกาซาว่าเป็น "พื้นที่รื้อถอน" และแนะนำว่าชาวปาเลสไตน์ไม่มีทางเลือกอื่น โดยเสริมว่าเขาต้องการให้จอร์แดนและอียิปต์รับชาวปาเลสไตน์ไปจากกาซา พร้อมกล่าวอีกว่า สหรัฐฯ จะ "ยึดครอง" กาซาและรับผิดชอบงานก่อสร้างบูรณะในภูมิภาค
ขณะที่สำนักข่าว WAFA อ้างคำพูดของอาบู รูเดเนห์ว่า "ปาเลสไตน์ที่หมายรวมถึงทั้งแผ่นดิน ประวัติศาสตร์ และสถานที่ศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่ได้มีไว้ขาย และไม่ใช่โครงการเพื่อการลงทุน"
IMCT News
--------------------------------------
ผู้เชี่ยวชาญจวก แผนทรัมป์ยึดกาซา 'แย่ที่สุดนับตั้งแต่สหรัฐฯบุกอิรัก'
7-2-2025
ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศชั้นนำของสหรัฐฯ วิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงต่อแผนการของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เสนอให้สหรัฐฯ เข้าควบคุมฉนวนกาซาและย้ายชาวปาเลสไตน์ไปยังประเทศใกล้เคียง โดยระบุว่าเป็น "แนวคิดที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่การบุกอิรัก"
ศาสตราจารย์โรเบิร์ต เค. โกลด์แมน จากวิทยาลัยกฎหมายอเมริกัน มหาวิทยาลัยอเมริกัน ชี้ว่าแผนการดังกล่าวละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างชัดเจน แม้สหรัฐฯ จะไม่รับรองปาเลสไตน์เป็นรัฐ แต่มี 143 ประเทศที่ให้การรับรอง หากสหรัฐฯ ใช้กำลังทหารยึดกาซา จะกลายเป็นกองกำลังยึดครองตามกฎหมายสงคราม และการบังคับย้ายถิ่นฐานชาวกาซาจะเป็นอาชญากรรมสงครามและอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ
ด้านดร.เอียน เฮิร์ด จากมหาวิทยาลัยนอร์ทเวสเทิร์น เตือนว่าการยึดดินแดนโดยใช้กำลังและขับไล่ประชาชนเป็นอาชญากรรมสงคราม โดยเปรียบเทียบว่าทำเนียบขาวของทรัมป์กำลังเดินตามแบบอย่างของปูตินในการบุกยูเครน และเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ ที่มีส่วนร่วมในการวางแผนอาจถูกดำเนินคดีฐานสมคบกันก่ออาชญากรรมสงคราม
ดร.แดเนียล แอล. ไบแมน จากมหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ ระบุว่าพันธมิตรอาหรับของสหรัฐฯ จะคัดค้านแผนการนี้อย่างรุนแรง เนื่องจากไม่มีประเทศใดต้องการรับผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์จำนวนมาก อีกทั้งยังต้องใช้การลงทุนทางเศรษฐกิจและกำลังทหารมหาศาล ซึ่งยากจะได้รับการสนับสนุนในสหรัฐฯ
ดร.โรเบิร์ต แซตลอฟฟ์ ผู้อำนวยการบริหารสถาบันวอชิงตันเพื่อนโยบายตะวันออกใกล้ มองว่าแม้ทรัมป์จะเป็น "ผู้ทำลายล้างความเชื่อดั้งเดิม" แต่ข้อเสนอนี้อาจกระตุ้นให้กลุ่มประเทศอาหรับและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเสนอทางออกที่สร้างสรรค์มากขึ้น เช่น การส่งกองกำลังรักษาความสงบระหว่างการฟื้นฟูกาซา
ศาสตราจารย์ไดแอน โอเรนต์ลิเชอร์ และโอมาร์ ชาเคียร์ เน้นย้ำว่าการทำลายล้างในกาซาสะท้อนนโยบายของอิสราเอลที่ต้องการบีบให้ชาวปาเลสไตน์ออกจากพื้นที่ และแผนของทรัมป์จะเป็นการขยายการกวาดล้างชาติพันธุ์ให้รุนแรงขึ้น พร้อมเรียกร้องให้นานาชาติร่วมมือกันป้องกันอาชญากรรมต่อชาวปาเลสไตน์
ศาสตราจารย์ไดแอน โอเรนต์ลิเชอร์ แนะนำว่าแทนที่จะดำเนินการที่ผิดกฎหมายระหว่างประเทศ สหรัฐฯ ควรมุ่งสนับสนุนการฟื้นฟูกาซาร่วมกับและเพื่อชาวปาเลสไตน์ที่อาศัยอยู่ที่นั่น ซึ่งจะเป็นประโยชน์และสร้างเสถียรภาพมากกว่า
ทรัมป์นำเสนอแผนการนี้ระหว่างการแถลงข่าวร่วมกับนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูของอิสราเอล ที่ทำเนียบขาว โดยอ้างว่าจะเปลี่ยนกาซาให้เป็นพื้นที่ทันสมัยและมั่งคั่ง อาจเรียกว่า "ริเวียร่าแห่งตะวันออกกลาง" เพื่อขจัดภัยคุกคามจากกลุ่มติดอาวุธ สร้างเสถียรภาพในภูมิภาค และเสริมความมั่นคงให้อิสราเอล
อย่างไรก็ตาม อียิปต์และจอร์แดนได้คัดค้านการรับผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์อย่างแข็งขัน โดยเตือนว่าอาจสร้างความไร้เสถียรภาพในภูมิภาค ขณะที่โอมาร์ ชาเคียร์ นักวิเคราะห์ด้านสิทธิมนุษยชน เตือนว่าแผนดังกล่าวจะเปลี่ยนสถานะสหรัฐฯ จากผู้สมรู้ร่วมคิดในอาชญากรรมสงครามมาเป็นผู้ก่ออาชญากรรมโดยตรง พร้อมเรียกร้องให้นานาประเทศร่วมมือกันป้องกันไม่ให้เกิดอาชญากรรมต่อชาวปาเลสไตน์เพิ่มเติม
---
IMCT NEWS
ที่มา https://www.newsweek.com/trumps-gaza-plan-palestinians-foreign-policy-iraq-2026604