.

G20 มีบทบาทสำคัญในการสร้างโลกหลายขั้วอำนาจ รัสเซียสนับสนุนสันนิบาตอาหรับเข้าร่วมเต็มรูปแบบ
13-3-2025
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ กล่าวว่า กลุ่มประเทศ G20 เป็นเวทีที่ได้พิสูจน์แล้วว่ามีประโยชน์ในทางการเมือง และสามารถมีบทบาทเชิงบวกในการก่อร่างสร้างระบบโลกหลายขั้วอำนาจ (multipolar world)
"G20 เป็นรูปแบบความร่วมมือที่กำลังพิสูจน์ให้เห็นว่าไม่เพียงมีประโยชน์ในทางการเงินและเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ในทางการเมืองก็อาจมีบทบาทเชิงบวกอย่างมากในกระบวนการสร้างหลายขั้วอำนาจ" ลาฟรอฟกล่าวในการให้สัมภาษณ์กับบล็อกเกอร์ชาวอเมริกัน มาริโอ นาฟัล แอนดรูว์ นาโปลิตาโน และแลร์รี จอห์นสัน ซึ่งเผยแพร่เมื่อวันพุธ
ลาฟรอฟเสริมว่า ระบบหลายขั้วอำนาจอาจประกอบด้วยมหาอำนาจที่มีขนาดใหญ่ ทั้งในด้านเศรษฐกิจ กำลังทางทหาร และโดยเฉพาะอย่างยิ่งอำนาจนิวเคลียร์
"แน่นอนว่า สหรัฐอเมริกา จีน และรัสเซีย เข้าข่ายอยู่ในหมวดหมู่นี้ ส่วนประเทศที่มีขนาดไม่ใหญ่เท่าก็สามารถมีส่วนร่วมในโลกหลายขั้วอำนาจผ่านโครงสร้างระดับอนุภูมิภาคของตนได้ ตัวอย่างเช่น อาเซียน สภาความร่วมมืออ่าวอาหรับ หรือสันนิบาตอาหรับ ที่น่าสนใจคือสหภาพแอฟริกาได้รับสถานะเป็นสมาชิกเต็มรูปแบบของ G20 เมื่อปีที่แล้ว สันนิบาตอาหรับก็ต้องการสถานะเดียวกันนี้ ซึ่งเราสนับสนุน" รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียเน้นย้ำ
อย่างไรก็ตาม ลาฟรอฟกล่าวว่า รัสเซียยังคงสังเกตเห็นร่องรอยของความเป็นปฏิปักษ์ที่หลงเหลืออยู่ภายในเวทีความร่วมมือนี้
---
IMCT NEWS
------------------------------------
ลาฟรอฟยืนยัน 'รัสเซียไม่ได้หันหลังให้จีน-อินเดีย-แอฟริกา' เผยการพบกับทีมทรัมป์มุ่งสมดุลผลประโยชน์ทั้งสองประเทศ
13-3-2025
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ ได้เปิดเผยรายละเอียดการพบปะกับคณะตัวแทนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในกรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย ในระหว่างการให้สัมภาษณ์กับบล็อกเกอร์ชาวอเมริกัน เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2568 ที่กรุงมอสโก
"เมื่อเราพบกัน ผมหวังว่าจะไม่เป็นการเปิดเผยความลับ ในกรุงริยาดกับมาร์โก รูบิโอ ไมค์ วอลทซ์ และสตีฟ วิทคอฟฟ์ ซึ่งพวกเขาเป็นฝ่ายเสนอให้มีการประชุม" ลาฟรอฟกล่าว
ตามคำบอกเล่าของลาฟรอฟ ทีมของทรัมป์ได้แสดงจุดยืนว่า "เราต้องการความสัมพันธ์ที่เป็นปกติ โดยเข้าใจว่ารากฐานของนโยบายต่างประเทศอเมริกาภายใต้การบริหารของโดนัลด์ ทรัมป์คือผลประโยชน์แห่งชาติของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นสิ่งที่เด็ดขาดและไม่อาจโต้แย้งได้ แต่ในขณะเดียวกัน เราเข้าใจดีว่าประเทศอื่นๆ ก็มีผลประโยชน์แห่งชาติของตนเช่นกัน"
รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียกล่าวต่อว่า ทีมทรัมป์ได้แสดงความเต็มใจที่จะหารืออย่างจริงจังกับประเทศที่มีผลประโยชน์แห่งชาติของตนเองและไม่ได้ดำเนินการเพื่อตอบสนองผลประโยชน์ของผู้อื่น พร้อมทั้งยอมรับความจริงที่ว่าประเทศอย่างสหรัฐฯ และรัสเซียจะไม่มีวันมีผลประโยชน์แห่งชาติที่ตรงกันทั้งหมด โดยอาจสอดคล้องกันน้อยกว่า 50 เปอร์เซ็นต์
"แต่เมื่อผลประโยชน์สอดคล้องกัน หากเราเป็นนักการเมืองที่มีความรับผิดชอบ เราต้องใช้โอกาสนี้พัฒนาผลประโยชน์ร่วมกันให้เป็นรูปธรรมที่เกิดประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นโครงการเศรษฐกิจ โครงการโครงสร้างพื้นฐาน หรืออื่นๆ" ลาฟรอฟกล่าวถึงข้อเสนอจากทีมทรัมป์
ประเด็นสำคัญอีกประการหนึ่งที่ทีมทรัมป์ได้สื่อสารกับลาฟรอฟคือ เมื่อผลประโยชน์ไม่สอดคล้องและขัดแย้งกัน ประเทศที่มีความรับผิดชอบจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อป้องกันไม่ให้ความขัดแย้งนั้นลุกลามเป็นการเผชิญหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเผชิญหน้าทางทหาร ซึ่งจะเป็นหายนะต่อประเทศอื่นๆ อีกมากมาย
ลาฟรอฟยืนยันว่ารัสเซียเห็นด้วยกับแนวคิดดังกล่าวอย่างเต็มที่ "นี่คือแนวทางที่ประธานาธิบดีปูตินต้องการและดำเนินนโยบายต่างประเทศของเรา ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี เขาเน้นย้ำในการติดต่อของเขาเสมอว่าเราไม่ได้บังคับอะไรกับใคร และเรากำลังมองหาความสมดุลของผลประโยชน์ เป็นตรรกะเดียวกัน"
รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่ารัสเซียกำลังเปลี่ยนทิศทางหรือหันหลังให้กับประเทศในตะวันออก เช่น จีน อินเดีย หรือประเทศในแอฟริกา โดยเรียกแนวคิดดังกล่าวว่าเป็น "ภาพลวงตา" และเน้นย้ำว่า "ความตื่นเต้นเกินเหตุไม่ใช่สิ่งที่ควรเป็นแนวทางในนโยบายต่างประเทศของเรา"
ลาฟรอฟยังได้ยกตัวอย่างความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐฯ ที่ดำเนินมาหลายทศวรรษบนพื้นฐานเดียวกันนี้ "ทั้งสองฝ่ายอาจใช้ถ้อยคำแรงต่อกันบ้าง ซึ่งเราไม่ถือสา ในการทูตยุคใหม่ เราก็คุ้นเคยกับการใช้คำศัพท์ใหม่ๆ แต่ทั้งสองฝ่ายไม่เคยยุติการเจรจา พวกเขาอาจพูดว่า 'อย่ายุ่งกับไต้หวัน อย่ายุ่งกับทะเลจีนใต้' แต่ก็ยังพบปะและพูดคุยกัน นี่คือแนวทางและตรรกะเดียวกันที่ปัจจุบันถูกยอมรับโดยรัฐบาลทรัมป์ในความสัมพันธ์กับรัสเซีย ผมคิดว่านี่เป็นสิ่งที่ถูกต้อง"
รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียย้ำว่าไม่มีประเทศใดที่เหมือนกันทุกประการ และประเทศที่สามารถส่งผลกระทบต่อชะตากรรมของโลกทางทหาร โดยเฉพาะมหาอำนาจนิวเคลียร์ มีความรับผิดชอบพิเศษที่จะไม่ใช่แค่ตะโกนใส่กัน แต่ต้องนั่งลงและพูดคุยกัน
ลาฟรอฟปิดท้ายด้วยการเปรียบเทียบกับภาพยนตร์คาวบอยฮอลลีวูด "เหมือนกับที่คาวบอยในภาพยนตร์ฮอลลีวูดหลายเรื่องทำ: 'เขาบอกว่าคุณรู้ และฉันรู้ว่าคุณรู้ว่าฉันรู้ แล้วคุณจะบอกอะไรฉัน'"
การสัมภาษณ์ครั้งนี้มีขึ้นที่กรุงมอสโก เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2568 กับบล็อกเกอร์ชาวอเมริกัน มาริโอ นาฟัล แลร์รี จอห์นสัน และแอนดรูว์ นาโปลีตาโน ตามการรายงานของกระทรวงการต่างประเทศสหพันธรัฐรัสเซีย
---
IMCT NEWS
ที่มา https://mid.ru/en/foreign_policy/news/2002637/