.

EU-G7 เสียงแตกลังเลใช้สินทรัพย์รัสเซีย หลังมอสโกขู่โอนสินทรัพย์ตะวันตกเข้ารัฐฯ 'เยอรมนี-ฝรั่งเศส-อิตาลี' จี้ญี่ปุ่น-สหรัฐฯร่วม ผลักดันช่วยยูเครน
3-10-2025
POLITOCO รายงานว่า การเผชิญหน้าทางเศรษฐกิจระหว่าง รัสเซีย และ โลกตะวันตก กำลังทวีความตึงเครียดขึ้น หลัง ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ได้ลงนามในคำสั่งที่อนุญาตให้ยึดและขายสินทรัพย์ของต่างชาติอย่างรวดเร็ว เพื่อตอบโต้แผนของ สหภาพยุโรป (EU) ที่จะใช้เงินสำรองของ ธนาคารกลางรัสเซีย จำนวนมหาศาลเพื่อช่วยเหลือ ยูเครน ขณะเดียวกัน ภายในกลุ่ม G7 ก็ยังขาดเอกภาพในการดำเนินการ
ภัยคุกคามจาก รัสเซีย: กฤษฎีกา Fast-Track
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดี ปูติน ได้ลงนามในกฤษฎีกาที่อนุมัติให้มีการขายสินทรัพย์ของรัฐภายใต้ กระบวนการพิเศษ (special procedure) โดยจำกัดการประเมินราคาก่อนการขายไว้เพียง 10 วัน และเร่งรัดการจดทะเบียนความเป็นเจ้าของ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อตอบโต้การคว่ำบาตรต่อ รัสเซีย
ดมิทรี เพสคอฟ (Dmitry Peskov) โฆษก เครมลิน ยืนยันว่า หาก EU เริ่มยึดทรัพย์สินของ รัสเซีย ทาง มอสโก จะตอบโต้ด้วย มาตรการสมมาตร (symmetrical measures) ซึ่งมาตรการนี้ได้สร้างความเสี่ยงต่อบริษัทตะวันตกหลายร้อยแห่งที่ยังคงดำเนินงานใน รัสเซีย เช่น UniCredit SpA และ PepsiCo Inc. จนถึงขณะนี้ มูลค่ารวมของทรัพย์สินที่ถูกยึดตั้งแต่ปี 2022 จนถึงเดือนมิถุนายนอยู่ที่ประมาณ 48 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของ EU และการกดดัน G7
ในขณะที่ รัสเซีย ขู่ตอบโต้ EU ก็กำลังเผชิญกับแรงต้านภายใน โดย 3 ชาติมหาอำนาจของ EU ในกลุ่ม G7 เยอรมนี, ฝรั่งเศส และ อิตาลี กำลังเร่งรัดให้ สหรัฐฯ และ ญี่ปุ่น ดำเนินการในลักษณะเดียวกัน
ความกังวลของ ECB: ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้แสดงความกังวลอย่างชัดเจนว่า การนำสินทรัพย์ของ รัสเซีย มาใช้แต่เพียงฝ่ายเดียว อาจ บ่อนทำลายความน่าเชื่อถือระดับโลกของเงินยูโร (global credibility of the euro) ซึ่งจำเป็นต้องมีกลุ่มประเทศที่มีอิทธิพลสูงอย่าง วอชิงตัน และ โตเกียว เข้ามามีส่วนร่วม เพื่อ บรรเทาความเสี่ยง ดังกล่าว
แผนของ EU: แผนที่ยังไม่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการนี้ คือการใช้เงิน 140 พันล้านยูโร จากสินทรัพย์ที่ถูกอายัด เป็น "เงินกู้เพื่อการชดใช้ค่าเสียหาย (reparations loan)" แบบไม่มีดอกเบี้ย แก่ กรุงเคียฟ โดย คณะกรรมาธิการยุโรป มั่นใจว่าจะใช้ การค้ำประกันระดับประเทศ (national guarantees) จากกลุ่มประเทศ EU เพื่อคลายข้อกังวลทางกฎหมาย และจะคืนเงินจำนวนดังกล่าวให้แก่ มอสโก ทันที หาก เครมลิน ยุติสงครามและชดใช้ค่าเสียหาย
อย่างไรก็ตาม แถลงการณ์ร่วมของรัฐมนตรีคลัง G7 ล่าสุด ยังคง คลุมเครือ โดยไม่ได้ให้คำมั่นถึงการดำเนินการร่วมกันโดยตรง แต่กล่าวเพียงว่าจะ "พัฒนากลุ่มทางเลือกที่หลากหลาย" เท่านั้น
เกมสมดุลอำนาจใน อาร์กติก
ความเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจเหล่านี้เกิดขึ้นพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์ใน อาร์กติก ซึ่งเชื่อมโยงโดยตรงกับความสัมพันธ์ระหว่าง รัสเซีย และ จีน
รัสเซีย ซึ่งควบคุมแนวชายฝั่ง มหาสมุทรอาร์กติก กว่า 53 เปอร์เซ็นต์ ได้หันไปพึ่งพา จีน อย่างรวดเร็วหลังการคว่ำบาตรในปี 2014 และการรุกราน ยูเครน ในปี 2022 โดยปัจจุบัน จีน ได้เข้าครองตลาด การขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ ผ่าน เส้นทางเดินเรือเหนือ (NSR) และมีการยกระดับ ความร่วมมือทางทหาร
อย่างไรก็ตาม มีการคาดการณ์ว่า รัสเซีย อาจพยายามสำรวจความร่วมมือด้านพลังงานและทรัพยากรกับ สหรัฐฯ ใน อาร์กติก อีกครั้ง เพื่อ ชดเชยการพึ่งพา จีน ที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากภายในพันธมิตร จีน-รัสเซีย ยังมีความตึงเครียดอยู่ โดยเฉพาะประเด็น อำนาจอธิปไตยในภูมิภาค ที่ มอสโก หวงแหน ขณะที่ ปักกิ่ง ผลักดันแนวคิด "มรดกร่วมกันของมนุษยชาติ" สำหรับภูมิภาคขั้วโลก
บทสรุป
สถานการณ์ปัจจุบันชี้ให้เห็นถึงการวางหมากใน สงครามการเงินขั้วโลก ที่ซับซ้อน: รัสเซีย ใช้ภัยคุกคามทางเศรษฐกิจเพื่อสร้างความแตกแยกภายใน G7 และชะลอการตัดสินใจของ EU ในขณะเดียวกัน มอสโก ก็เปิดทางเลือกทางภูมิรัฐศาสตร์ใน อาร์กติก กับ สหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความทะเยอทะยานของ จีน ในระยะยาว
การประชุมรัฐมนตรีคลัง G7 ครั้งต่อไปที่ วอชิงตัน ในวันที่ 15 ตุลาคม จะเป็นจุดสำคัญในการตัดสินว่า สหรัฐฯ และ ญี่ปุ่น จะเข้าร่วมกับ EU เพื่อรับความเสี่ยงทางกฎหมายและชื่อเสียงของ เงินยูโร หรือไม่
---
IMCT NEWS
ที่มา https://www.politico.eu/article/european-central-bank-g7-united-states-japan-russian-assets-ukraine-euro/