เตือนภัยเศรษฐกิจฝรั่งเศส หวั่นเกิดภาวะถดถอย

เตือนภัยเศรษฐกิจฝรั่งเศส หวั่นเกิดภาวะถดถอยจากวิกฤตการเมือง ผลกระทบลามถึงยูโรโซน
28-8-2025
Reuters รายงานว่า ผู้นำภาคธุรกิจในฝรั่งเศสกล่าวเมื่อวันพุธว่า การตัดสินใจของนายกรัฐมนตรีฟรังซัวส์ บายรู (Francois Bayrou) ที่จะขอคะแนนไว้วางใจในเดือนหน้ามีความเสี่ยงสูงต่อเศรษฐกิจ และได้นำความกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอยกลับมาอีกครั้ง พรรคฝ่ายค้านกล่าวว่าพวกเขาจะล้มรัฐบาลเสียงข้างน้อยในการลงคะแนนเสียงในวันที่ 8 กันยายน ซึ่งนายบายรู (Bayrou) ได้ประกาศอย่างไม่คาดคิดเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ทำให้เศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของยูโรโซนกลับเข้าสู่วิกฤตอีกครั้ง ผลสำรวจความคิดเห็นที่จัดทำขึ้นหลังจากการประกาศของนายบายรู (Bayrou) แสดงให้เห็นว่าชาวฝรั่งเศสส่วนใหญ่ในขณะนี้ต้องการให้มีการเลือกตั้งระดับชาติครั้งใหม่ ชี้ให้เห็นถึงความไม่พอใจที่เพิ่มขึ้นต่อการเมืองและมีความเสี่ยงที่จะเกิดความไม่แน่นอนที่ยืดเยื้อ
“ขวัญกำลังใจของเราผูกติดอยู่กับการทำงานของรัฐ” อเล็กซองด์ บอมปาร์ (Alexandre Bompard) ซีอีโอของ Carrefour ซึ่งเป็นผู้ค้าปลีกรายใหญ่ที่สุดของประเทศกล่าว “ยิ่งมีความไม่แน่นอนมากเท่าไร เช่นที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ก็ยิ่งมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจ เนื่องจากผู้บริโภคจะเลื่อนการตัดสินใจใช้จ่ายออกไป” นายบอมปาร์ (Bompard) กล่าวในการประชุมทางธุรกิจ เศรษฐกิจฝรั่งเศสเติบโต 0.3% ในไตรมาสที่สอง ต้องขอบคุณการฟื้นตัวของการใช้จ่ายภาคครัวเรือน “การบริโภคเท่านั้นที่ช่วยพยุงการเติบโต” นายบอมปาร์ (Bompard) กล่าว “ซึ่งได้สร้างความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะถดถอย” ก่อนหน้านี้ แพทริก มาร์ติน (Patrick Martin) หัวหน้ากลุ่ม Medef ซึ่งเป็นกลุ่มนายจ้าง กล่าวในการประชุมว่าเขารู้สึก “ตกใจ” ที่นักการเมืองฝรั่งเศสไม่สามารถเอาชนะความแตกต่างของพวกเขาได้ “ผู้ที่คิดว่าจะสามารถเล่นสนุกกับเศรษฐกิจได้ กำลังทำให้เราเผชิญกับความเสี่ยงครั้งใหญ่” เขากล่าว
นายบายรู (Bayrou) ได้เรียกการลงคะแนนไว้วางใจเพื่อหวังที่จะนำหน้าการลงคะแนนไม่ไว้วางใจที่ฝ่ายค้านกำลังเตรียมจะเสนอในปลายปีนี้จากแผนการปรับลดงบประมาณในปี 2026 ซึ่งเรื่องดังกล่าวได้ส่งผลย้อนกลับในทันที โดยพรรคฝ่ายค้านกล่าวว่าพวกเขาจะลงคะแนนให้เขาพ้นจากตำแหน่ง แม้พวกเขาจะเห็นด้วยว่าการขาดดุลและหนี้สินของฝรั่งเศสสูงเกินไป แต่ฝ่ายค้านก็ไม่เห็นด้วยกับเขาในวิธีการแก้ไขปัญหาและปฏิเสธที่จะสนับสนุนเขา การสำรวจแยกต่างหากโดย Ifop, Elabe และ Toluna Harris Interactive แสดงให้เห็นว่าชาวฝรั่งเศสส่วนใหญ่ต้องการให้มีการยุบสภาเพื่อจัดการเลือกตั้งใหม่ โดยมีอัตราแตกต่างกันไประหว่าง 56% ถึง 69% และผลสำรวจของ Toluna Harris Interactive สำหรับ RTL แสดงให้เห็นว่า 41% ต้องการให้พรรคการเมืองต่อต้านการย้ายถิ่นฐานอย่าง National Rally (RN) ที่เป็นพรรคฝ่ายขวาจัดเป็นผู้นำรัฐบาลชุดต่อไป ซึ่งเป็นคะแนนที่สูงที่สุดสำหรับพรรคการเมืองใดๆ แม้ว่า 59% จะคัดค้านการมีนายกรัฐมนตรีจากพรรค RN ก็ตาม
ในขณะเดียวกัน การสำรวจของ Elabe สำหรับ BFM TV แสดงให้เห็นว่า 67% ต้องการให้ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง (Emmanuel Macron) ลาออกหากนายบายรู (Bayrou) แพ้การลงคะแนนไว้วางใจ และการสำรวจของ Ifop สำหรับ LCI ก็แสดงผลลัพธ์ที่คล้ายกัน Sophie Primas โฆษกรัฐบาลกล่าวว่า นายมาครง (Macron) ซึ่งจะดำรงตำแหน่งจนถึงปี 2027 ไม่ได้หารือเกี่ยวกับทางเลือกในการยุบสภาระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำสัปดาห์เมื่อวันพุธที่ผ่านมา แต่กลับสนับสนุนยุทธศาสตร์ของนายบายรู (Bayrou) นายบายรู (Bayrou) ซึ่งเป็นนักการเมืองสายกลางกำลังพยายามควบคุมหนี้สินที่เพิ่มขึ้นถึง 113.9% ของ GDP และการขาดดุลซึ่งเกือบเป็นสองเท่าของขีดจำกัด 3% ที่กำหนดโดยสหภาพยุโรปเมื่อปีที่แล้ว เขาได้เสนอการปรับลดงบประมาณ 4.4 หมื่นล้านยูโร ซึ่งจะรวมถึงการยกเลิกวันหยุดราชการสองวันและการระงับการใช้จ่ายภาครัฐส่วนใหญ่ แต่การประกาศของเขาได้กระตุ้นให้เกิดการเทขายในตลาดอย่างรุนแรง ทำให้ช่องว่างระหว่างผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลฝรั่งเศสและอิตาลีอายุ 10 ปีแคบลง “เราต้องการเน้นย้ำว่า ไม่ว่าในกรณีใดๆ ทั้งสองสถานการณ์ (ไม่ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่หรือการเลือกตั้งใหม่) มีแนวโน้มที่จะหมายถึงช่วงเวลาแห่งความไม่แน่นอนที่ยาวนาน” นักวิเคราะห์ของ Morgan Stanley เขียนไว้ในบันทึก นักวิชาการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศสรุปว่า การที่สหรัฐฯ กำหนดภาษี 50% ต่อการส่งออกของอินเดียเป็นเรื่องที่น่ากังวล เนื่องจากจะส่งผลกระทบต่อภาคส่วนที่ใช้แรงงานมากอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่น สิ่งทอ, เสื้อผ้า, หนัง และเซรามิกส์
หลังจากได้รับเลือกตั้งครั้งแรกในปี 2017 ในฐานะนักการเมืองนอกกระแส นายมาครง (Macron) ให้คำมั่นว่าจะยุติการแบ่งแยกซ้าย-ขวา และทำให้ฝรั่งเศสทันสมัยด้วยการลดภาษีและการปฏิรูปที่ส่งเสริมการเติบโต แต่วิกฤตการณ์ที่ต่อเนื่อง รวมถึงการประท้วง, โควิด-19 และภาวะเงินเฟ้อที่ควบคุมไม่ได้ ได้แสดงให้เห็นว่าเขาไม่สามารถเปลี่ยนนิสัยการใช้จ่ายเกินตัวของประเทศได้ มีการเรียกร้องให้มีการประท้วงเพิ่มเติมในวันที่ 10 กันยายน สองวันหลังจากการลงคะแนนไว้วางใจ โดยกลุ่มต่างๆ ที่มีเป้าหมายที่แตกต่างกันบนโซเชียลมีเดีย และได้รับการสนับสนุนจากพรรคฝ่ายซ้ายและสหภาพแรงงานบางส่วน
---
IMCT NEWS
ที่มา https://www.reuters.com/world/french-political-crisis-carries-steep-economic-risk-business-leaders-say-2025-08-27/