ครั้งแรกรอบ80 ปี 'ออสเตรเลียขับทูตอิหร่านพ้นประเทศ

ครั้งแรกรอบ 80 ปี 'ออสเตรเลียขับทูตอิหร่านพ้นประเทศภายใน 7 วัน' อ้างมีหลักฐานโยงเหตุโจมตีชุมชนยิวใน ซิดนีย์-เมลเบิร์น
27-8-2025
Reuters รายงานว่า รัฐบาลออสเตรเลียประกาศเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า โดยกล่าวว่า อิหร่านอยู่เบื้องหลังการก่อเหตุวางเพลิงต่อต้านชาวยิว (Antisemitic) สองครั้งในเมืองซิดนีย์และเมลเบิร์น พร้อมทั้งกำหนดเส้นตายให้เอกอัครราชทูตของอิหร่านเดินทางออกจากประเทศภายใน 7 วัน ถือเป็นการขับไล่ทูตครั้งแรกของออสเตรเลีย นับตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่สอง
นายกรัฐมนตรีแอนโทนี อัลบานีส (Anthony Albanese) กล่าวในการแถลงข่าวว่า องค์การข่าวกรองความมั่นคงแห่งออสเตรเลีย (Australian Security Intelligence Organisation - ASIO) ได้รวบรวมข้อมูลข่าวกรองที่น่าเชื่อถือว่าอิหร่านได้บงการการโจมตีอย่างน้อยสองครั้งนี้ "นี่เป็นการกระทำที่ก้าวร้าวและอันตรายอย่างยิ่ง ซึ่งถูกบงการโดยต่างชาติบนแผ่นดินออสเตรเลีย" นายกรัฐมนตรีอัลบานีสกล่าว และเสริมว่า "เป็นการพยายามบ่อนทำลายความสามัคคีทางสังคมและหว่านเมล็ดแห่งความแตกแยกในชุมชนของเรา"
นายกรัฐมนตรีอัลบานีสระบุว่า อิหร่านพยายาม "ปิดบังการมีส่วนร่วม" ในการโจมตีร้านอาหารโคเชอร์ในซิดนีย์ และโบสถ์ยิว Adass Israel Synagogue ในเมลเบิร์นเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
ด้านโฆษกกระทรวงการต่างประเทศของอิหร่านกล่าวว่า การตัดสินใจของออสเตรเลียมีแรงจูงใจจากประเด็นภายในประเทศ และการต่อต้านชาวยิวไม่ใช่ส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมอิหร่าน สื่อของรัฐอิหร่านอ้างคำพูดของโฆษกกระทรวงต่างประเทศว่า อิหร่านจะดำเนินการที่เหมาะสมเพื่อตอบโต้การกระทำของออสเตรเลียในครั้งนี้
นายกรัฐมนตรีอัลบานีสกล่าวเพิ่มเติมว่า หน่วยงานความมั่นคงของออสเตรเลียคาดว่ามีความเป็นไปได้สูงว่าอิหร่านได้บงการการโจมตีอื่นๆ อีก และออสเตรเลียได้สั่งระงับการปฏิบัติงานของสถานทูตในกรุงเตหะราน พร้อมทั้งยืนยันว่านักการทูตทั้งหมดของออสเตรเลียปลอดภัยในประเทศที่สาม นอกจากนี้ รัฐบาลจะประกาศให้กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามของอิหร่าน (Islamic Revolutionary Guard Corps - IRGC) เป็นองค์กรก่อการร้าย
เพนนี หว่อง (Penny Wong) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศออสเตรเลีย กล่าวในระหว่างการแถลงข่าวว่า เอกอัครราชทูตอะห์หมัด ซาเดกี (Ahmad Sadeghi) และเจ้าหน้าที่อิหร่านอีก 3 คน มีเวลา 7 วันในการเดินทางออกจากประเทศ "การกระทำของอิหร่านนั้นเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้อย่างสิ้นเชิง" รัฐมนตรีต่างประเทศกล่าว
ไมค์ เบอร์เกส (Mike Burgess) ผู้อำนวยการทั่วไปของหน่วยงานความมั่นคง กล่าวว่า กองกำลัง IRGC ได้สั่งการให้บุคคลต่างๆ ในออสเตรเลียก่ออาชญากรรม "พวกเขาแค่ใช้ตัวแทน ซึ่งรวมถึงอาชญากรและสมาชิกแก๊งอาชญากรรมเพื่อทำตามคำสั่งของตน"
สถานทูตอิสราเอลในออสเตรเลียยินดีต่อการดำเนินการกับอิหร่านซึ่งเป็นคู่แข่งสำคัญ โดยแถลงการณ์บนแพลตฟอร์ม X ระบุว่า "ระบอบการปกครองของอิหร่านไม่เพียงแต่เป็นภัยคุกคามต่อชาวยิวหรืออิสราเอลเท่านั้น แต่ยังเป็นอันตรายต่อโลกเสรีทั้งหมด รวมถึงออสเตรเลียด้วย" ทั้งนี้ ทั้งสองประเทศได้ทำสงครามทางอากาศเป็นเวลา 12 วันในเดือนมิถุนายน หลังจากอิสราเอลเปิดฉากโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน
แดเนียล อาเกียน (Daniel Aghian) ประธานสภาบริหารชุมชนชาวยิวแห่งออสเตรเลีย (Executive Council of Australian Jewry - ECAJ) ซึ่งเป็นองค์กรร่วมขององค์กรกว่า 200 แห่ง กล่าวว่า การกระทำของอิหร่านเป็นการโจมตีอธิปไตยของออสเตรเลีย "การโจมตีเหล่านี้พุ่งเป้าไปที่ชาวออสเตรเลียเชื้อสายยิว ทำลายสถานที่สักการะอันศักดิ์สิทธิ์ ก่อให้เกิดความเสียหายมูลค่านับล้านดอลลาร์ และสร้างความหวาดกลัวให้กับชุมชนของเรา" เขากล่าวเมื่อวันอังคาร
เหตุการณ์วางเพลิง
ชายสองคนถูกตั้งข้อหาจากการโจมตีเมื่อเดือนธันวาคมที่ทำให้โบสถ์ยิวในย่านริปปอนลี (Ripponlea) ซึ่งสร้างขึ้นโดยผู้รอดชีวิตจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว (Holocaust) ในยุค 1960 เกิดเพลิงไหม้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ตำรวจในรัฐวิกตอเรียทางตะวันออกเฉียงใต้กล่าวว่า กำลังตรวจสอบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ยึดได้จากการตรวจค้นบ้านของชายคนหนึ่งซึ่งมีกำหนดขึ้นศาลในวันพุธนี้ โดยตำรวจระบุว่ามีบุคคล 3 คนบุกเข้าไปในโบสถ์แล้วจุดไฟเผา
นอกจากนี้ ร้านอาหารโคเชอร์ Lewis Continental Kitchen ในย่านบอนดี (Bondi) ยังถูกเพลิงไหม้จนได้รับความเสียหายอย่างหนัก สื่อรายงานว่าชายที่ถูกจับกุมเมื่อเดือนมกราคมจากการโจมตีครั้งนั้น มีความเชื่อมโยงกับแก๊งมอเตอร์ไซค์ชื่อดังของออสเตรเลีย เขาปฏิเสธข้อกล่าวหาในศาลและได้รับการประกันตัว
องค์กรชุมชนชาวอิหร่านในออสเตรเลีย (Australian Iranian Community Organisation) ยินดีกับการขับไล่ทูตและการเคลื่อนไหวเพื่อประกาศให้ IRGC เป็นกลุ่มก่อการร้าย "เรามีความสุขมากที่เห็นพวกเขาไป" นายเซียแม็ค กาห์เรมัน (Siamak Ghahreman) ประธานองค์กรกล่าวในการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Australian Broadcasting Corporation ปัจจุบันมีชาวอิหร่านที่เกิดในอิหร่านอาศัยอยู่ในออสเตรเลียราว 90,000 คน
ความสัมพันธ์ระหว่างอิสราเอลและออสเตรเลียตึงเครียดขึ้นตั้งแต่รัฐบาลกลางของแคนเบอร์ราตัดสินใจยอมรับรัฐปาเลสไตน์เมื่อวันที่ 11 สิงหาคมที่ผ่านมา การเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลังจากมีผู้คนนับหมื่นคนเดินขบวนข้ามสะพานซิดนีย์ฮาร์เบอร์ (Sydney Harbour Bridge) เพื่อเรียกร้องสันติภาพและการส่งมอบความช่วยเหลือไปยังฉนวนกาซา ที่ซึ่งอิสราเอลได้เปิดฉากการโจมตีเมื่อเกือบสองปีที่แล้ว หลังจากกลุ่มติดอาวุธฮามาส (Hamas) ได้เปิดฉากโจมตีข้ามพรมแดนอย่างรุนแรง
ทางการปาเลสไตน์ระบุว่าความขัดแย้งในกาซาได้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วกว่า 62,000 คน ขณะที่กลุ่มมนุษยธรรมกล่าวว่าการปิดล้อมของอิสราเอลทำให้เกิดปัญหาการขาดแคลนอาหารจนนำไปสู่ความอดอยากในวงกว้าง เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา มีผู้คนหลายพันคนเข้าร่วมการประท้วงสนับสนุนปาเลสไตน์ทั่วประเทศ ทำให้สภา ECAJ ต้องออกมาเตือนว่า การประท้วงดังกล่าวได้นำไปสู่ "สภาพแวดล้อมที่ไม่ปลอดภัย"
อย่างไรก็ตาม องค์กรชาวยิวบางแห่งในออสเตรเลียก็ให้การสนับสนุนการเดินขบวนดังกล่าวเช่นกัน ขณะที่องค์กรภาคประชาสังคมของออสเตรเลียอย่าง Islamophobia Register ระบุว่า เหตุการณ์ในลักษณะนั้นเพิ่มขึ้น 500% ในสถานที่ทำงาน มหาวิทยาลัย และสื่อ นับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2023 โดยมีรายงานเหตุการณ์แล้วกว่า 1,500 กรณี
---
IMCT NEWS
ที่มา https://www.reuters.com/world/asia-pacific/australia-expels-iranian-envoy-over-antisemitic-attacks-2025-08-26/