ทรัมป์ยังคงลังเลใจว่าจะโจมตีอิหร่าน

Thailand
ทรัมป์ยังคงลังเลใจว่าจะโจมตีโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านหรือไม่
19-6-2025
คำถามสำคัญที่อยู่ในใจของประธานาธิบดีทรัมป์ในตอนนี้ คือ— หากสหรัฐฯ เข้าร่วมสงครามกับอิสราเอลและทิ้งระเบิดเจาะบังเกอร์ขนาดยักษ์ มันจะสามารถทำลายศูนย์นิวเคลียร์ที่มีการเสริมความแข็งแกร่งสูงสุดของอิหร่านได้จริงหรือไม่?
ทำไมเรื่องนี้ถึงสำคัญ: ที่ปรึกษาของทรัมป์เปิดเผยว่า ความสงสัยของเขาในวันพุธเกี่ยวกับ “ความแน่นอนของผลลัพธ์” เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เขายังไม่ตัดสินใจว่าจะสั่งโจมตีหรือไม่
ภาพรวม: ทรัมป์ต้องการแน่ใจว่าการโจมตีเช่นนั้นมีความจำเป็นจริง ๆ จะไม่ทำให้สหรัฐฯ ถูกลากเข้าสู่สงครามยืดเยื้อในตะวันออกกลาง — และที่สำคัญที่สุด คือ ต้องมั่นใจว่าจะสามารถทำลายโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านได้จริง เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กล่าว
“เราพร้อมที่จะโจมตีอิหร่าน แต่เรายังไม่มั่นใจว่าจำเป็น และเราก็อยากจะให้มันเป็นเรื่องจำเป็นด้วยซ้ำ แต่ผมคิดว่าท่านประธานาธิบดียังไม่เชื่อมั่นว่าเราจำเป็นต้องลงมือในตอนนี้” เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ คนหนึ่งกล่าว
ข่าวล่าสุด: หากทรัมป์ตัดสินใจเข้าสู่สงคราม จุดมุ่งหมายเกือบแน่นอนคือการทำลายศูนย์เสริมสมรรถนะยูเรเนียมฟอร์โดว์ (Fordow) ซึ่งตั้งอยู่ใต้ภูเขาทางตอนใต้ของกรุงเตหะราน ที่นี่อยู่ในลำดับต้น ๆ ของเป้าหมายที่อิสราเอลต้องการโจมตี แต่ปัญหาคือ อิสราเอลไม่มีระเบิดเจาะบังเกอร์หนัก 30,000 ปอนด์ที่จำเป็นในการทำลายเป้าหมายลึกใต้ดินเช่นนี้จากทางอากาศ และไม่มีเครื่องบินทิ้งระเบิด B-2 ที่สามารถบรรทุกอาวุธดังกล่าวได้ ขณะที่สหรัฐฯ มีทั้งสองอย่าง และอยู่ในรัศมีบินถึงอิหร่าน
เจ้าหน้าที่อิสราเอลกังวลว่า หาก Fordow ยังรอดจากสงคราม โครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านก็จะยังคงอยู่เช่นกัน
“เราคือประเทศเดียวที่มีขีดความสามารถในการทำลายมัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะทำ” ทรัมป์กล่าวเมื่อวันพุธ ขณะถูกถามว่าเขาคิดว่าการทำลาย Fordow เป็นสิ่งจำเป็นหรือไม่
“ทุกคนถามผมเรื่องนี้หมดแล้ว แต่ผมยังไม่ได้ตัดสินใจ”
เบื้องหลัง: ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ถามที่ปรึกษาทางทหารของเขาโดยตรงว่า ระเบิดเจาะบังเกอร์ขนาดใหญ่พิเศษ (Massive Ordnance Penetrator - MOP) จะสามารถทำลายศูนย์ Fordow ได้หรือไม่ เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ รายหนึ่งเปิดเผย
เจ้าหน้าที่เพนตากอนแจ้งกับทรัมป์ว่าพวกเขามั่นใจว่า MOP จะสามารถทำลายได้ ตามรายงานของเจ้าหน้าที่คนเดียวกัน แต่ยังไม่แน่ชัดว่าทรัมป์เชื่อมั่นอย่างเต็มที่หรือไม่
แม้ว่า MOP จะผ่านการทดสอบมาหลายครั้งระหว่างกระบวนการพัฒนา แต่ก็ยังไม่เคยถูกนำมาใช้จริงในสนามรบเลย ตามคำกล่าวของเจ้าหน้าที่ทั้งในอดีตและปัจจุบันของสหรัฐฯ
เจาะลึก: “ระเบิดเจาะบังเกอร์ใช้ได้แน่นอน มันไม่ใช่ปัญหาด้านขีดความสามารถ เรามีศักยภาพเพียงพออยู่แล้ว แต่การปฏิบัติการแบบนี้ไม่ใช่แค่ทิ้งระเบิดแล้วประกาศชัยชนะ มันมีแผนทั้งระบบอยู่เบื้องหลัง” เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ อีกคนกล่าว
“เป้าหมายสุดท้ายของเราชัดเจน: ไม่ให้อิหร่านมีนิวเคลียร์” เจ้าหน้าที่ผู้นั้นกล่าว “อาจจะไม่เหมือนกับเป้าหมายของอิสราเอลก็ได้ และเราก็พร้อมจะดำเนินการหากมันอยู่ในกรอบที่เหมาะสม เช่น การโจมตีแบบแม่นยำเฉพาะจุด — ถ้าจำเป็น และถ้าประธานาธิบดีเห็นว่ามัน ‘มีเหตุผลและได้ผลจริง’”
อีกมุมหนึ่ง: เจ้าหน้าที่อิสราเอลเชื่อว่าทรัมป์จะตัดสินใจสนับสนุนการโจมตีของสหรัฐฯ แต่ยืนยันว่าหากจำเป็นต้องลงมือเพียงลำพัง พวกเขาก็ยังสามารถสร้างความเสียหายอย่างมีนัยสำคัญต่อศูนย์นิวเคลียร์ Fordow ได้
นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู และเอกอัครราชทูตประจำกรุงวอชิงตัน เยคิเอล ไลเตอร์ ได้แสดงท่าทีเป็นนัยในบทสัมภาษณ์เมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า กองกำลังป้องกันประเทศอิสราเอล (IDF) มีทางเลือกมากกว่าการโจมตีทางอากาศเพียงอย่างเดียว
หนึ่งในทางเลือกนั้นคือ การบุกปฏิบัติการโดยหน่วยคอมมานโด ซึ่งถือว่าเสี่ยงสูง โดยกองกำลังพิเศษของอิสราเอลเคยดำเนินการลักษณะนี้มาแล้วเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว แม้จะเป็นภารกิจขนาดเล็กกว่า ที่สามารถทำลายโรงงานผลิตขีปนาวุธใต้ดินในซีเรียได้สำเร็จด้วยการลอบวางระเบิด
ขณะนี้อิสราเอลสามารถควบคุมพื้นที่ทางอากาศของอิหร่านได้เต็มที่ และได้สร้างความเสียหายอย่างหนักต่อกองทัพอิหร่าน ทำให้แผนการดังกล่าวดูไม่ใช่ทางเลือกที่สุดโต่งอีกต่อไป
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ รายหนึ่งเผยว่า อิสราเอลได้แจ้งกับรัฐบาลทรัมป์ว่า แม้พวกเขาอาจไม่สามารถเจาะลึกเข้าไปในภูเขาได้มากพอด้วยระเบิด แต่พวกเขาอาจ “ทำได้ด้วยมนุษย์”
เบื้องหลัง: ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์กำลังพิจารณาว่าจะเข้าร่วมสงครามหรือไม่ ผู้แทนพิเศษของเขา สตีฟ วิตคอฟฟ์ (Steve Witkoff) ได้ติดต่อโดยตรงกับรัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่าน อับบาส อารักชี (Abbas Araghchi) อย่างต่อเนื่อง ตามรายงานของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ สองราย และแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับเรื่องนี้
“เรายังเปิดโอกาสเสมอว่า ‘มาคุยกันเถอะ มาคุยกัน เพราะเรายังหวังเสมอ’ บางวันสตีฟ [วิตคอฟฟ์] บอกว่า ‘เขาโทรกลับมา สนใจจะคุย’ แต่บางวันเขาก็พูดว่า ‘พวกเขาไม่โทรกลับ’ ดังนั้นเรายังไม่ยอมแพ้ในเรื่องนี้เลยแม้แต่นิดเดียว” เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ รายหนึ่งกล่าว
ในวันศุกร์ที่จะถึงนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของฝรั่งเศส เยอรมนี และสหราชอาณาจักร พร้อมด้วยหัวหน้านโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป จะเดินทางไปประชุมกับอารักชีที่นครเจนีวา ตามข้อมูลจากแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับสถานการณ์
เจ้าหน้าที่ของยุโรปเปิดเผยว่า หัวหน้านโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรปได้โทรศัพท์หารือกับรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ มาร์โก รูบิโอ (Marco Rubio) เมื่อวันพุธ และได้แจ้งให้ทราบเกี่ยวกับแผนการพบหารือกับคู่เจรจาชาวอิหร่าน
ถานการณ์ล่าสุด: เมื่อวันพุธ ประธานาธิบดีทรัมป์ได้จัดการประชุมในห้องสถานการณ์ (Situation Room) อีกครั้งกับทีมความมั่นคงแห่งชาติระดับสูงของเขา เพื่อหารือเกี่ยวกับสงครามระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน
“ความอดทนของประธานาธิบดีกำลังหมดลงทุกนาทีที่ผ่านไป เวลาของอิหร่านกำลังนับถอยหลังอย่างแท้จริง และทุกทางเลือกยังอยู่บนโต๊ะ” เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ รายหนึ่งกล่าว
ก่อนเข้าร่วมการประชุม ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่าเขายังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะสั่งการโจมตีอิหร่านหรือไม่ และเน้นย้ำว่ายังไม่ปิดประตูต่อแนวทางทางการทูต
ภารกิจของอิหร่านประจำองค์การสหประชาชาติได้ทวีตเมื่อวันพุธว่า เตหะรานจะ “ไม่เจรจาภายใต้แรงกดดัน” โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ “นักปลุกระดมสงครามที่เคยรุ่งเรืองในอดีตและกำลังดิ้นรนหาความสำคัญ” ซึ่งสื่อเป็นนัยถึงนายกรัฐมนตรีเนทันยาฮู อย่างไรก็ตาม มีสัญญาณอื่น ๆ ที่บ่งชี้ว่าอิหร่านยังมีความเต็มใจที่จะเจรจา
สิ่งที่ต้องจับตา: เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ระบุว่าทรัมป์เชื่อว่า การคงไว้ซึ่ง “ความไม่ชัดเจน” เกี่ยวกับการตัดสินใจของตนจะยิ่งเพิ่มแรงกดดันต่ออิหร่าน
“ผมมีแนวคิดในใจ แต่ผมชอบตัดสินใจในวินาทีสุดท้าย” ทรัมป์กล่าวเมื่อวันพุธ
ที่มา Axios
© Copyright 2020, All Rights Reserved