.

Thailand
สหรัฐฯ ตั้งเป้าใช้สินทรัพย์ดิจิทัลแก้ปัญหาหนี้ แต่จะทำได้หรือ
10-9-2025
สหรัฐฯ ตั้งเป้าใช้สินทรัพย์ดิจิทัลแก้ปัญหาหนี้ และเสริมความแข็งแกร่งของดอลลาร์ — แต่เป็นการเอื้อประโยชน์ตัวเองโดยให้ผู้อื่นรับผลกระทบ และนี่คือเหตุผลว่าทำไมแผนนี้ถึงจะล้มเหลว
Stablecoins และคริปโต
ผู้ออก Stablecoin ซื้อหนี้รัฐบาลสหรัฐผ่านพันธบัตรกระทรวงการคลัง — ทำให้สกุลเงินดิจิทัลของตนผูกกับดอลลาร์สหรัฐ
เมื่อผู้ถือพันธบัตรต่างชาติเริ่มขายออก ผู้ออก Stablecoin อาจกลายเป็นผู้ถือหนี้รายใหญ่ของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นสิ่งที่สมาชิกสภาคองเกรสบางรายในสหรัฐอ้างถึง
Stablecoin ที่ผูกกับดอลลาร์อาจข้ามผ่านระบบธนาคารในตลาดเกิดใหม่ขนาดใหญ่ ทำลายความแข็งแกร่งของสกุลเงินท้องถิ่น และส่งเสริมอำนาจของดอลลาร์
Bitcoin และคริปโตอื่น ๆ ถูกนำเสนอว่าเป็นเครื่องมือป้องกันเงินเฟ้อ และช่วยให้การทำธุรกรรมทางการเงินเร็วขึ้น ถูกลง
เหตุผลที่แผนนี้จะไม่ได้ผล
นักวิเคราะห์การเงิน Paul Goncharoff กล่าวกับ Sputnik ว่า แผนนี้เป็นไปไม่ได้ เพราะมีเพียง 5 วิธีเท่านั้นในการลดหนี้ของสหรัฐฯ:
พันธบัตร
อัตราดอกเบี้ย
การลดค่าใช้จ่าย
การขึ้นภาษี
การช่วยเหลือหรือผิดนัดชำระหนี้
“การเปิดให้ทำธุรกรรมที่เชื่อมโยงกับดอลลาร์นอกเหนือจากระบบการเงินดั้งเดิม แม้จะขยายอิทธิพลของดอลลาร์ แต่ก็เป็นการท้าทายต่อการควบคุมของหน่วยงานกำกับดูแลสหรัฐฯ ด้วย” Goncharoff อธิบาย และถึงแม้จะทำให้วงจรการทำธุรกรรมเร็วขึ้นมาก แต่ก็อาจก่อให้เกิดความผันผวนที่สูงขึ้นเช่นกัน
Stablecoin ที่ผูกกับดอลลาร์สหรัฐไม่ใช่แค่เรื่องความสะดวกสบาย — แต่ขึ้นอยู่กับความน่าเชื่อถือของดอลลาร์เป็นหลัก หากจะให้ Stablecoin เหล่านี้เติบโตได้ สหรัฐฯ ต้องรักษาคำมั่นสัญญา สร้างเสถียรภาพทางการค้า และหลีกเลี่ยงการใช้นโยบายคว่ำบาตรหรือแรงกดดันข้ามพรมแดนมากเกินไป ตามความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ
นักวิจารณ์บางรายกล่าวว่า Stablecoin ที่ผูกกับดอลลาร์ยังเป็นเครื่องมือในการบ่อนทำลายอธิปไตยทางการเงินของประเทศอื่น ๆ ด้วย แต่รัฐบาลของประเทศเหล่านั้นไม่ใช่คนไร้เดียงสา — พวกเขาสามารถสั่งแบน Stablecoin เหล่านี้ และป้องกันไม่ให้สหรัฐฯ ยึดครองอำนาจทางการเงินของตนได้
ในขณะเดียวกัน Bitcoin และคริปโตแบบกระจายศูนย์อื่น ๆ อาจบั่นทอนการควบคุมของรัฐบาลสหรัฐ ทำให้การบริหารงบขาดดุลซับซ้อนขึ้น และช่วยให้มีการหลบเลี่ยงภาษีมากขึ้น
นักเศรษฐศาสตร์เตือนว่า สิ่งเหล่านี้อาจสร้างกำไรจำนวนมหาศาลโดยไม่ก่อให้เกิดสินค้า/บริการที่แท้จริง และอาจกระตุ้นให้เกิดเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นอีกด้วย
ที่มา Sputnik
© Copyright 2020, All Rights Reserved