ช่องโหว่คริปโตฯ 'เปิดทางรัฐที่ถูกคว่ำบาตรฟอกเงินฯ
ช่องโหว่คริปโตฯ 'เปิดทางรัฐที่ถูกคว่ำบาตรฟอกเงินโครงการอาวุธ' ผู้เชี่ยวชาญเตือนนโยบายหนุนคริปโตฯ ของ ของทรัมป์เสี่ยงบั่นทอนความมั่นคงสหรัฐฯ
19-12-2025
Asia Time รายงานว่า สองปีหลังจากเหตุการณ์กลุ่ม Hamas (ฮามาส) โจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 ครอบครัวผู้ตกเป็นเหยื่อกว่า 300 รายได้ยื่นฟ้องร้องต่อ Binance (ไบแนนซ์) แพลตฟอร์มคริปโตเคอร์เรนซีรายใหญ่ที่เผชิญกับข่าวอื้อฉาวอย่างต่อเนื่อง โดยในคำฟ้องเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2025 ได้ระบุว่า Binance และ Changpeng Zhao (ฉางเผิง จ้าว) อดีตซีอีโอที่เพิ่งได้รับอภัยโทษ จงใจเพิกเฉยต่อระบบป้องกันการฟอกเงินและมาตรการ "รู้จักลูกค้า" (Know Your Customer - KYC) ซึ่งส่งผลให้กลุ่มก่อการร้ายอย่าง Hamas และ Hezbollah (เฮซบอลเลาะห์) สามารถฟอกเงินได้รวมกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อต้านการแพร่ขยายเทคโนโลยีอาวุธเชื่อว่า กรณีของ Binance เป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็งของการใช้สินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อบ่อนทำลายความมั่นคงระดับโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรัฐบาลภายใต้การนำของประธานาธิบดี Donald Trump (โดนัลด์ ทรัมป์) มีท่าทีโอบรับคริปโตเคอร์เรนซีอย่างชัดเจน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความสามารถของสหรัฐฯ ในการสกัดกั้นท่อน้ำเลี้ยงที่ไหลไปสู่โครงการอาวุธผิดกฎหมายของประเทศอย่างเกาหลีเหนือ (North Korea), อิหร่าน (Iran) และรัสเซีย (Russia)
เครื่องมือหลบเลี่ยงการคว่ำบาตรและการปล้นดิจิทัลข้ามโลก
โครงการความมั่นคงระหว่างประเทศ การพาณิชย์ และเศรษฐศาสตร์การเมือง (Project on International Security, Commerce, and Economic Statecraft) ชี้ให้เห็นว่า ตลอด 13 ปีที่ผ่านมา คริปโตฯ ถูกพัฒนาเป็นเครื่องมือเชิงนวัตกรรมเพื่อหลบเลี่ยงการคว่ำบาตรอย่างมีนัยสำคัญ ตัวอย่างที่ชัดเจนคือเหตุการณ์เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2025 ซึ่งสายลับเกาหลีเหนือได้ทำการ "ปล้นธนาคารดิจิทัล" ขโมยคริปโตเคอร์เรนซีมูลค่ากว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์จาก Bybit (ไบ บิท) แพลตฟอร์มในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ผ่านการติดตั้งมัลแวร์และข้ามระบบยืนยันตัวตน ก่อนจะนำเงินเหล่านั้นไปผ่านกระบวนการ "ผสมเหรียญ" (Mixer) เพื่ออำพรางที่มาและปลายทาง ซึ่ง FBI ระบุว่าเป็นการฝีมือของกลุ่มแฮ็กเกอร์ TraderTraitor ของเกาหลีเหนือ
จุดอ่อนของระบบและนโยบายที่เปลี่ยนไป
คริปโตเคอร์เรนซีกลายเป็นสิ่งดึงดูดใจเนื่องจากการโอนย้ายที่ง่ายดายและไม่มีข้อกำหนดในการยืนยันตัวตนที่เข้มงวด แม้แต่ "Stablecoins" ซึ่งรัฐบาล Trump สนับสนุนว่าเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยและมีดอลลาร์ค้ำประกัน ก็ยังพบว่าถูกนำไปใช้อย่างผิดวัตถุประสงค์ในโครงการอาวุธ ผลวิเคราะห์ระบุว่าอุตสาหกรรมคริปโตฯ ยังคงล้าหลังในการบังคับใช้มาตรการป้องกันการฟอกเงินเมื่อเทียบกับระบบการเงินแบบดั้งเดิม โดยเฉพาะกลุ่มผู้ให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัล (Virtual Asset Service Providers - VASPs) ที่กระจายอยู่ทั่วโลกซึ่งยากต่อการควบคุม
รายงานระบุข้อมูลที่น่าตกใจว่า ในช่วง 21 เดือนที่ผ่านมา เกาหลีเหนือขโมยคริปโตฯ ไปแล้วอย่างน้อย 2.8 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่อิหร่านใช้แพลตฟอร์ม Nobitex (โนบิเท็กซ์) ของตนเองเพื่อช่วยขายน้ำมันนำเงินไปสนับสนุนกลุ่ม Houthi (ฮูตี) และ Hezbollah ส่วนรัสเซียเริ่มหันมาใช้คริปโตฯ ของตนเองในการจัดซื้อเทคโนโลยีอาวุธเพื่อทำสงครามในยูเครน (Ukraine)
ภัยคุกคามต่อความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ
ท่ามกลางความเสี่ยงที่เพิ่มสูงขึ้น รัฐบาลสหรัฐฯ กลับลดความเข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมาย การอภัยโทษให้ Changpeng Zhao กลายเป็นประเด็นที่ถูกจับตามองถึงสัญญาณที่ส่งไปยังอุตสาหกรรมคริปโตฯ นอกจากนี้ การลดระเบียบข้อบังคับของธนาคารและการยุบหน่วยปราบปรามการทุจริตคริปโตฯ ของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (Department of Justice - DOJ) ได้สร้างความเสียหายต่อขีดความสามารถในการสกัดกั้นเงินทุนอาวุธอย่างรุนแรง
ความพยายามของสหรัฐฯ ที่จะยุติแนวทาง "การกำกับดูแลผ่านการดำเนินคดี" (Regulation by prosecution) รวมถึงการละทิ้งคดีสำคัญที่เกี่ยวข้องกับเครื่องมือ "Mixer" ของเกาหลีเหนือ ถูกมองว่าเป็นการส่งสัญญาณที่ผิดพลาด เพราะในขณะนี้ คริปโตเคอร์เรนซีกำลังถูกใช้เป็นเครื่องมือที่คุกคามผลประโยชน์และความมั่นคงของอเมริกาและโลกอย่างเป็นรูปธรรม การเพิกเฉยต่อความเสี่ยงด้านการฟอกเงินและการหลบเลี่ยงการคว่ำบาตร จึงถือเป็นภัยคุกคามร้ายแรงที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน
---
IMCT NEWS
ที่มา https://asiatimes.com/2025/12/rogue-states-using-crypto-gaps-to-finance-weapon-programs/