ดอลลาร์อ่อนค่าลงต่ำสุดในรอบ 3 ปี

ดอลลาร์อ่อนค่าลงต่ำสุดในรอบ 3 ปี ท่ามกลางความกังวลเรื่องภาษีและเศรษฐกิจสหรัฐฯ
13-6-2025
ดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดในรอบสามปี ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับนโยบายภาษีของสหรัฐฯ และแนวโน้มเศรษฐกิจในประเทศ ดัชนี Bloomberg Dollar Spot ลดลงมากถึง 0.8% ในวันพฤหัสบดี แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2022 ขณะที่ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้นแตะระดับแข็งค่าที่สุดนับตั้งแต่ปี 2021 และเงินปอนด์อังกฤษก็ปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบสามปี สกุลเงินของทุกประเทศในกลุ่ม G10 ต่างแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์
การอ่อนค่าล่าสุดของดอลลาร์เกิดขึ้นหลังจากข้อมูลเศรษฐกิจที่เผยแพร่ในวันพฤหัสบดีแสดงให้เห็นว่า อัตราเงินเฟ้อผู้ผลิตในสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในระดับต่ำในเดือนพฤษภาคม เนื่องจากราคาสินค้าและบริการยังไม่ขยับขึ้นมาก ซึ่งเมื่อรวมกับข้อมูลเศรษฐกิจอื่น ๆ ส่งผลให้เทรดเดอร์หันไปคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม โดยการประชุมนโยบายการเงินครั้งถัดไปของ Fed มีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 18 มิถุนายน
ก่อนหน้านั้นในช่วงต้นวัน ดอลลาร์ถูกกดดันหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่าจะประกาศมาตรการเรียกเก็บภาษีฝ่ายเดียวกับประเทศคู่ค้าในเร็ว ๆ นี้
“การที่ทรัมป์ขู่จะเรียกเก็บภาษีอีกครั้ง สร้างความกังวลต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลให้ตลาดคาดการณ์ว่า Fed อาจจำเป็นต้องผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม” เฮเลน กิฟเวน นักเทรดค่าเงินจากบริษัท Monex Inc. กล่าว พร้อมเสริมว่า ดัชนีดอลลาร์อาจอ่อนค่าลงได้อีก 5% ถึง 6% ภายในปีนี้
พอล ทูดอร์ โจนส์ คาดการณ์ดอลลาร์สหรัฐฯ อาจอ่อนค่าลงอีก 10% ภายในหนึ่งปี พอล ทูดอร์ โจนส์ ผู้ก่อตั้งกองทุนเฮดจ์ฟันด์ด้านเศรษฐกิจมหภาค Tudor Investment Corp. กล่าวว่าดอลลาร์สหรัฐฯ อาจอ่อนค่าลงอีก 10% ภายในปีหน้า เนื่องจากเขาคาดว่าอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นจะถูกปรับลดลงอย่างมากในช่วงปีข้างหน้า
จนถึงตอนนี้ในปี 2025 ดอลลาร์ได้อ่อนค่าลงแล้วกว่า 8% ขณะที่นักลงทุนเพิ่มการวางเดิมพันว่ามาตรการภาษีและการค้าของประธานาธิบดีทรัมป์จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ นักกลยุทธ์จากวอลล์สตรีทหลายรายได้เตือนว่าดอลลาร์ยังมีแนวโน้มที่จะอ่อนค่าลงอีก ซึ่งสอดคล้องกับนักลงทุนเก็งกำไรที่สำนักงานคณะกรรมการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์ (CFTC) ติดตาม พบว่ามีการวางเดิมพันมูลค่ากว่า 12.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐว่าดอลลาร์จะยังคงอ่อนค่าต่อไป
ความกังวลยังคงอยู่ที่ความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯ อาจประสบกับภาวะเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น และเข้าสู่ภาวะถดถอยจากมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าของทรัมป์อย่างกว้างขวาง ส่งผลให้นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจใหม่ ๆ โดยเฉพาะตลาดแรงงานอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed)
จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานซ้ำในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปลายปี 2021 ในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 31 พฤษภาคม บ่งชี้ว่าผู้ว่างงานกำลังประสบปัญหาในการหางานทำ ขณะเดียวกัน ดัชนีภาคบริการของสถาบันจัดการด้านอุปทานแห่งสหรัฐฯ (ISM) แสดงให้เห็นว่ากิจกรรมของผู้ให้บริการในสหรัฐฯ ลดลงเข้าสู่ภาวะหดตัวเป็นครั้งแรกในรอบเกือบหนึ่งปี เนื่องจากความต้องการชะลอตัวลงอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ ก่อนผลกระทบจากภาษีจะส่งผลเต็มที่ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของสหรัฐฯ ในเดือนพฤษภาคมยังคงเร่งตัวน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ติดต่อกันเป็นเดือนที่สี่
เทรดเดอร์จับตาการประมูลพันธบัตรอายุ 30 ปี ท่ามกลางความกังวลด้านการคลัง
นักลงทุนยังคงจับตามองการประมูลพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 30 ปีในช่วงต่อไปของวัน หลังจากที่อัตราผลตอบแทน (yield) พุ่งสูงขึ้นเมื่อเดือนก่อนเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับนโยบายการคลัง
นักกลยุทธ์จากหน่วยงานหนึ่งของ Pictet ระบุว่าพวกเขาคาดว่าดอลลาร์สหรัฐฯ จะอ่อนค่าลงต่อเนื่องจากความไม่แน่นอนในนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ โดยเฉพาะในเรื่องภาษีศุลกากร รวมถึงนโยบายที่อาจนำไปสู่การขาดดุลการคลังที่เพิ่มขึ้น พวกเขาคาดการณ์ว่าเงินตราของประเทศพัฒนาแล้วจะปรับตัวแข็งค่าขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
จนถึงขณะนี้ สกุลเงินทั้งหมดในกลุ่ม G10 ต่างแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ โดยฟรังก์สวิสและยูโรเป็นสองสกุลเงินที่ทำผลงานได้ดีที่สุด ยูโรถูกมองว่าเป็นหนึ่งในผู้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากการไหลออกของเงินทุนจากสินทรัพย์สหรัฐฯ เนื่องจากการตัดสินใจของเยอรมนีในการเพิ่มการใช้จ่าย ซึ่งคาดว่าจะสนับสนุนแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจของยุโรป
สิ่งที่นักกลยุทธ์ของ Bloomberg กล่าว...
“ความจริงที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงคือ ดอลลาร์สหรัฐฯ กำลังเผชิญกับภาวะขาดดีมานด์ จากนโยบายหลักของรัฐบาลทรัมป์ที่มุ่งลดการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของสหรัฐฯ จุดจบจะเป็นเช่นไรยังไม่มีใครรู้ แต่ทิศทางนั้นชัดเจนอยู่แล้ว และการลดขาดดุลหมายถึงความต้องการเงินดอลลาร์และสินทรัพย์ของสหรัฐฯ ที่ลดลง”
ในขณะเดียวกัน ดัชนีค่าเงินของประเทศตลาดเกิดใหม่ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 6% แล้วในปีนี้ อันเป็นผลมาจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ นักวิเคราะห์จาก MUFG ได้แก่ เดเร็ค ฮัลเพนนี, ลี ฮาร์ดแมน และ หลิน ลี่ เขียนไว้ในรายงาน June FX Outlook ว่า
“เมื่อเข้าสู่ครึ่งหลังของปี เราจะเห็นความปั่นป่วนของนโยบายการค้าที่เพิ่มขึ้น ความอ่อนแอของตลาดแรงงานที่ชัดเจนขึ้น และธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่เริ่มส่งสัญญาณผ่อนคลายมากขึ้น นี่จะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการอ่อนค่าของดอลลาร์เพิ่มเติมในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 และต่อเนื่องถึงปี 2026”
ที่มา Yahoo Finance