รัสเซีย'ประกาศจะไม่ยุติสงครามยูเครน

รัสเซีย'ประกาศจะไม่ยุติสงครามยูเครนจนกว่า NATO จะถอนกำลังออกจากบอลติก
10-6-2025
Newsweek รายงานว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัสเซียออกมาเตือนว่า สงครามในยูเครนจะไม่มีวันสิ้นสุดจนกว่า NATO จะถอนกำลังทหารออกจากภูมิภาคบอลติกทั้งหมด ถือเป็นการยกระดับเงื่อนไขการเจรจาสันติภาพอย่างมีนัยสำคัญ
เซอร์เกย์ รยาบคอฟ รองรัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียซึ่งรับผิดชอบดูแลความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ การควบคุมอาวุธ และนโยบายไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ เปิดเผยจุดยืนใหม่นี้ระหว่างให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Tass ของรัฐบาลรัสเซีย
คำกล่าวของ รยาบคอฟสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงจุดยืนครั้งสำคัญของเครมลิน โดยเขาชี้ว่ารากฐานของความขัดแย้งไม่ได้อยู่ที่ยูเครนเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการขยายอิทธิพลของนาโต้สู่ทิศตะวันออก รยาบคอฟย้ำว่าการถอนกำลังนาโต้ออกจากภูมิภาคบอลติกคือปัจจัยสำคัญที่จะนำไปสู่การยุติสงคราม
NATO ปัจจุบันมีกำลังทหารที่แข็งแกร่งในกลุ่มประเทศบอลติก โดยได้จัดตั้งกลุ่มรบหลายชาติและกองพลประจำการในบัลแกเรีย เอสโตเนีย ฮังการี ลัตเวีย ลิทัวเนีย โปแลนด์ โรมาเนีย และสโลวาเกีย พันธมิตรทางทหารนี้ได้เสริมกำลังในภูมิภาคหลังจากรัสเซียเปิดฉากบุกยูเครนเต็มรูปแบบ
ในรายงานอัปเดตเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน NATO ระบุว่ากลุ่มรบทั้ง 8 กลุ่มนี้ "แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของสายสัมพันธ์ข้ามแอตแลนติก ความสามัคคี ความมุ่งมั่น และความพร้อมของพันธมิตรในการตอบโต้การรุกรานทุกรูปแบบ"
นอกจากนี้ สวีเดนและฟินแลนด์ซึ่งเคยวางตัวเป็นกลางก็ได้เปลี่ยนสถานะเป็นสมาชิกนาโต้ภายหลังการบุกยูเครนของรัสเซีย ก่อนหน้านี้ เครมลินได้ระบุว่าเงื่อนไขหนึ่งในการยุติสงครามคือยูเครนต้องสละความมุ่งมั่นที่จะเข้าร่วมนาโต้ อย่างไรก็ตาม จากการให้สัมภาษณ์ล่าสุด รยาบคอฟดูเหมือนจะยกระดับข้อเรียกร้อง โดยกล่าวว่าNATOต้องถอนกำลังออกจากภูมิภาคบอลติกอย่างสิ้นเชิงด้วย
ในบทความที่มีชื่อว่า "รองรัฐมนตรีต่างประเทศรยาบคอฟ: เป็นไปไม่ได้ที่จะแก้ไขความขัดแย้งจนกว่าNATOจะถอนกำลัง" เจ้าหน้าที่รายนี้อธิบายว่าการแก้ไขความขัดแย้งในยูเครนจำเป็นต้องจัดการกับสิ่งที่เขาเรียกว่าสาเหตุรากฐาน
"ฝ่ายอเมริกาต้องดำเนินขั้นตอนที่เป็นรูปธรรมเพื่อขจัดสาเหตุรากฐานของความขัดแย้งหลักระหว่างเราในด้านความมั่นคง" รยาบคอฟกล่าว "ในบรรดาสาเหตุเหล่านี้ การขยายตัวของNATOคือประเด็นหลัก หากไม่สามารถแก้ไขปัญหาพื้นฐานและเร่งด่วนที่สุดสำหรับเรานี้ได้ การยุติความขัดแย้งปัจจุบันในภูมิภาคยูโร-แอตแลนติกก็เป็นไปไม่ได้"
รยาบคอฟย้ำว่าการขยายตัวของ NATO ไปทางตะวันออกเป็นจุดศูนย์กลางของสงคราม "เมื่อพิจารณาถึงลักษณะและต้นกำเนิดของวิกฤตยูเครนที่ถูกยั่วยุโดยรัฐบาลสหรัฐฯ ชุดก่อนและโลกตะวันตกทั้งหมด ความขัดแย้งนี้จึงเป็นเสมือนการทดสอบที่ตรวจสอบความจริงจังของเจตนารมณ์วอชิงตันในการปรับความสัมพันธ์กับเรา"
เมื่อเดือนที่ผ่านมา แหล่งข่าวชาวรัสเซียสามรายที่รับรู้ข้อมูลการเจรจาระดับสูงซึ่งนำโดยวอชิงตัน เปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า เงื่อนไขของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ในการยุติสงครามยูเครนรวมถึงการให้คำมั่นเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้นำตะวันตกว่าจะหยุดการขยายอิทธิพลของ NATO ไปทางตะวันออก
แหล่งข่าวระดับสูงของรัสเซียซึ่งรับรู้แนวคิดของเครมลินกล่าวกับรอยเตอร์ในบทความที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมว่า "ปูตินพร้อมทำสันติภาพ แต่ไม่ใช่ด้วยราคาใดๆ" ขณะที่แหล่งข่าวอีกรายระบุว่า "ปูตินได้แข็งกร้าวในจุดยืนของเขา"
ด้านรยาบคอฟเองก็กล่าวกับ Tass ว่า "การกลับมาของทรัมป์สู่ทำเนียบขาว พร้อมคำประกาศถึงความมุ่งมั่นในการยุติวิกฤตยูเครนทางการเมืองและการทูต เป็นเหตุผลให้เกิดความหวังอย่างระมัดระวังต่อการฟื้นฟูความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ และในภาพกว้าง"
"ประธานาธิบดีของรัสเซียและสหรัฐฯ ได้สนทนาทางโทรศัพท์กันถึงสี่ครั้ง ฝ่ายเรารู้สึกขอบคุณสำหรับการสนับสนุนของสหรัฐฯ ในการกลับมาเจรจาโดยตรงระหว่างรัสเซียและยูเครน ซึ่งฝ่ายยูเครนได้ยุติไปในปี 2022" รยาบคอฟกล่าว
"อย่างไรก็ตาม วลาดิมีร์ วลาดิมิโรวิช ปูติน ยังคงยืนยันหลักการพื้นฐานถึงความจำเป็นในการขจัดรากเหง้าของความขัดแย้งภายใต้กรอบความพยายามทางการเมืองและการทูต มิเช่นนั้น สันติภาพระยะยาวจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ในแง่ที่เป็นรูปธรรม เราจำเป็นต้องตัดโอกาสทุกรูปแบบที่กองกำลังยูเครนจะใช้ช่วงหยุดพักเพื่อฟื้นฟูและจัดระเบียบกองกำลังใหม่"
ในอนาคตอันใกล้ มอสโกและเคียฟยังคงโจมตีดินแดนของกันและกันต่อไป โดยสงครามในยูเครนแทบไม่มีสัญญาณใดๆ ที่จะนำไปสู่ข้อตกลงสันติภาพในเร็ววันนี้
---
IMCT NEWS
ที่มา https://www.newsweek.com/russia-end-ukraine-war-nato-baltics-2082912