สหรัฐฯ กังวล จีนโชว์ระบบเรดาร์-โดรนล้ำยุค

สหรัฐฯ กังวล จีนโชว์ระบบเรดาร์-โดรนล้ำยุค สร้างเครือข่าย'โจมตีไร้เสียง'ในสนามรบ
13-6-2025
Asia Times รายงาน จีนเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีสนามรบไร้เสียง ล่าสุดทีมนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์อิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยีแห่งประเทศจีน นำโดย หลี่ จงหยู่ ประสบความสำเร็จในการทดสอบระบบเรดาร์แบบใหม่ที่สามารถตรวจจับเป้าหมายภาคพื้นดินที่เคลื่อนที่ได้อย่างแม่นยำ ขณะเดียวกันก็ยังคงเงียบสนิทจากการปล่อยคลื่นวิทยุ
การทดลองใช้เครื่องบิน Cessna 208 สองลำ โดยลำหนึ่งทำหน้าที่ส่งสัญญาณเรดาร์ (แอ็กทีฟ) อีกลำรับสัญญาณสะท้อนแบบพาสซีฟ ทำให้สามารถแยกเป้าหมายได้ชัดเจนกว่าระบบปัจจุบันถึง 20 เดซิเบล แม้ในภูมิประเทศที่เรดาร์ทั่วไปไม่สามารถเข้าถึงได้ ผลลัพธ์นี้เกิดจากการประยุกต์ใช้เทคนิคคณิตศาสตร์ขั้นสูงและการตัดสัญญาณรบกวนแบบใหม่ โดยไม่ต้องพึ่งพาปัญญาประดิษฐ์
เครื่องบินพาสซีฟไม่ปล่อยสัญญาณใดๆ ทำให้แทบตรวจจับหรือรบกวนไม่ได้ เหมาะกับภารกิจที่ต้องการหลบเลี่ยงการตรวจจับ (LPI) หลี่ระบุว่านี่คือ “ครั้งแรกของโลก” ที่จีนสามารถนำเทคโนโลยีนี้มาใช้จริง ซึ่งจะทำให้จีนก้าวล้ำในสงครามอิเล็กทรอนิกส์ยุคใหม่
ยุทธศาสตร์เรดาร์ใหม่: ผสานพาสซีฟ-แอ็กทีฟ
ผู้เชี่ยวชาญอย่าง Eric Hundman จาก China Aerospace Studies Institute (CASI) ชี้ว่า เรดาร์พาสซีฟมีจุดแข็งในการตรวจจับเครื่องบินล่องหน เพราะไม่ปล่อยสัญญาณให้โดนโจมตี แต่ยังมีข้อจำกัดเรื่องการพึ่งพาสัญญาณภายนอกและขอบเขตความถี่
ขณะที่เรดาร์แอ็กทีฟมีความสามารถสูงและหลากหลาย แต่ก็เสี่ยงต่อการถูกตรวจจับและโจมตีโดยขีปนาวุธต่อต้านรังสี นักวิจัยจีนจึงพยายามผสานข้อมูลจากทั้งสองระบบเข้าด้วยกัน สร้างเครือข่ายเรดาร์ที่ยืดหยุ่น ครอบคลุม และทนทานต่อสงครามอิเล็กทรอนิกส์และการโจมตีทางกายภาพ
โดรน-ฝูงบินไร้คนขับ: เสริมเขี้ยวเล็บ PLA
รายงานของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (CMPR 2024) ระบุว่ากองทัพปลดแอกประชาชนจีน (PLA) เดินหน้าพัฒนาและบูรณาการระบบไร้คนขับ ทั้งฝูงโดรนและการทำงานร่วมกันระหว่างคนกับโดรน (MUM-T) โดยใช้โดรนในภารกิจข่าวกรอง สอดแนม สงครามอิเล็กทรอนิกส์ ล่อหลอก และโจมตีแม่นยำร่วมกับเครื่องบินสเตลท์
Travis Sharp จาก CSBA ชี้ว่า การจับคู่เครื่องบินขับไล่สเตลท์กับเครื่องบินรบร่วม (CCA) จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการรบ CCA จะใช้เรดาร์แอ็กทีฟตรวจจับศัตรู ส่งข้อมูลให้เครื่องบินสเตลท์ที่ยังคงเงียบสนิท เพื่อโจมตีเป้าหมายจากระยะไกลโดยไม่ถูกตรวจจับ
เทคโนโลยีนี้ยังเปิดโอกาสให้ CCA สามารถรบกวนเรดาร์ศัตรู เพิ่มโอกาสรอดและขยายพิสัยโจมตี ซึ่งเป็นยุทธวิธีสำคัญในความขัดแย้งศักยภาพสูง เช่น ช่องแคบไต้หวัน
ยุคใหม่ของฝูงโดรนและเครื่องบินรบไร้คนขับ
จีนยังพัฒนาเครื่องบินรบรุ่นที่ 6 เช่น J-36 ที่เน้นขีปนาวุธพิสัยไกลและการควบคุมฝูงโดรน โดยไม่ได้เน้นการต่อสู้ประชิดตัว แต่เน้นการสั่งการและควบคุมให้ฝูงบินไร้คนขับโจมตีเป้าหมายหลากหลายทั้งทางอากาศ ทะเล และภาคพื้นดิน
SCMP รายงานว่าโดรน Jiu Tan ของจีน ซึ่งเป็น UAV ระยะไกลระดับสูง สามารถบรรทุกโดรนโจมตีพลีชีพได้สูงสุด 100 ลำ หรือกระสุน 6 ตัน มีพิสัยบิน 7,000 กิโลเมตร และบินได้สูงถึง 15,000 เมตร หากนำมาใช้จริง จะเสริมศักยภาพการรุกโจมตีแบบ “ฝูง” ของ PLA อย่างมหาศาล
Stacie Pettyjohn จาก CNAS เตือนว่า จีนมีข้อได้เปรียบด้านจำนวนและความหลากหลายของโดรน สามารถใช้โจมตีและสอดแนมสหรัฐฯ-ไต้หวันได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึง โดยเฉพาะในช่วงต้นของความขัดแย้ง
**จุดอ่อนของสหรัฐฯ ในการรับมือฝูงโดรน**
รายงานของ Heritage Foundation ระบุว่าสหรัฐฯ ยังเผชิญความท้าทายในการรับมือฝูงโดรน ทั้งในด้านการตรวจจับ การฝึกกำลังพล และการใช้อาวุธพลังงานกำกับ เช่น เลเซอร์หรือไมโครเวฟ ที่ยังไม่พร้อมใช้งานจริง ช่องโหว่เหล่านี้ทำให้ฐานทัพและกำลังพลสหรัฐฯ เสี่ยงต่อการโจมตีจากฝูงโดรน
ขณะที่สหรัฐฯ กำลังเร่งอุดช่องโหว่ จีนกลับเดินหน้าสร้างเครือข่าย “เซ็นเซอร์-โจมตี” ที่ทำงานเงียบเชียบ ยืดหยุ่น และขยายได้ในระดับมหภาค อาจเปลี่ยนสมดุลสงครามยุคใหม่ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกอย่างมีนัยสำคัญ
---
IMCT NEWS
ที่มา https://asiatimes.com/2025/06/china-cracks-code-on-invisible-battlefield-surveillance/