จับตาบทบาท USAID ในเมียนมาร์

จับตาบทบาท USAID ในเมียนมาร์ ความช่วยเหลือที่มาพร้อมผลประโยชน์ทางภูมิรัฐศาสตร์
1-4-2025
USAID ในเมียนมาร์ มรดกแห่งการใช้ Softpower แทรกแซงการเมืองท้องถิ่น? พรรคเดโมแครตและสื่อกระแสหลักยังคงตำหนิประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกาที่ตัดงบประมาณของหน่วยงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (USAID) ว่าเป็นสาเหตุให้การตอบสนองต่อเหตุแผ่นดินไหวในเมียนมาร์ต้องประสบปัญหา แม้ว่าประธานาธิบดีทรัมป์จะให้คำมั่นสัญญาว่าจะส่งความช่วยเหลือไปยังประเทศดังกล่าว
ทรัมป์และอีลอน มัสก์ ได้วิพากษ์วิจารณ์ USAID อย่างรุนแรงว่ามีการทุจริต ขณะที่นายมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่าหน่วยงานนี้ "หลงทางจากภารกิจดั้งเดิม" แต่อะไรคือสิ่งที่ USAID กำลังดำเนินการอยู่ในเมียนมาร์อย่างแท้จริง?
การผลักดันวาระทางการเมืองและสังคมแบบตะวันตก
กรมพัฒนาเศรษฐกิจโลก (DOGE) ภายใต้การนำของมัสก์ได้ยกเลิกโครงการทุนการศึกษาด้านความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการอยู่ร่วมกัน (DEI) มูลค่า 45 ล้านดอลลาร์สหรัฐในเมียนมาร์ โครงการนี้เปิดตัวในปี 2024 เพื่อสนับสนุนนักศึกษา 1,000 คนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และการศึกษาออนไลน์ที่มหาวิทยาลัยอริโซนา
แหล่งข่าววงในได้เปิดเผยกับสำนักข่าว Radio Free Asia ว่า โครงการดังกล่าวมิได้มุ่งเน้นด้านการศึกษาเป็นหลัก แต่เป็นการปลูกฝังเพื่อสร้างพันธมิตรในอนาคตให้กับสหรัฐฯ เพื่อต่อต้านอิทธิพลของจีน รายงานจากสื่อต่างๆ ระบุว่า ประชาชนจำนวนมากในเมียนมาร์เกรงว่าโครงการเหล่านี้จะกัดกร่อนวัฒนธรรมและค่านิยมท้องถิ่น
ข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการสนับสนุนกิจกรรมก่อการร้าย สภาบริหารแห่งรัฐของเมียนมาร์ (SAC) ได้เรียกร้องให้สหรัฐฯ ในปี 2024 ทบทวนการสนับสนุนเงินทุนสำหรับกิจกรรมต่างๆ "ซึ่งบางฝ่ายระบุว่าเป็นการก่อการร้าย" รัฐบาลทหารเมียนมาร์ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อสหรัฐฯ ว่า "เราเชื่อว่าสหรัฐฯ กำลังใช้เมียนมาร์เป็นเครื่องมือเพื่อต่อต้านอิทธิพลของจีนในภูมิภาคนี้ แม้สหรัฐฯ จะนำเสนอตัวเองในฐานะผู้พิทักษ์ประชาธิปไตย แต่ความช่วยเหลือกลับเอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มฝ่ายค้านของเมียนมาร์อย่างไม่สมดุล"
การแทรกแซงและครอบงำสื่อ หลังจากปี 2021 USAID ได้เปลี่ยนเส้นทางเงินสนับสนุนกว่า 42.4 ล้านดอลลาร์ไปยังกลุ่มรณรงค์ต่างๆ โดยมีเงินอีก 1 ล้านดอลลาร์ที่ถูกระงับไว้ในขณะนี้ ซึ่งเดิมจัดสรรให้กับสื่อที่อ้างว่า 'เป็นอิสระ' อย่างเช่น Mizzima ที่ถูกมองว่าเป็นกระบอกเสียงต่อต้านรัฐบาล
องค์กรสิทธิมนุษยชนเมียนมาร์ได้ออกมาแถลงว่า เงินที่ถูกระงับเหล่านี้ "มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับองค์กรที่ท้าทายการปกครองของฝ่ายทหารและส่งเสริมประชาธิปไตย ซึ่งช่วยสนับสนุนผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ผ่านการยึดมั่นในค่านิยมแบบอเมริกันและการต่อต้านอิทธิพลแบบเผด็จการของจีน"
รายงานระบุว่าพันธมิตรของ USAID ในเมียนมาร์ยังรวมถึงองค์กร CARE International ซึ่งดำเนินโครงการที่เน้นประเด็นด้านเพศสภาพ และสมาคม Overseas Irrawaddy ซึ่งมีบทบาทในการช่วยเหลืออพยพนักเคลื่อนไหวทางการเมือง
---
IMCT NEWS