.

ราคาทองคำจะพุ่งแตะ $4,500 ในปีหน้า สภาทองคำโลกชี้ธนาคารกลาง-ความขัดแย้งทางการค้าและภูมิรัฐศาสตร์โลก เป็นปัจจัยหนุน
19-3-2025
ราคาทองคำทำสถิติสูงสุดใหม่ทะลุระดับ 3,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่เพิ่มมาตรการตอบโต้ด้านภาษี ส่งผลให้นักลงทุนทั่วโลกแห่ถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย โดยผู้เชี่ยวชาญหลายรายเชื่อว่าราคาอาจพุ่งสูงถึง 4,500 ดอลลาร์ภายในปีหน้า
แม้ว่าราคาจะปรับตัวลดลงเล็กน้อยหลังทำจุดสูงสุดประวัติศาสตร์ แต่ปัจจัยพื้นฐานยังคงหนุนให้ราคาทองคำอยู่ในทิศทางขาขึ้น ด้วยแรงหนุนจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มสูงขึ้น
มุมมองนักวิเคราะห์ต่อราคาทองคำ
พอล วิลเลียมส์ กรรมการผู้จัดการของบริษัท Solomon Global ผู้จัดจำหน่ายทองคำแท่งและเหรียญเงิน วิเคราะห์ว่า "การที่ราคาทองคำทะลุระดับ 3,000 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสำคัญทางจิตวิทยา เป็นผลโดยตรงจากความตึงเครียดด้านการค้าที่ทวีความรุนแรงและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น"
"การขู่ขึ้นภาษีล่าสุดของทรัมป์ โดยเฉพาะการพิจารณาเก็บภาษีนำเข้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จากสหภาพยุโรปในอัตราสูงถึงร้อยละ 200 ได้ส่งคลื่นกระทบต่อตลาดการเงินโลก ผลักดันให้ความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ" วิลเลียมส์กล่าว
วิลเลียมส์ยังคาดการณ์อีกว่า "ด้วยแรงส่งในปัจจุบัน ราคาทองคำที่ 3,500 ดอลลาร์ภายในฤดูร้อนนี้ และอาจสูงถึง 4,500 ดอลลาร์ภายในปีหน้า ถือเป็นเรื่องที่มีความเป็นไปได้สูง เมื่อความวุ่นวายจากนโยบายภาษีของทรัมป์กำลังสร้างความปั่นป่วนให้กับตลาดอีกครั้ง ทองคำจึงกลายเป็นเกราะป้องกันความไม่แน่นอนที่ดีที่สุด"
จอห์น รีด นักยุทธศาสตร์ตลาดอาวุโสแห่งสภาทองคำโลก (World Gold Council) ให้มุมมองต่างว่า "คำถามสำคัญคือทองคำจะสามารถรักษาระดับเหนือ 3,000 ดอลลาร์ได้อย่างยั่งยืนหรือไม่ การที่ราคาจะยืนเหนือระดับนี้ได้อย่างมั่นคง เราจำเป็นต้องเห็นอุปสงค์ที่ต่อเนื่องจากธนาคารกลาง หรือกระแสเงินลงทุนที่เพิ่มขึ้นจากนักลงทุนตะวันตก"
รีดเน้นย้ำว่าราคา 3,000 ดอลลาร์เป็นหมุดหมายสำคัญที่ตอกย้ำสถานะของทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยในยามที่มีความไม่แน่นอน โดยเปรียบเทียบกับช่วงสำคัญในอดีต เช่น การทะลุ 1,000 ดอลลาร์ในช่วงวิกฤตการเงินโลก และการข้าม 2,000 ดอลลาร์ระหว่างการแพร่ระบาดของโควิด-19
ทอม เบลีย์ หัวหน้าฝ่ายวิจัยของ HANetf ให้ความเห็นว่า "ทองคำได้ทำสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้ง สะท้อนการที่นักลงทุนมองหาโลหะมีค่านี้เพื่อป้องกันความเสี่ยง หลังจากทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในปี 2567 ทองคำแสดงศักยภาพในการรักษาแรงส่งต่อเนื่องในปี 2568 และเรายังคงคาดการณ์ว่าราคาจะปรับตัวสูงขึ้นต่อไป"
เบลีย์ยังชี้ให้เห็นความแตกต่างสำคัญระหว่างปีนี้กับปีก่อน โดยระบุว่า "นักลงทุนยุโรปได้เข้ามามีส่วนร่วมในตลาดทองคำอย่างมีนัยสำคัญแล้ว" ซึ่งต่างจากปี 2567 ที่นักลงทุนยุโรปถอนเงินออกจากกองทุน ETCs ที่อิงกับทองคำถึง 5.8 พันล้านดอลลาร์
เบลีย์ยังแนะนำให้จับตาหุ้นกลุ่มเหมืองทอง โดยกล่าวว่า "แม้ว่าหุ้นบริษัทเหมืองทองจะปรับตัวล้าหลังราคาทองคำในช่วงที่ผ่านมา แต่หุ้นกลุ่มนี้อาจเป็นโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจ เมื่อพวกเขาสามารถตามทันการปรับขึ้นของราคาโลหะพื้นฐาน"
วิธีการลงทุนในทองคำในภาวะราคาขาขึ้น
ผู้เชี่ยวชาญแนะนำวิธีการลงทุนในทองคำหลายรูปแบบ เพื่อให้เหมาะสมกับเป้าหมายการลงทุนและระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของแต่ละบุคคล ดังนี้:
1. การลงทุนในกองทุน ETCs (Exchange Traded Commodities)
ETCs เป็นตราสารที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ออกแบบมาเพื่อติดตามราคาทองคำ คล้ายกับการลงทุนในกองทุนที่ติดตามดัชนี แต่เน้นทองคำโดยเฉพาะ นักลงทุนควรศึกษาให้ชัดเจนว่ากองทุนมีการลงทุนผ่านตราสารอนุพันธ์หรือมีการถือครองทองคำจริง โดยแต่ละรูปแบบมีความซับซ้อนและความเสี่ยงแตกต่างกัน
ข้อดีของ ETCs คือสภาพคล่องสูง ซื้อขายง่าย ไม่ต้องกังวลเรื่องการเก็บรักษา และมีค่าใช้จ่ายในการถือครองต่ำกว่าการถือทองคำแท่ง
2. การลงทุนผ่านกองทุนรวมทองคำหรือกองทุนหลากหลายสินทรัพย์
สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการติดตามราคาทองคำโดยตรง การลงทุนผ่านกองทุนรวมที่มีการลงทุนในทองคำหรือกองทุนหลากหลายสินทรัพย์ที่มีสัดส่วนการลงทุนในทองคำเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการกระจายความเสี่ยงและไม่ต้องการจัดการการลงทุนด้วยตนเอง
3. การซื้อทองคำแท่งหรือเหรียญทองคำ
การถือครองทองคำในรูปแบบกายภาพเป็นวิธีการลงทุนแบบดั้งเดิมที่ยังคงได้รับความนิยม โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย การลงทุนรูปแบบนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการถือครองสินทรัพย์จริงและมองการลงทุนในระยะยาว
หากเก็บทองคำไว้ที่บ้าน จำเป็นต้องมีระบบรักษาความปลอดภัยและการประกันภัยที่เหมาะสม หลายบริษัทให้บริการเก็บรักษาทองคำในตู้นิรภัยที่มีความปลอดภัยสูง ซึ่งมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมแต่ช่วยลดความเสี่ยงในการเก็บรักษา
4. การลงทุนในหุ้นบริษัทเหมืองทอง
การลงทุนในหุ้นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการสำรวจและขุดเจาะทองคำเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่อาจให้ผลตอบแทนสูงในช่วงที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้น หุ้นกลุ่มนี้มีความผันผวนสูงกว่าราคาทองคำโดยตรง เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัจจัยเฉพาะของบริษัท เช่น ประสิทธิภาพการผลิต ต้นทุน และการบริหารจัดการ
นักลงทุนที่มีประสบการณ์ไม่มากอาจพิจารณาลงทุนผ่านกองทุนรวมที่เน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มเหมืองทอง ซึ่งมีผู้จัดการกองทุนที่มีความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมนี้โดยเฉพาะ
5. การลงทุนผ่านตราสารอนุพันธ์ที่อ้างอิงราคาทองคำ
สำหรับนักลงทุนที่มีความเชี่ยวชาญ การลงทุนผ่านสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures) หรือออปชั่น (Options) ที่อ้างอิงราคาทองคำ เป็นอีกทางเลือกที่อาจให้ผลตอบแทนสูง แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงเช่นกัน
การลงทุนในรูปแบบนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจในตราสารอนุพันธ์เป็นอย่างดี และสามารถรับความเสี่ยงจากการใช้เงินลงทุนเริ่มต้นน้อยแต่มีโอกาสได้รับผลตอบแทนหรือขาดทุนในสัดส่วนที่สูงกว่า
ในสถานการณ์ปัจจุบันที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีการคาดการณ์ว่าอาจพุ่งสูงถึง 4,500 ดอลลาร์ นักลงทุนควรพิจารณากลยุทธ์การลงทุนให้สอดคล้องกับเป้าหมายทางการเงิน ระยะเวลา และระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของตนเอง
---
IMCT NEWS : Photo World Gold Council
ที่มา https://www.thisismoney.co.uk/money/investing/article-14498823/Gold-Trump-trade-war.html