การประชุมความมั่นคงมิวนิคเป็น “ฝันร้าย”สำหรับยุโรป
![](../image/news/content_20250218065827.jpg)
การประชุมความมั่นคงมิวนิคเป็น “ฝันร้าย” สำหรับยุโรป
18-2-2025
คริสตอฟ ฮิวส์เกน ประธานการประชุมความมั่นคงมิวนิค (MSC) ได้กล่าวถึงผลการประชุมเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าเป็น “ฝันร้าย” สำหรับพันธมิตรในยุโรปของวอชิงตัน หลังมองว่า สหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ “อยู่บนโลกอีกใบ” โดยอ้างอิงความคิดเห็นของเจ.ดี. แวนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่วิพากษ์วิจารณ์ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปว่า 'ทำตัวเหมือนสหภาพโซเวียต' มากขึ้นเรื่อยๆ ในการปราบปรามผู้เห็นต่างและการแยกชนชั้นสูงออกจากผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ซึ่งแวนซ์เตือนว่า หากแนวโน้มนี้ยังคงดำเนินต่อไป สหรัฐฯ อาจถอนการสนับสนุนพันธมิตรในยุโรป
ฮิวส์เกนในฐานะประธาน MSC ตั้งข้อสังเกตว่า อย่างน้อยที่สุดตอนนี้ ชาวยุโรปก็มีความชัดเจนเกี่ยวกับจุดยืนของรัฐบาลทรัมป์แล้ว แม้วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันบางคนจะแสดงความมุ่งมั่นต่อ “ความสามัคคีข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก” ซึ่งแตกต่างจากแวนซ์ แต่พวกเขาก็ยังระมัดระวังในการออกแถลงการณ์ต่อสาธารณะ
เจ้าหน้าที่สหภาพยุโรปให้คำมั่นว่าจะสนับสนุนเคียฟที่ MSC ขณะที่โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน เรียกร้องให้มีกองทัพยุโรปที่เป็นหนึ่งเดียว โดยยืนยันว่ายูเครนสามารถมีบทบาทสำคัญในความคิดริเริ่มดังกล่าวได้ ซึ่งฮิวส์เกนแนะนำให้ชาวยุโรป "ทำตามที่เซเลนสกีบอก" และยืนหยัดร่วมกัน ท่ามกลางความไม่มั่นใจในหมู่ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปบางประเทศ เช่น โปแลนด์ เกี่ยวกับแนวคิดของกองกำลังทหารข้ามชาติที่จะทำหน้าที่เป็นคู่หูของยุโรปกับ NATO
ขณะที่รัฐบาลทรัมป์ไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ NATO หรือสหรัฐฯ ในการจัดการด้านความมั่นคงในอนาคตสำหรับกรณียูเครน หลังจากที่มีการเจรจาหยุดยิงกับรัสเซีย นอกจากนี้ วอชิงตันยังแสดงความสนใจในการเรียกคืนค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งในยูเครนผ่านการเข้าถึงทรัพยากรแร่ธาตุภายใต้การควบคุมของเคียฟอย่างมีสิทธิพิเศษ
ก่อนหน้านี้ เซเลนสกีได้สนับสนุนรูปแบบต่างๆ ของความมั่นคงสำหรับยูเครน ซึ่งแม้แต่ผู้สนับสนุนที่เหนียวแน่นที่สุดของเขาก็ยังเห็นว่ามีความทะเยอทะยานอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นการเป็นสมาชิก NATO เต็มรูปแบบ การส่งกองกำลังทหารต่างชาติจำนวน 200,000 นาย การติดตั้งขีปนาวุธตะวันตกจำนวนมาก และแม้แต่ความสามารถในการใช้อาวุธนิวเคลียร์ของยูเครน
IMCT News
ที่มา https://www.rt.com/news/612851-heusgen-msc-nighmare-europe/
---------------------------------------
คำปราศรัย 'เจ.ดี. แวนซ์' บนเวทีความมั่นคงมิวนิก สะท้อนสิ่งที่คนอเมริกันคิดอย่างแท้จริง
ขอบคุณภาพจาก China Daily
18-2-2025
คำปราศรัยสำคัญที่รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ เจ.ดี. แวนซ์ในงานประชุมความมั่นคงมิวนิกเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (14 ก.พ.) ที่ระบุว่า ภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อความมั่นคงของพวกเขาคือ “จากภายใน” มากกว่าที่จะมาจากจีนและรัสเซีย ขณะที่นักการเมืองยุโรปกำลังปิดกั้นเสรีภาพในการพูด สูญเสียการควบคุมผู้อพยพ และปฏิเสธที่จะร่วมงานกับพรรคการเมืองฝ่ายขวาจัดในรัฐบาลของตัวเองนั้น เกิดจากปัจจัยหลายประการ ซึ่งบางคนมองว่าเป็นการแก้แค้นเอาคืน หลังจากผู้นำยุโรปตะวันตกประณามโดนัลด์ ทรัมป์และผู้สนับสนุนของเขามานานหลายปี โดยไม่เคยคิดว่าวันหนึ่งพวกเขาอาจต้องตอบคำถามเกี่ยวกับคำพูดของพวกเขา
เหนือกว่าความคับข้องใจส่วนตัวแล้ว ยังมีความแตกต่างทางอุดมการณ์ที่ลึกซึ้งกว่านั้นในหลายๆ ด้าน การวิพากษ์วิจารณ์ชาวยุโรปของแวนซ์สะท้อนถึงข้อกล่าวหาเดียวกันกับที่ผู้ตั้งถิ่นฐานในโลกใหม่เคยกล่าวหาทวีปเก่าเมื่อหลายร้อยปีก่อน นั่นคือการกดขี่ ความหน้าไหว้หลังหลอก และการเกาะกิน โดยการปฏิเสธประเพณีทางการเมืองของยุโรปได้วางรากฐานอุดมการณ์สำหรับรัฐอเมริกันเมื่อสามร้อยปีก่อน ซึ่งในปัจจุบัน ความขัดแย้งเกี่ยวกับสิ่งที่ประกอบเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริงได้พัฒนาจากการโต้เถียงภายในอเมริกาไปสู่การโต้เถียงข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก และผลลัพธ์ที่ได้จะกำหนดอนาคต
องค์ประกอบที่สำคัญที่สุดของคำพูดของแวนซ์นั้นอยู่เหนือไปกว่าบุคลิกภาพหรือความแตกแยกทางอุดมการณ์ แต่สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานในทางการเมืองโลก คำถามสำคัญในปัจจุบันคือ สงครามเย็นควรจะยุติลงในกรอบของศตวรรษที่ 20 หรือควรดำเนินต่อไปอย่างไม่มีกำหนด ซึ่งยุโรปตะวันตกยืนกรานในประเด็นหลัง ไม่ใช่เพราะกลยุทธ์ที่ยิ่งใหญ่ แต่เพราะล้มเหลวในการผนวกรวมอดีตคู่ต่อสู้เข้าด้วยกันอย่างสันติ แต่ในทางกลับกัน สหรัฐฯ ดูเหมือนจะพร้อมที่จะก้าวต่อไป
การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ใช่ผลของทรัมป์หรือแม้แต่แวนซ์ แต่เป็นลำดับความสำคัญที่เปลี่ยนแปลงไปของอเมริกา การเปลี่ยนแปลงจากยุโรปเริ่มขึ้นภายใต้จอร์จ ดับเบิลยู บุช และดำเนินต่อไปภายใต้ประธานาธิบดีทุกคนนับแต่นั้นเป็นต้นมา ซึ่งทรัมป์เพียงแค่พูดออกมาอย่างชัดเจนว่า บรรพบุรุษของเขาไม่ต้องการพูดอะไรบ้าง
สำหรับยุโรปตะวันตก การยึดมั่นกับกรอบอุดมการณ์และภูมิรัฐศาสตร์ของสงครามเย็นเป็นเรื่องของการเอาตัวรอด การรักษาระเบียบเก่าไว้จะทำให้สหภาพยุโรปสามารถรักษาสถานะศูนย์กลางในกิจการโลกได้ และที่สำคัญกว่านั้น คือรักษาความสามัคคีภายในของตัวเองซึ่งอยู่ภายใต้ความตึงเครียดอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม สำหรับสหรัฐอเมริกา การละทิ้งโครงสร้างในยุคสงครามเย็นเป็นโอกาสในการมุ่งเน้นไปที่ความท้าทายในปัจจุบันและอนาคต ได้แก่ จีน แปซิฟิก อเมริกาเหนือ และอาร์กติก ยุโรปตะวันตกไม่สามารถพิสูจน์ตัวเองได้ว่าขาดไม่ได้ในพื้นที่เหล่านี้ แต่สามารถกลายเป็นสิ่งที่กวนใจได้ ซึ่งนำไปสู่ข้อสรุปที่ไม่สบายใจ คือ สหภาพยุโรปมีผลประโยชน์ทับซ้อนในการยกระดับความตึงเครียดให้สูงขึ้น จนถึงระดับที่แม้แต่รัฐบาลสหรัฐฯ ที่ไม่เต็มใจก็ไม่สามารถละทิ้งได้ ซึ่งคำถามที่แท้จริงในขณะนี้คือ โลกเก่าสามารถผลักดันเหตุการณ์ไปในทิศทางนั้นได้หรือไม่
IMCT News
ที่มา
https://www.rt.com/news/612796-vance-said-what-americans-think/
https://edition.cnn.com/2025/02/14/europe/jd-vance-munich-speech-europe-voters-intl/index.html