ยูเครน-สหรัฐฯ จับมือพัฒนาแร่หายาก

ยูเครน-สหรัฐฯ จับมือพัฒนาแร่หายาก เปิดทางลงทุนแลกสนับสนุนทางทหาร
15-2-2025
ยูเครนเตรียมเปิดการพัฒนาแร่ธาตุยุทธศาสตร์ร่วมกับสหรัฐอเมริกา หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ริเริ่มการเข้าถึงแร่หายากของยูเครนเพื่อแลกกับการสนับสนุนทางทหารในสงครามกับรัสเซีย สอดคล้องกับแผนชัยชนะของประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ที่มุ่งดึงดูดนักลงทุนเชิงกลยุทธ์เพื่อพัฒนาแร่สำคัญเหล่านี้
Roman Opimakh (โรมัน โอปิมาคห์) ผู้อำนวยการสำนักงานสำรวจธรณีวิทยายูเครน เปิดเผยว่า ยูเครนครอบครองแร่เชิงยุทธศาสตร์ 23 ชนิดจาก 50 ชนิดที่สหรัฐฯ ระบุว่าสำคัญ และ 26 ชนิดจาก 34 ชนิดที่สหภาพยุโรปยอมรับ โดยมีความได้เปรียบด้านการแข่งขันใน 5 ชนิดหลัก ได้แก่ ไททาเนียม กราไฟต์ ลิเธียม เบริลเลียม และแร่หายาก (REE) ปัจจุบันแร่เหล่านี้ได้รับการพัฒนาเพียงบางส่วนและแทบไม่ได้ใช้ในการผลิตโลหะผสมและสินค้าสำเร็จรูป โดยมีใบอนุญาตพัฒนา 30 ใบ
ยูเครนมีแหล่งแร่ที่ยังไม่ได้รับอนุญาตกว่า 30 แหล่ง และแหล่งที่มีศักยภาพอีกราว 400 แห่ง ซึ่งสามารถผลิตโลหะไททาเนียม อะลูมิเนียม ซิลิกอน เจอร์เมเนียม และแกลเลียม โดยเฉพาะไททาเนียมที่มีปริมาณสำรองใหญ่ที่สุดในยุโรปและติดอันดับ 5 ของโลก สามารถตอบสนองความต้องการของสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปได้นานกว่า 25 ปี
แหล่งไททาเนียมที่สำคัญคือ สเตรมีโฮรอดสเก ซึ่งเป็นแหล่งอิลเมไนต์หินแข็งที่ใหญ่ที่สุดในโลก เทียบเท่ากับเทลเนสของนอร์เวย์และแลคติโอของแคนาดา แม้ยูเครนจะมีประสบการณ์ในการทำเหมืองและแปรรูปไททาเนียม แต่ยังขาดกำลังการผลิตด้านการหลอม จึงเปิดรับนักลงทุนต่างชาติร่วมพัฒนาโรงงานหลอมและผลิตเม็ดสีขาวในภูมิภาคซิโตเมียร์และดนิโปรเปตรอฟสค์
ด้านแหล่งเบริลเลียม Perzhansk ที่ได้รับอนุญาตพัฒนาในปี 2019 มีปริมาณสำรองออกไซด์ 13.9 พันตัน เพียงพอต่อการผลิตระดับโลกกว่า 20 ปี ส่วนลิเธียมแม้จะมีปริมาณไม่มากในระดับโลก แต่คิดเป็น 1 ใน 3 ของยุโรป มีศักยภาพเป็นซัพพลายเออร์สำคัญให้อุตสาหกรรมแบตเตอรี่ยุโรป แม้ปัจจุบัน 2 ใน 4 แหล่งจะอยู่ในพื้นที่ถูกยึดครอง โดยการลงทุนขั้นต้นอยู่ที่ 150-350 ล้านดอลลาร์ต่อโครงการ
ยูเครนยังมีกราไฟต์ 6 แหล่ง โดยบริษัท Volt Resources ของออสเตรเลียดำเนินการหนึ่งแห่งและส่งออกทั่วโลกรวมถึงสหรัฐฯ พร้อมออกใบอนุญาตเพิ่มให้ BGV Group ของยูเครนและ Onur Group ของตุรกีในปี 2019-2021 ซึ่งต้องใช้เงินลงทุนราว 650 ล้านดอลลาร์สำหรับการผลิตกราไฟต์บริสุทธิ์สูง
นอกจากนี้ ยูเครนยังมีแร่หายากในแหล่งฟอสเฟต Novopoltava และแหล่งอาซอฟ แม้จะอยู่นอกการควบคุมชั่วคราว รวมถึงเจอร์เมเนียมที่พบในก๊าซ ถ่านหิน และเถ้าจากการผลิตไฟฟ้า ซึ่งเคยผลิตที่โรงงานไททาเนียมแมกนีเซียมซาโปริซเซียในอดีต พร้อมฟื้นฟูการผลิตแกลเลียมที่โรงงานอะลูมินา Mykolaiv และซิลิกอนจากทรายควอทซ์คุณภาพสูงที่เหมือง Glukhiv
ทั้งนี้ แม้ยูเครนจะมีทรัพยากรสำคัญที่สามารถบูรณาการเข้ากับห่วงโซ่อุปทานของ NATO และ OECD แต่ต้องการเงินทุนและเทคโนโลยีจากต่างชาติ ซึ่งปัจจุบันมีความคืบหน้าจากการลงทุนของบริษัทจากออสเตรเลีย ตุรกี และอาเซอร์ไบจาน รวมถึงข้อตกลงกับสหภาพยุโรป อย่างไรก็ตาม ความร่วมมือกับสหรัฐฯ ถือเป็นโอกาสสำคัญที่สุดในการพัฒนาขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีขั้นสูงและนวัตกรรมของยูเครน
---
IMCT NEWS : Photo Credit: UMCC
ที่มา https://www.mining.com/ukraine-and-us-partner-in-critical-minerals-sector/