.

สายตรงทรัมป์' ชัยชนะที่ปูตินรอคอย หนุนบรรลุเป้าหมายยูเครน
14-2-2025
The Guardian นำเสนอบทวิเคราะห์ ว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ประสบความสำเร็จทางการทูตครั้งสำคัญที่สุดในรอบ 3 ปีของสงครามยูเครน หลังการสนทนาทางโทรศัพท์ 90 นาทีกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยมองว่าวิสัยทัศน์ที่เขาใฝ่ฝันมานาน คือการที่มหาอำนาจสองชาติจะร่วมกำหนดชะตากรรมยูเครนเหนือกรุงเคียฟและพันธมิตรยุโรป เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง
"การโทรศัพท์คุยกับทรัมป์โดยตรงเป็นสิ่งที่ปูตินรอคอยมาโดยตลอด นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการเจรจา แต่ปูตินชนะในยกแรกแล้ว" แหล่งข่าวในวงการนโยบายต่างประเทศรัสเซียเปิดเผย พร้อมระบุว่า แม้จะเผชิญความพ่ายแพ้อย่างย่อยยับในช่วงเริ่มต้นการรุกราน สูญเสียกำลังพลมากที่สุดในประวัติศาสตร์ และเศรษฐกิจตึงเครียด แต่ประธานาธิบดีรัสเซียมั่นใจว่าสถานการณ์กำลังพลิกมาเป็นฝ่ายได้เปรียบ
การสนทนาเกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ แถลงที่กรุงบรัสเซลส์ว่า ยูเครนต้องยอมทิ้งความหวังการเข้านาโต้และยอมรับการเสียดินแดน ซึ่งเท่ากับยอมรับข้อเรียกร้องบางส่วนของรัสเซียก่อนเริ่มเจรจา
บรรยากาศในวงการการเมืองมอสโกคึกคักเช้าวันพฤหัสบดี นักวิเคราะห์สนับสนุนเครมลินหลายคนชี้ว่า การที่ทรัมป์แจ้งประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี หลังจากคุยกับปูตินแล้ว เท่ากับเป็นการบังคับเงื่อนไขการเจรจาต่อเคียฟ "เซเลนสกีขอร้องให้ทรัมป์คุยกับเขาก่อนปูติน แต่ทรัมป์กลับทำตรงกันข้าม" เซอร์เกย์ มาร์คอฟ นักวิจารณ์รัสเซียกล่าวอย่างเยาะเย้ย
เหตุการณ์นี้ถือเป็นจุดสุดยอดของการทูตหลายเดือนที่ปูตินพยายามเข้าหาทรัมป์ ด้วยการยกย่องความกล้าหาญและสติปัญญาของเขา รวมถึงสนับสนุนข้อกล่าวอ้างที่ไม่มีหลักฐานว่าการเลือกตั้งสหรัฐฯ ปี 2020 ถูกโกง
"ตอนนี้ปูตินให้ความสำคัญกับทรัมป์เป็นหลัก คนอื่นไม่สำคัญ เป้าหมายต่อไปคือการพบปะแบบปิดประตูเพื่อกดดันให้มากขึ้น" แหล่งข่าวระบุ พร้อมคาดว่าผู้นำทั้งสองอาจพบกันที่ซาอุดีอาระเบียเร็วๆ นี้
ความคึกคักในมอสโกสะท้อนผ่านตลาดหุ้นที่พุ่งขึ้นกว่า 6% เมื่อวันพฤหัสบดี ขณะที่เงินรูเบิลแข็งค่าสูงสุดนับแต่ฤดูร้อน หุ้นบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Gazprom และ Rostelecom เพิ่มขึ้นกว่า 8% จากความหวังว่าข้อตกลงสันติภาพอาจนำไปสู่การยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรนับพันที่มีต่อรัสเซีย
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญทั้งในและนอกมอสโกเตือนว่า การเจรจาอาจยืดเยื้อและไม่แน่นอน ขณะที่เครมลินยังคงจุดยืนแข็งกร้าว โดยปูตินย้ำถึง "ความจำเป็นในการกำจัดรากเหง้าของความขัดแย้ง" ซึ่งบ่งชี้ว่าอาจต้องการควบคุมดินแดนในยูเครนมากกว่าที่มีอยู่ และเปลี่ยนแปลงรัฐบาลในเคียฟ เงื่อนไขที่แม้แต่รัฐบาลทรัมป์อาจยอมรับได้ยาก
"จุดยืนของทั้งสองฝ่ายต่างกันมากและดูเข้ากันไม่ได้" ทาเทียนา สตาโนวายา ผู้ก่อตั้ง R.Politik บริษัทวิเคราะห์การเมือง กล่าว "สำหรับปูติน ทางออกที่แท้จริงคือยูเครนที่ 'เป็นมิตร' กับรัสเซีย ไร้ขีดความสามารถทางทหาร มีรัฐธรรมนูญใหม่ และรับประกันว่าจะไม่เข้านาโต้"
สตาโนวายาระบุว่า ปูติน "พร้อมเต็มที่" หากการเจรจาล้มเหลวและต้องสู้รบต่อ โดยมั่นใจในความเหนือกว่าในสนามรบและการที่ทรัมป์ไม่เต็มใจส่งอาวุธเพิ่มให้ยูเครน "จากมุมมองเครมลิน ตะวันตกไม่มีทางพลิกกลับการยึดครองดินแดนของรัสเซียและป้องกันการล่มสลายของยูเครนในระยะยาวได้"
กระนั้น ยังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากกลุ่มขวาจัดรัสเซียที่มีอิทธิพลมากขึ้นในช่วงสงคราม "ทรัมป์จะ 'อนุญาต' ให้รัสเซียเก็บดินแดนที่ยึดได้ แต่ไม่มากกว่านั้น พร้อมเสนอหลักประกันบางอย่างให้ยูเครน" ซาคาร์ ปรีเลปิน นักเขียนชาตินิยมสุดขั้วกล่าว พร้อมย้ำว่า "ยูเครนทั้งหมดเป็นของเรา เป็นดินแดนรัสเซีย"
"มีช่วงที่ชนชั้นนำหลายคนสงสัยว่าการเริ่มสงครามหรือไม่ยอมรับสันติภาพเร็วกว่านี้เป็นการตัดสินใจที่ฉลาดหรือไม่" นักธุรกิจที่มีเส้นสายดีในมอสโกกล่าว "แต่ตอนนี้แทบไม่มีใครถามคำถามนั้นแล้ว การเดิมพันของเขาเริ่มให้ผลตอบแทน"
---
IMCT NEWS / Photo : © Mikhail Klementyev/Russian presidential press service/TASS
ที่มา https://www.theguardian.com/world/2025/feb/13/putin-trump-call-ukraine-russia-analysis