.

ผู้นำยุโรปตื่นตระหนก! หลังถูกกีดกันไม่ให้ร่วมสนทนากรณียูเครน 'ทรัมป์-ปูติน'
ขอบคุณภาพจาก NDTV
14-2-2025
ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกเครมลินเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียและโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ หารือทางโทรศัพท์นานถึงหนึ่งชั่วโมงครึ่งเกี่ยวกับยูเครน ตะวันออกกลาง ปัญหาพลังงาน และการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างประชาชน ซึ่งจุดชนวนปฏิกิริยาของนักการเมืองยุโรปจำนวนมาก เช่น ดวิด แลมมี รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ โพสต์แถลงการณ์ร่วมกับหลายประเทศในยุโรป โดยระบุว่า “เป้าหมายร่วมกันของเรา ควรเป็นการทำให้ยูเครนอยู่ในตำแหน่งที่แข็งแกร่ง ยูเครนและยุโรปจะต้องเป็นส่วนหนึ่งของการเจรจาใดๆ”
ด้านจอห์น ฮีลีย์ รัฐมนตรีกลาโหมอังกฤษ อ้างว่าไม่สามารถทำการเจรจาสันติภาพเกี่ยวกับยูเครนได้ “หากไม่มียูเครน”
ขณะที่บอริส ปิสตอริอุส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของเยอรมนี แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าเป็นเรื่อง "น่าเสียดาย" โดยให้เหตุผลว่ารัฐบาลทรัมป์ได้ "ยอมรับ" บางอย่างกับรัสเซีย และยืนยันว่า "คงจะดีกว่าหากได้พูดคุยกันถึงความเป็นไปได้ที่ยูเครนจะเข้าเป็นสมาชิก NATO หรืออาจสูญเสียดินแดนบนโต๊ะเจรจา" พร้อมๆ กับอันนาเลนา แบร์บอค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของเยอรมนี ที่กล่าวเสริมว่า "สันติภาพสามารถบรรลุได้ร่วมกันเท่านั้น ซึ่งหมายถึงกับยูเครนและกับยุโรป"
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีโดนัลด์ ทัสก์ของโปแลนด์ ประกาศว่า "สิ่งที่เราต้องการคือสันติภาพ... ยูเครน ยุโรป และสหรัฐฯ ควรทำงานร่วมกันในเรื่องนี้"
ส่วนฌอง-โนเอล บาร์โรต์ นักการทูตระดับสูงของฝรั่งเศส ยืนกรานว่า "จะไม่มีสันติภาพที่ยุติธรรมและยั่งยืนในยูเครนหากไม่มียุโรป"
ขณะเดียวกัน ฮันโน เปฟคูร์ รัฐมนตรีกลาโหมเอสโตเนีย กล่าวเสริมว่า "ยุโรปกำลังลงทุนในด้านการป้องกันของยูเครน และยุโรปกำลังสร้างยูเครนขึ้นใหม่ด้วยเงินของสหภาพยุโรป ด้วยความช่วยเหลือทวิภาคีของเรา ดังนั้น เราจึงต้องอยู่ที่นั่น"
และสุดท้าย มาร์ก รุตต์ เลขาธิการ NATO เรียกร้องให้เร่งการผลิตด้านการป้องกันในกลุ่มประเทศสมาชิก โดยกล่าวเสริมว่า "เราต้องแน่ใจว่ายูเครนอยู่ในตำแหน่งที่แข็งแกร่ง"
IMCT News
ที่มา https://sputnikglobe.com/20250213/panic-grips-european-leaders-as-eu-left-out-of-trump-putin-call-1121563947.html
-------------------------------------------------
EU อาจล้มละลายหากพยายามอุ้มยูเครนหลังสหรัฐฯ เลิกสนับสนุน
14-2-2025
สื่อธุรกิจของสหรัฐฯ คำนวณว่า หากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทิ้งภาระไว้ให้พวกเขาในกรณียูเครน พันธมิตรในยุโรปของ NATO จะต้องเสียเงินเพิ่มอีก 3.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วง 10 ปี เพื่อจัดหาเงินทุนให้กับยูเครนและขยายขีดความสามารถด้านการป้องกันประเทศ โดยยุโรป "ไม่มีกำลังพอที่จะทำสงครามตัวแทนกับมอสโกต่อไป" และ "จำเป็นต้องทำสันติภาพกับรัสเซียด้วยตนเอง" แม้ว่าจะพยายามรักษาความขัดแย้งไว้สักระยะหนึ่ง หลังจากถอนการสนับสนุนของสหรัฐออกไปแล้วก็ตาม ตามมุมมองของ ดร.กิลเบิร์ต ด็อกโตโรว์
ขณะเดียวกัน ทรัมป์ก็ "ได้ตอกย้ำความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของสหภาพยุโรปด้วยการถอนสหรัฐฯ ออกจากความขัดแย้งและปล่อยให้ยุโรปจัดการให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่พวกเขาไม่สามารถรับมือได้ ไม่ใช่แค่เรื่องเงิน แต่พวกเขาไม่มีเสบียงทางทหารที่ยูเครนต้องการเพื่อสู้รบต่อไป
“หากสหรัฐฯ ไม่ได้เข้าร่วม สถานการณ์ของยูเครนจะสิ้นหวัง และทุกคนก็รู้ดี”
สำหรับการเปลี่ยนแปลงท่าทีด้านการป้องกันของสหรัฐฯ ที่มีต่อยุโรปครั้งนี้ใหญ่กว่าเดิมมาก โดยวอชิงตันพร้อมที่จะขยาย “ร่มนิวเคลียร์” ของตนไปยังภูมิภาคนี้ต่อไป ขณะเดียวกันก็ลดความมุ่งมั่นของกองกำลังแบบเดิมลง
“นัยต่อไปก็คือ เมื่อยุโรปเข้าใจว่าพวกเขาไม่สามารถยืนหยัดต่อสู้กับกองทัพรัสเซียได้ด้วยตัวเอง พวกเขาก็จะเข้าใจเองว่าพวกเขาต้องปรับตัวกับรัสเซียในเรื่องความมั่นคงของยุโรป” ดร.ด็อกโตโรว์กล่าว
ขณะที่ Bloomberg Economics ได้คำนวณเมื่อวานนี้ (13 ก.พ.) ว่าการสนับสนุนยูเครนโดยอิสระของยุโรปและการสร้างกองกำลังทหารของตนเองจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอีก 3.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยรวมถึง 175,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในการสร้างกองทัพยูเครน 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับกองกำลังรักษาสันติภาพที่มีกำลังพล 40,000 นาย และการใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศที่กู้ยืมมา 2.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยสมาชิก NATO ที่ใหญ่ที่สุด 5 ประเทศของยุโรป สำหรับคลังอาวุธปืนใหญ่ ระบบป้องกันภัยทางอากาศ และขีปนาวุธ รวมทั้งการส่งกำลังบำรุงที่ชายแดนทางตะวันออกของ NATO ด้วย
IMCT News
-----------------------------------------
เซเลนสกี'ไม่พอใจทรัมป์คุยปูติน ปฏิเสธดีลสันติภาพสหรัฐฯ-รัสเซีย หากขาดยูเครนเข้าร่วม
14-2-2025
ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ประกาศชัดจะไม่ยอมรับข้อตกลงทวิภาคีใดๆ ระหว่างมอสโกว์และวอชิงตันที่ตัดสินชะตากรรมของยูเครนโดยไม่มีเคียฟร่วมโต๊ะเจรจา พร้อมเรียกร้องให้ยุโรปมีส่วนร่วมในการเจรจายุติสงคราม
ผู้นำยูเครนแถลงที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระหว่างเดินทางไปร่วมการประชุมความมั่นคงมิวนิก หนึ่งวันหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน และประกาศเริ่มการเจรจา โดยย้ำว่า "ในฐานะประเทศเอกราช เราไม่สามารถยอมรับข้อตกลงใดๆ ที่ไม่มีเรามีส่วนร่วม"
การสนทนาระหว่างทรัมป์-ปูติน และคำกล่าวของรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ที่ระบุว่าเคียฟไม่สามารถเข้าร่วมนาโตได้ และการกลับสู่พรมแดนก่อนปี 2014 เป็นเรื่องไม่สมจริง สร้างความวิตกในยุโรปว่าทำเนียบขาวอาจทำข้อตกลงกับรัสเซียโดยไม่มีพวกเขา เซเลนสกีเน้นย้ำว่า "สิ่งสำคัญคือต้องไม่ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามแผนของปูตินที่ต้องการให้การเจรจาเป็นแบบทวิภาคีกับสหรัฐฯ"
แม้ประธานาธิบดียูเครนจะพยายามลดทอนความสำคัญของการที่ทรัมป์โทรหาปูตินก่อน โดยระบุว่าไม่ได้สะท้อนลำดับความสำคัญที่แท้จริงของวอชิงตัน แต่ก็ยอมรับว่าเป็นเรื่อง "ไม่น่าพอใจ" เขากำลังผลักดันให้ได้พบทรัมป์ก่อนที่ผู้นำสหรัฐฯ จะพบปูตินในซาอุดีอาระเบีย ขณะที่ยูเครนแจ้งว่ากำลังประสานงานจัดการประชุมระหว่างเซเลนสกี-ทรัมป์ แต่ยังไม่มีกำหนดการชัดเจน
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นขณะที่สงครามใกล้ครบรอบ 3 ปี โดยรัสเซียยังคงควบคุมพื้นที่ 1 ใน 5 ของยูเครน และรุกคืบในภาคตะวันออกอย่างต่อเนื่อง ขณะที่กองทัพยูเครนซึ่งมีขนาดเล็กกว่าเผชิญปัญหาขาดแคลนกำลังพล และพยายามรักษาดินแดนส่วนหนึ่งในรัสเซียตะวันตก
---
IMCT NEWS
----------------------------------------
'เฮกเซธ' ยัน 'ทรัมป์' ไม่ได้ทรยศยูเครน!
14-2-2025
พีท เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ยืนยันว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ไม่ได้ “ทรยศ” ยูเครน แต่กำลังแสวงหาสันติภาพโดยการพูดคุยกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินแห่งรัสเซีย หลังจากที่ผู้นำสหรัฐและรัสเซียสนทนากันครั้งแรกนับตั้งแต่ความขัดแย้งในยูเครนทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อเกือบ 3 ปีก่อน
ในการให้สัมภาษณ์กับ The Economist ไม่กี่ชั่วโมงก่อนการโทรศัพท์ระหว่างปูตินและทรัมป์เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (12 ก.พ.) ผู้นำยูเครน โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ระบุว่าการเจรจาสันติภาพใดๆ เกี่ยวกับยูเครนที่ไม่รวมเคียฟจะเป็นการทรยศที่อันตราย ซึ่งเฮกเซธปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว ก่อนการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมของ NATO ที่กรุงบรัสเซลส์ เมื่อวานนี้ (13 ก.พ.)
“ไม่มีการทรยศ” มีการยอมรับว่าทั้งโลกและสหรัฐฯ ต่างลงทุนและสนใจในสันติภาพ” ผู้นำเพนตากอนกล่าว
หลังสนทนากับปูตินเป็นเวลา 90 นาที ทรัมป์กล่าวว่าการเจรจาเพื่อยุติความขัดแย้งในยูเครนจะเริ่มขึ้น "ในทันที" และเสริมว่าเขา "อาจจะ" พบกับปูตินในซาอุดีอาระเบียเพื่อพูดคุยกันเพิ่มเติม ขณะที่มอสโกไม่ได้ยืนยันหรือปฏิเสธคำพูดเกี่ยวกับสถานที่จัดการประชุมดังกล่าว
ขณะที่ปูตินสนับสนุนมุมมองของทรัมป์ที่ว่าถึงเวลาแล้วที่รัสเซียและสหรัฐฯ จะต้องทำงานร่วมกัน ตามที่เครมลินระบุในข่าวเผยแพร่หลังการสนทนาทางโทรศัพท์ พร้อมระบุว่าประธานาธิบดีรัสเซียย้ำถึงความจำเป็นในการแก้ไขสาเหตุหลักของความขัดแย้งในยูเครน และเห็นด้วยว่าการยุติความขัดแย้งในระยะยาวสามารถบรรลุได้ด้วยการเจรจาสันติภาพ
ก่อนการสนทนาทางโทรศัพท์ เฮกเซธได้สรุปจุดยืนในการเจรจาของสหรัฐฯ โดยระบุว่าเคียฟต้องยอมรับว่าการกลับไปสู่พรมแดนของยูเครนก่อนปี 2014 นั้น "ไม่สมจริง" เขายังยอมรับด้วยว่าการที่ยูเครนเป็นสมาชิก NATO จะไม่ใช่ผลลัพธ์ที่เป็นไปได้จากการเจรจา และตัดเจ้าหน้าที่รักษาสันติภาพของสหรัฐฯ ออกจากประเทศ
หลังจากโทรศัพท์คุยกับปูตินแล้ว ทรัมป์ยังโทรศัพท์หาเซเลนสกีเพื่อหารือเรื่องข้อตกลงสันติภาพ รวมถึงประเด็นอื่นๆ ซึ่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า การสนทนากับผู้นำยูเครนเป็นไปด้วยดี และเซเลนสกีต้องการสร้างสันติภาพ
ก่อนหน้านี้ เซเลนสกียืนกรานว่าข้อตกลงใดๆ จะต้องรักษาบูรณภาพแห่งดินแดนของเคียฟไว้ แต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เขาเสนอว่าเขาจะพิจารณาแลกเปลี่ยนดินแดนหากทรัมป์ประสบความสำเร็จในการนำยูเครนและรัสเซียเข้าสู่โต๊ะเจรจา
ขณะที่รัสเซียยืนยันว่า การเจรจาสันติภาพใดๆ จะต้องยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นจริง และตัดความเป็นไปได้ในการแลกเปลี่ยนดินแดนกับเคียฟ
IMCT News
ที่มา https://www.rt.com/news/612664-trump-not-betraying-ukraine-pentagon/